--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คำเตือน : สีจิ้นผิงเรื่องกระสุนเคลือบน้ำตาล !!??

เมื่อคณะกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้ประกาศใช้กฎเหล็ก 11 ประการ ตามข้อเสนอของนายสีจิ้นผิงแล้ว นายสีจิ้นผิงได้กล่าวปราศรัยในเวลาต่อมา เตือนทั่วทั้งพรรค โดยเฉพาะผู้นำระดับสูงต่างๆ  ให้ผลักดันการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง

                นายสีจิ้นผิงย้ำว่า ถ้าไม่ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็อยู่ไม่ได้ และให้ถือว่าภารกิจในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นภาระใจกลางอย่างหนึ่งของจีนในสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นความเป็นความตายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย

                นายสีจิ้นผิงย้ำเตือนว่า ผู้นำพรรคระดับสูงทั้งหมดและทั่วทั้งพรรคจะต้องระมัดระวัง“กระสุนเคลือบน้ำตาล” ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน กองทัพปลดแอกประชาชนจีน รัฐบาลจีน ประเทศจีน และประชาชาติจีนทั้งมวลด้วย

                “กระสุนเคลือบน้ำตาล”คืออะไร? และหลังจากนายสีจิ้นผิงกล่าวความข้อนี้ ก็ทำให้ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชนจีนจำนวนมาก ต้องหวนย้อนไปศึกษาค้นคว้าสรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุงกันอีกครั้งหนึ่ง

                เพราะคำว่า“กระสุนเคลือบน้ำตาล” เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ครั้งสำคัญของประธานเหมาเจ๋อตุงที่เตือนทั่วทั้งศูนย์การนำ เตือนทั่วทั้งผู้นำกองทัพ เตือนชาวพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งมวลอย่างหนักแน่นจริงจัง

                ในครั้งนั้นหลังจากกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้รับชัยชนะในสามยุทธการใหญ่ คือ ยุทธการเหลียวเซิ่น ยุทธการหวายไห่ และยุทธการเป่ยผิง-เทียนสินแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนก็ได้อำนาจรัฐทั่วภาคเหนือและภาคอีสานของจีนทั้งหมด

                มีการประชุมใหญ่ศูนย์กลางพรรค ศูนย์กลางการนำทางทหาร และศูนย์กลางการนำมวลชน ซึ่งในโอกาสนั้นประธานเหมาเจ๋อตุงได้ชี้นำสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงสู่ขั้นใหม่ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังเข้าสู่สถานการณ์ครองอำนาจรัฐทั่วประเทศ สงครามที่ต่อสู้กันด้วยกำลังอาวุธและกระสุนเหล็กกำลังจะสิ้นสุดลง

                ประธานเหมาเจ๋อตุงได้ชี้นำสถานการณ์ขั้นใหม่ว่า เมื่อสถานการณ์สงครามด้วยอาวุธสิ้นสุดลงแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจรัฐทั่วประเทศจีนแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลรวมของประชาชาติจีนก็จะเกิดขึ้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็จะเข้าสู่สถานการณ์ขั้นใหม่

                นั่นคือสถานการณ์การเข้าสู่อำนาจรัฐ และในสถานการณ์นี้ประธานเหมาเจ๋อตุงได้เตือนว่าสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความชำนาญ(คือการทำสงครามปลดแอกและทำสงครามประชาชาติ) กำลังจะใช้ไม่ได้ สิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ถนัดและไม่มีประสบการณ์กำลังเป็นภารกิจหลักของพรรค นั่นคือการสถาปนาประเทศจีนใหม่ การปกครองประเทศจีน การนำพาประชาชาติจีนให้ก้าวพ้นจากความลำบากยากจนและมีความเป็นเอกภาพ แข็งแกร่ง มีศักดิ์มีศรี

                สิ่งใหม่ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยมีและไม่เคยมีบทเรียน เป็นสถานการณ์ที่จะเข้าสู่สงครามแบบใหม่ที่มีความท้าทายและรุนแรงไม่แพ้สงครามแบบเก่าที่ใช้กำลังอาวุธ

                ประธานเหมาเจ๋อตุงได้ชี้ว่า ในสถานการณ์ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจรัฐนั้น สหายทั้งหลายจะต้องระมัดระวังกระสุนเคลือบน้ำตาล และกระสุนเคลือบน้ำตาลนี้จะเป็นอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าสงครามที่ต่อสู้กันด้วยกระสุนเหล็ก

                นั่นคือคำเตือนของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีน ก่อนจะมีการประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

                และแม้จะมีคำเตือนในสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเช่นนั้นแล้ว ปรากฏว่าหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจรัฐได้ราว 20 ปี เหมาเจ๋อตุงก็ต้องเคลื่อนไหวปฏิวัติวัฒนธรรมอันลือลั่นในประเทศจีน

                การปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนเนื้อหาสำคัญส่วนหนึ่งก็คือการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น การฟื้นตัวขึ้นของลัทธิขุนนางและทุนนิยมภายในพรรค แต่ด้วยการปฏิบัติและการนำของศูนย์กลางพรรคในขณะนั้นมีลักษณะเอียงซ้าย รุนแรง และขาดการจำแนกดังที่ได้มีการประเมินฐานะทางประวัติศาสตร์ของเหมาเจ๋อตุงไว้ จึงก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง

                และผลการประเมินฐานะทางประวัติศาสตร์นั้นก็ชี้ว่าความผิดพลาดในการปฏิวัติวัฒนธรรมเป็นความผิดพลาด 30% ของผลงานทั้งปวงในชีวิตของเหมาเจ๋อตุง โดยมีผลงานที่ดีและถูกต้อง 70%

                เติ้งเสี่ยวผิง ผู้เป็นแกนหลักในการประเมินฐานะทางประวัติศาสตร์ของเหมาเจ๋อตุงสรุปไว้ว่า ในความผิดพลาด 30%ของสหายเหมาเจ๋อตุงนั้น จะโทษเหมาเจ๋อตุงคนเดียวไม่ได้ เพราะทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย

                หลังการปฏิวัติวัฒนธรรมผ่านไปใกล้จะ 40 ปีแล้ว วันนี้ศูนย์การนำรุ่นที่ 5 ที่มีสีจิ้นผิงเป็นศูนย์กลางก็ได้เปิดฉากดำเนินการปฏิรูปพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่ถึงขนาดระบุว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาความเป็นความตายของพรรค กองทัพ รัฐบาลและประเทศจีนด้วย

                นึกดูเอาเถิด หากไม่มีการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งสำคัญ ๆ และอย่างต่อเนื่องแล้ว วันนี้สถานการณ์ในประเทศจีนจะเป็นอย่างไร? จะมิกลายเป็นสหภาพโซเวียตที่สองไปแล้วหรือ!

                สำหรับประเทศไทยของเรา ไม่เพียงแต่การทุจริตคอร์รัปชั่นขยายตัวเติบโตและรุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างต่อเนื่อง ชนิดไม่เกรงฟ้า ไม่อายดิน โกงทุกเรื่อง โกงทุกโครงการ โกงเย้ยฟ้าท้าดิน และไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อย่างนี้บ้านเมืองของเราจะอยู่รอดได้อย่างไร?

                และนี่ก็คือภารกิจของชาวไทยทั้งประเทศที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันกำจัดกวาดล้างพวกโกงบ้านผลาญเมืองให้สิ้นซาก!


ที่มา.นสพ.แนวหน้า
////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น