คอลัมน์ : คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
สมัย เด็กเราจะต้องเรียนถึงระบบนิเวศวิทยา (Ecosystem) ที่พูดถึงห่วงโซ่อาหาร วงจรของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายและทำหน้าที่แตกต่างกันเช่น ผู้ผลิตสามารถผลิตอาหารขึ้นมาได้เอง พืชที่สังเคราะห์แสง มีผู้บริโภคหลาย ๆ ลำดับขั้น รูปแบบของสิ่งมีชีวิตก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสภาพแวดล้อม เรียกได้ว่าระบบนิเวศทางธรรมชาติคือวงจรความเป็น ความตาย และสมดุลการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ
ใน วงการธุรกิจ ตั้งแต่ปี 1990 เริ่มมีการศึกษาถึงระบบนิเวศทางธุรกิจ โดย "เจมส์ มัวร์" โปรเฟสเซอร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรื่องการเชื่อมโยงกันของห่วงโซ่ทางคุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจแต่ละหน่วยในระบบนิเวศธุรกิจนั้น ๆ ที่มีรูปแบบจำลองและคล้ายคลึงระบบนิเวศทางธรรมชาติมาก
การวิจัยพบ ว่าธุรกิจที่ล้มเหลว โดยมากมักจะพยายามแต่เพียงการเพิ่มประสิทธิภาพให้สินค้าและบริการสามารถตอบ สนองลูกค้าได้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ในขณะเดียวกันธุรกิจกลับไม่ประสบ
ความ สำเร็จในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอก การมองภาพใหญ่ที่ผิดพลาดทำให้เกิดความล้มเหลวในการจัดการ เราจะเห็นภาพธุรกิจดี ๆ จำนวนมากที่ไม่ได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ และล้มหายตายจากไป บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ขาดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ได้หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเอง แต่ด้วยสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ บริษัทที่มีคุณลักษณะเหมาะเท่านั้นที่จะอยู่รอด และเติบโตได้ดี
ผมขอ เล่าประวัติศาสตร์วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตให้เห็นว่าในอดีต สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่อย่างไดโนเสาร์ครองโลกมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี ก่อนสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยน และเกื้อหนุนให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กลงใช้ทรัพยากรอาหารเหมาะสมและมี ประสิทธิภาพ ทั้งยังมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ฟูมฟัก ดูแลลูกอ่อน อย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขึ้นมาแทนที่ แสดงให้เห็นภาพว่า "ขนาด" และ "ความสามารถในการล่า" ไม่ใช่สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญในมุมธุรกิจแล้ว
บริษัทอย่าง 3M ชื่อเต็มคือ Minnesota Mining and Manufacturing Company ที่เดิมทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการผลิต เหมือง แต่สามารถผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ได้ต่อเนื่องจาก "รากฐานเดิม" ด้วยผู้บริหารและทีมวิจัยที่ยอดเยี่ยม ผลิตผลอย่าง Scotch Tape, Post-It ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับภาพรวมของระบบนิเวศใหมa่มาก นั่นคือการเจริญเติบโตของวงการธุรกิจ และการจัดการเอกสารในประเทศสหรัฐ ช่วยให้บริษัทที่มีกายภาพเหมาะสมกับระบบนิเวศนี้เติบโตจากบริษัทเล็ก ๆ ในมินเนโซตา เป็นบริษัทชั้นนำใน S&P500
ในมุมกลับกันระบบนิเวศ ทางธุรกิจ หรือ Business Ecosystem ดี ๆ ที่มีอยู่ ก็เอื้อให้เกิดบริษัทใหม่ ๆ จำนวนมากได้เช่นกัน ที่เห็นเด่นชัดคือ Silicon Valley ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ฟูมฟักเลี้ยงดูตัวอ่อน ให้กับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ เช่น Apple, Google, eBay, Nvidia, Adobe, Yahoo! ผลักดันให้อุตสาหกรรม Information Technology เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอเมริกา
ในทาง ทฤษฎี ถ้าจะมององค์ประกอบของระบบนิเวศทางธุรกิจดี ๆ มักจะประกอบด้วย 1.ความหลากหลายที่เกื้อหนุนกัน 2.ความซับซ้อนที่ช่วยให้การขาดองค์ประกอบหนึ่ง ไม่ทำให้ส่วนที่เหลือมีปัญหา 3.ความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรที่เกื้อหนุนระบบนิเวศนั้น ๆ 4.การแข่งขันที่ช่วยพัฒนาวิวัฒนาการของธุรกิจ ถ้าคิดถึงกรณี Silicon
Valley จะพบว่า การที่ใกล้ชิดกับเมืองมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Stanford และการมี Venture Capital ก็ช่วยให้เกิดความสมบูรณ์ทางทรัพยากรทั้งทรัพยากรมนุษย์ และทรัพยากรทุน ความหลากหลายของผู้คนมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และประเทศอเมริกา จิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ ความซับซ้อนการเชื่อมโยงทางอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, Internet การยอมรับของผู้คนและผู้บริโภค ปัจจัยเหล่านี้ช่วยสนับสนุนให้ Ecosystem นี้แข็งแรง และยากที่จะหาที่ใดในโลกเลียนแบบได้
กลับมาที่ประเทศไทย ผมทิ้งท้ายว่า หลายอุตสาหกรรมเราเริ่มสร้าง Cluster เริ่มมี Value Chain และกำลังก้าวไปสู่ Ecosystem ที่แข็งแรง ยิ่งมีการเชื่อมโยงกับ AEC จะช่วยสร้างความสมบูรณ์และซับซ้อนยิ่งขึ้น หน้าที่นักลงทุนคือหา
"Ecosystem ที่สุดยอด" และหา "บริษัท" ที่เหมาะกับ Ecosystem เหล่านี้ เพราะการลงทุนนั้นจะเปลี่ยนชีวิตคุณ
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
-----------------------------------------------------
สมัย เด็กเราจะต้องเรียนถึงระบบนิเวศวิทยา (Ecosystem) ที่พูดถึงห่วงโซ่อาหาร วงจรของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายและทำหน้าที่แตกต่างกันเช่น ผู้ผลิตสามารถผลิตอาหารขึ้นมาได้เอง พืชที่สังเคราะห์แสง มีผู้บริโภคหลาย ๆ ลำดับขั้น รูปแบบของสิ่งมีชีวิตก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสภาพแวดล้อม เรียกได้ว่าระบบนิเวศทางธรรมชาติคือวงจรความเป็น ความตาย และสมดุลการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ
ใน วงการธุรกิจ ตั้งแต่ปี 1990 เริ่มมีการศึกษาถึงระบบนิเวศทางธุรกิจ โดย "เจมส์ มัวร์" โปรเฟสเซอร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรื่องการเชื่อมโยงกันของห่วงโซ่ทางคุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจแต่ละหน่วยในระบบนิเวศธุรกิจนั้น ๆ ที่มีรูปแบบจำลองและคล้ายคลึงระบบนิเวศทางธรรมชาติมาก
การวิจัยพบ ว่าธุรกิจที่ล้มเหลว โดยมากมักจะพยายามแต่เพียงการเพิ่มประสิทธิภาพให้สินค้าและบริการสามารถตอบ สนองลูกค้าได้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ในขณะเดียวกันธุรกิจกลับไม่ประสบ
ความ สำเร็จในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอก การมองภาพใหญ่ที่ผิดพลาดทำให้เกิดความล้มเหลวในการจัดการ เราจะเห็นภาพธุรกิจดี ๆ จำนวนมากที่ไม่ได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ และล้มหายตายจากไป บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ขาดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ได้หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวเอง แต่ด้วยสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ บริษัทที่มีคุณลักษณะเหมาะเท่านั้นที่จะอยู่รอด และเติบโตได้ดี
ผมขอ เล่าประวัติศาสตร์วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตให้เห็นว่าในอดีต สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่อย่างไดโนเสาร์ครองโลกมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี ก่อนสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยน และเกื้อหนุนให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กลงใช้ทรัพยากรอาหารเหมาะสมและมี ประสิทธิภาพ ทั้งยังมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ฟูมฟัก ดูแลลูกอ่อน อย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขึ้นมาแทนที่ แสดงให้เห็นภาพว่า "ขนาด" และ "ความสามารถในการล่า" ไม่ใช่สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญในมุมธุรกิจแล้ว
บริษัทอย่าง 3M ชื่อเต็มคือ Minnesota Mining and Manufacturing Company ที่เดิมทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการผลิต เหมือง แต่สามารถผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ได้ต่อเนื่องจาก "รากฐานเดิม" ด้วยผู้บริหารและทีมวิจัยที่ยอดเยี่ยม ผลิตผลอย่าง Scotch Tape, Post-It ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับภาพรวมของระบบนิเวศใหมa่มาก นั่นคือการเจริญเติบโตของวงการธุรกิจ และการจัดการเอกสารในประเทศสหรัฐ ช่วยให้บริษัทที่มีกายภาพเหมาะสมกับระบบนิเวศนี้เติบโตจากบริษัทเล็ก ๆ ในมินเนโซตา เป็นบริษัทชั้นนำใน S&P500
ในมุมกลับกันระบบนิเวศ ทางธุรกิจ หรือ Business Ecosystem ดี ๆ ที่มีอยู่ ก็เอื้อให้เกิดบริษัทใหม่ ๆ จำนวนมากได้เช่นกัน ที่เห็นเด่นชัดคือ Silicon Valley ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ฟูมฟักเลี้ยงดูตัวอ่อน ให้กับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ เช่น Apple, Google, eBay, Nvidia, Adobe, Yahoo! ผลักดันให้อุตสาหกรรม Information Technology เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอเมริกา
ในทาง ทฤษฎี ถ้าจะมององค์ประกอบของระบบนิเวศทางธุรกิจดี ๆ มักจะประกอบด้วย 1.ความหลากหลายที่เกื้อหนุนกัน 2.ความซับซ้อนที่ช่วยให้การขาดองค์ประกอบหนึ่ง ไม่ทำให้ส่วนที่เหลือมีปัญหา 3.ความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรที่เกื้อหนุนระบบนิเวศนั้น ๆ 4.การแข่งขันที่ช่วยพัฒนาวิวัฒนาการของธุรกิจ ถ้าคิดถึงกรณี Silicon
Valley จะพบว่า การที่ใกล้ชิดกับเมืองมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Stanford และการมี Venture Capital ก็ช่วยให้เกิดความสมบูรณ์ทางทรัพยากรทั้งทรัพยากรมนุษย์ และทรัพยากรทุน ความหลากหลายของผู้คนมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และประเทศอเมริกา จิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการ ความซับซ้อนการเชื่อมโยงทางอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, Internet การยอมรับของผู้คนและผู้บริโภค ปัจจัยเหล่านี้ช่วยสนับสนุนให้ Ecosystem นี้แข็งแรง และยากที่จะหาที่ใดในโลกเลียนแบบได้
กลับมาที่ประเทศไทย ผมทิ้งท้ายว่า หลายอุตสาหกรรมเราเริ่มสร้าง Cluster เริ่มมี Value Chain และกำลังก้าวไปสู่ Ecosystem ที่แข็งแรง ยิ่งมีการเชื่อมโยงกับ AEC จะช่วยสร้างความสมบูรณ์และซับซ้อนยิ่งขึ้น หน้าที่นักลงทุนคือหา
"Ecosystem ที่สุดยอด" และหา "บริษัท" ที่เหมาะกับ Ecosystem เหล่านี้ เพราะการลงทุนนั้นจะเปลี่ยนชีวิตคุณ
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
-----------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น