บุญทรง. บีบอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ทบทวนมูลค่าสต็อกข้าวใหม่ ยึดราคาผู้ส่งออกคำนวณหวังลดผลขาดทุนโครงการ
การสรุปบัญชีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังคงไม่สามารถดำเนินการ เมื่อตัวเลขการคำนวณออกมาแตกต่างกันมาก ระหว่างอนุกรรมการปิดบัญชี กระทรวงการคลังกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะตัวเลขผลขาดทุนที่ออกมาสูงมากกว่า 1.3 แสนล้าน ในรอบปี 2555
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มีรองปลัดกระทรวงการคลัง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธาน ได้รายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)แล้ว ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบผลการปิดบัญชี แต่กระทรวงพาณิชย์ โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องการเปลี่ยนวิธีการคำนวณมูลค่าสินค้าข้าวคงเหลือใหม่ เพื่อลดผลขาดทุน
"ทาง รมว.พาณิชย์ ได้ขอให้ทางคณะอนุกรรมการ ทบทวนวิธีการคำนวณผลขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการคำนวณผลขาดทุนของข้าวในสต็อกของรัฐบาล ที่ยังไม่ถูกขายออกไป" รายงานข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ความแตกต่างของวิธีการคำนวณ ระหว่างของกระทรวงพาณิชย์กับของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี คือ การคำนวณผลขาดทุนของข้าวที่ยังอยู่ในสต็อกนั้น คณะอนุกรรมการฯใช้วิธี การคำนวณค่าเฉลี่ย โดยนำปริมาณข้าวที่สามารถระบายออกจากสต็อกของรัฐบาลและหารด้วยรายได้ที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับกลับมา จะได้ราคาขายต่อตันโดยเฉลี่ย แล้วนำมาเทียบกับต้นทุนของโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด
เผยอนุฯคิดต้นทุน800ดอลล์ต่อตัน
นอกจากเงินที่จ่ายเป็นค่าจำนำให้กับชาวนา ที่นำมาคำนวณผลการดำเนินโครงการแล้ว คณะอนุกรรมการฯยังนำค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการมาคำนวณผลการดำเนินโครงการด้วย ซึ่งก็คือ ค่าสีข้าว ค่าโกดังเก็บข้าว ค่าดอกเบี้ย ค่า SURVEYOR เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลจะมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์ต่อตัน ฉะนั้น ผลต่างระหว่างราคาเฉลี่ยที่ขายได้กับต้นทุนของรัฐบาล ก็คือ ผลขาดทุน ซึ่งวิธีการคำนวณดังกล่าว ก็นำมาใช้กับการคำนวณมูลค่าของข้าวที่ยังอยู่ในสต็อกของรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ วิธีการคำนวณดังกล่าวของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ทำให้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ที่เริ่มมาเป็นปีที่สอง โดยสามารถปิดบัญชีได้สามฤดูกาล คือ ฤดูกาลผลิตนาปี 2554/2555, ฤดูกาลผลิตนาปรัง 2554/2555 และฤดูกาลผลิตนาปี 2555/2556 รวมผลขาดทุนจำนวน 2.20 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลข ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2556 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางคณะอนุกรรมการฯ คาดว่า ผลขาดทุนที่เฉลี่ยประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท จะส่งให้เมื่อสิ้นฤดูนาปรัง 2555/2556 คือในวันที่ 15 ก.ย. นี้ ผลขาดทุนรวม 4 ฤดูกาล จะสูงกว่า 3 แสนล้านบาท
พาณิชย์ยึดราคาผู้ส่งออกลดขาดทุน
สำหรับวิธีการคำนวณของกระทรวงพาณิชย์นั้น ต้องการใช้ราคาขายของผู้ส่งออก ในตลาดต่างประเทศ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณผลขาดทุนของข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก โดยที่ราคาขายของผู้ส่งออกจะสูงกว่า ราคาของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากพ่อค้าซื้อข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ในราคาต่ำแล้ว นำไปขายในราคาที่สูง วิธีการคำนวณดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยลดผลขาดทุนของข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต็อกลงมาได้ระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางกระทรวงพาณิชย์ยืนยันที่จะขอเปลี่ยนวิธีการคำนวณ ทางคณะอนุกรรมการฯก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามข้อเท็จจริง แต่จะไม่มีการผ่อนปรนเกี่ยวกับวิธีการคำนวณที่เป็นไปตามมาตรฐาน และ การพิจารณาจะต้องเกิดขึ้นในรูปของคณะอนุกรรมการฯ
รายงานข่าวกล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้คณะอนุกรรมการฯ นำราคาเฉลี่ยจากการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์มาคำนวณมูลค่าสินค้าข้าวคงเหลือ ก็เพราะที่ผ่านมา ทางกระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมเปิดเผยราคาขายข้าวที่แท้จริง ทำให้คณะอนุกรรมการฯจึงต้องคำนวณราคาด้วยวิธีการดังกล่าว โดยเหตุผลที่ไม่ยอมเปิดเผยราคาขายที่แท้จริง ระบุว่า เป็นความลับทางการค้า
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังใช้วิธีการขายข้าวแบบคละ คือ เอาข้าวเก่าในสต็อกมาขายคละกับข้าวใหม่ ทำให้ได้ราคาข้าวเฉลี่ยออกมา ผลก็คือ ข้าวเก่าในสต็อกมีราคาเฉลี่ยที่สูงขึ้น ขณะที่ ราคาข้าวใหม่มีราคาค่าเฉลี่ยที่ต่ำลง
"บุญทรง" เล็งปิดบัญชีจำนำ 17 มิ.ย.
นายบุญทรง กล่าวว่า ที่ประชุม กขช. 17 มิ.ย. จะมีการหารือเพื่อสรุปผลการตรวจสอบตัวเลข การปิดงบประมาณโครงการจำนำข้าวนาปี 2554/2555 และนาปรังปี 2555 ที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 2 วิธี คือ ทั้งวิธีคิดสินค้าคงเหลือแบบใช้ตัวเลขต้นทุน จากโครงการรับจำนำที่ขาดทุนประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท หรือใช้วิธีคำนวณสินค้าคงเหลือจากราคาต่ำสุดในขณะนั้นที่อาจขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อหาข้อสรุปทางตัวเลขให้เกิดความชัดเจนและถูกต้องที่สุด
วราเทพไม่เคาะผลขาดทุนชงครม.ตัดสิน
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวมาหารือและรวบรวมตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบการรายงานตัวเลขจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ และกระทรวงพาณิชย์ใน 1 ปี คือ นาปี 2554/2555 และโครงการนาปรัง 2555 ผลสรุปคือผลขาดทุนของคณะอนุฯ ปิดบัญชีอยู่ที่ 136,908 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่ 49,908 ล้านบาท
นายวราเทพ กล่าวว่า ผลการขาดทุนที่แตกต่างกันมาก ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ใช้ตัวเลขมูลค่าของข้าว จากราคาต้นทุน ณ เวลาที่รับจำนำ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าตัวเลขของคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากคณะกรรมการปิดบัญชีฯใช้ตัวเลขราคาที่ต่ำที่สุด เป็นต้นทุนมาเทียบเคียง ราคาเฉลี่ยของกรมการค้าภายใน หรือราคาประกาศขาย โดยใช้ราคาที่ต่ำที่สุดมาตีมูลค่าข้าวในสต็อกของรัฐบาล จึงทำให้ตัวเลขการขาดทุนแตกต่างกัน
"ต้องมีการรายงานทั้งสองตัวเลขไปที่ครม.ทั้งการคิดคำนวณของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯและตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นจึงมาหาข้อสรุปกันอีกทีว่าในอนาคตจะใช้วิธีการใดเป็นวิธีปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งการปิดบัญชีในลักษณะปีต่อปีเป็นการคาดการณ์ ส่วนการปิดบัญชีที่แท้จริงจะเกิดขึ้นภายหลังการขายข้าวออกไปได้ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขจะหยุดนิ่งหลังจากนั้น จะมีการตั้งงบประมาณมาชดเชยการขาดทุนของโครงการ" นายวราเทพ กล่าว
กิตติรัตน์จ้องสอบข้อมูลขาดทุนรั่ว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นประโยชน์กับเกษตรกรให้มีรายได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมที่เกิดจากการใช้จ่ายของเกษตร ดังนั้น รัฐบาลยังจะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป ส่วนจะมีการทบทวนราคารับจำนำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการหารือของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ แต่ส่วนตัวมองว่าโครงการต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
ส่วนตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวนั้น นายกิตติรัตน์ มองว่า เกิดจากความคิดเห็นด้านตัวเลขที่แตกต่างกันเท่านั้น ดังนั้น เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า และยืนยันรัฐบาลทำงานทุกอย่างอย่างเต็มที่ จึงไม่ห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่หลายฝ่ายจะมีต่อรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตถึงข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรที่รั่วไหลออกไปก่อนที่จะมีการเสนอตัวเลขต่อ กขช. จะต้องมีการสอบสวนหนังสือความลับที่รอการอนุมัตินั้น ทางฝ่ายค้านมีข้อมูลได้อย่างไร คาดว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป
"บุญทรง" เด้งรับลดราคาจำนำ
ขณะที่ นายบุญทรง กล่าวว่า การประชุม กขช.วันที่17 มิ.ย. ที่ประชุมจะหารือประเด็นการลดราคารับจำนำข้าว ซึ่งที่ประชุมจะนำข้อมูลรายละเอียด จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ รวมถึงการประเมินผลกระทบ หากมีการลดราคารับจำนำจริง รวมถึงการพิจารณาว่าหากมีการลดราคารับจำนำจริง ควรนำมาใช้ในช่วงเวลาใด
"การหารือจะนำข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงจากอีกหลายๆ ความเห็นเข้ามาประกอบในการกำหนดหลักเกณฑ์การรับจำนำปีหน้า แต่หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีการแจ้งให้เกษตรกรรับรู้ล่วงหน้า ก่อนการปลูกข้าวฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น" นายบุญทรง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามแผนเดิมรัฐบาลมีแผนเป็นไปได้ว่าการลดราคารับจำนำข้าวในระยะแรก จะดำเนินการในลักษณะกำหนดโซนนิ่ง โดยใช้พื้นที่ชลประทานเป็นเขตกำหนด ชาวนาที่อยู่นอกพื้นที่จะไม่ได้ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท เพื่อจำกัดไม่ให้ชาวนาปลูกข้าวมากเกินไป และไม่ทำให้โครงการรับจำนำต้องแบกภาระมากเกินไป เช่นกัน ส่วนราคาที่จะรับจำนำจะเป็นเท่าใด ยังไม่ได้ข้อสรุป
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////
การสรุปบัญชีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังคงไม่สามารถดำเนินการ เมื่อตัวเลขการคำนวณออกมาแตกต่างกันมาก ระหว่างอนุกรรมการปิดบัญชี กระทรวงการคลังกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะตัวเลขผลขาดทุนที่ออกมาสูงมากกว่า 1.3 แสนล้าน ในรอบปี 2555
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มีรองปลัดกระทรวงการคลัง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธาน ได้รายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)แล้ว ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบผลการปิดบัญชี แต่กระทรวงพาณิชย์ โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้องการเปลี่ยนวิธีการคำนวณมูลค่าสินค้าข้าวคงเหลือใหม่ เพื่อลดผลขาดทุน
"ทาง รมว.พาณิชย์ ได้ขอให้ทางคณะอนุกรรมการ ทบทวนวิธีการคำนวณผลขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการคำนวณผลขาดทุนของข้าวในสต็อกของรัฐบาล ที่ยังไม่ถูกขายออกไป" รายงานข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ความแตกต่างของวิธีการคำนวณ ระหว่างของกระทรวงพาณิชย์กับของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี คือ การคำนวณผลขาดทุนของข้าวที่ยังอยู่ในสต็อกนั้น คณะอนุกรรมการฯใช้วิธี การคำนวณค่าเฉลี่ย โดยนำปริมาณข้าวที่สามารถระบายออกจากสต็อกของรัฐบาลและหารด้วยรายได้ที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับกลับมา จะได้ราคาขายต่อตันโดยเฉลี่ย แล้วนำมาเทียบกับต้นทุนของโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด
เผยอนุฯคิดต้นทุน800ดอลล์ต่อตัน
นอกจากเงินที่จ่ายเป็นค่าจำนำให้กับชาวนา ที่นำมาคำนวณผลการดำเนินโครงการแล้ว คณะอนุกรรมการฯยังนำค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการมาคำนวณผลการดำเนินโครงการด้วย ซึ่งก็คือ ค่าสีข้าว ค่าโกดังเก็บข้าว ค่าดอกเบี้ย ค่า SURVEYOR เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลจะมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์ต่อตัน ฉะนั้น ผลต่างระหว่างราคาเฉลี่ยที่ขายได้กับต้นทุนของรัฐบาล ก็คือ ผลขาดทุน ซึ่งวิธีการคำนวณดังกล่าว ก็นำมาใช้กับการคำนวณมูลค่าของข้าวที่ยังอยู่ในสต็อกของรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ วิธีการคำนวณดังกล่าวของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ทำให้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ที่เริ่มมาเป็นปีที่สอง โดยสามารถปิดบัญชีได้สามฤดูกาล คือ ฤดูกาลผลิตนาปี 2554/2555, ฤดูกาลผลิตนาปรัง 2554/2555 และฤดูกาลผลิตนาปี 2555/2556 รวมผลขาดทุนจำนวน 2.20 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลข ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2556 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางคณะอนุกรรมการฯ คาดว่า ผลขาดทุนที่เฉลี่ยประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท จะส่งให้เมื่อสิ้นฤดูนาปรัง 2555/2556 คือในวันที่ 15 ก.ย. นี้ ผลขาดทุนรวม 4 ฤดูกาล จะสูงกว่า 3 แสนล้านบาท
พาณิชย์ยึดราคาผู้ส่งออกลดขาดทุน
สำหรับวิธีการคำนวณของกระทรวงพาณิชย์นั้น ต้องการใช้ราคาขายของผู้ส่งออก ในตลาดต่างประเทศ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณผลขาดทุนของข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก โดยที่ราคาขายของผู้ส่งออกจะสูงกว่า ราคาของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากพ่อค้าซื้อข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ในราคาต่ำแล้ว นำไปขายในราคาที่สูง วิธีการคำนวณดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยลดผลขาดทุนของข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต็อกลงมาได้ระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางกระทรวงพาณิชย์ยืนยันที่จะขอเปลี่ยนวิธีการคำนวณ ทางคณะอนุกรรมการฯก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามข้อเท็จจริง แต่จะไม่มีการผ่อนปรนเกี่ยวกับวิธีการคำนวณที่เป็นไปตามมาตรฐาน และ การพิจารณาจะต้องเกิดขึ้นในรูปของคณะอนุกรรมการฯ
รายงานข่าวกล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้คณะอนุกรรมการฯ นำราคาเฉลี่ยจากการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์มาคำนวณมูลค่าสินค้าข้าวคงเหลือ ก็เพราะที่ผ่านมา ทางกระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมเปิดเผยราคาขายข้าวที่แท้จริง ทำให้คณะอนุกรรมการฯจึงต้องคำนวณราคาด้วยวิธีการดังกล่าว โดยเหตุผลที่ไม่ยอมเปิดเผยราคาขายที่แท้จริง ระบุว่า เป็นความลับทางการค้า
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังใช้วิธีการขายข้าวแบบคละ คือ เอาข้าวเก่าในสต็อกมาขายคละกับข้าวใหม่ ทำให้ได้ราคาข้าวเฉลี่ยออกมา ผลก็คือ ข้าวเก่าในสต็อกมีราคาเฉลี่ยที่สูงขึ้น ขณะที่ ราคาข้าวใหม่มีราคาค่าเฉลี่ยที่ต่ำลง
"บุญทรง" เล็งปิดบัญชีจำนำ 17 มิ.ย.
นายบุญทรง กล่าวว่า ที่ประชุม กขช. 17 มิ.ย. จะมีการหารือเพื่อสรุปผลการตรวจสอบตัวเลข การปิดงบประมาณโครงการจำนำข้าวนาปี 2554/2555 และนาปรังปี 2555 ที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 2 วิธี คือ ทั้งวิธีคิดสินค้าคงเหลือแบบใช้ตัวเลขต้นทุน จากโครงการรับจำนำที่ขาดทุนประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท หรือใช้วิธีคำนวณสินค้าคงเหลือจากราคาต่ำสุดในขณะนั้นที่อาจขาดทุน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อหาข้อสรุปทางตัวเลขให้เกิดความชัดเจนและถูกต้องที่สุด
วราเทพไม่เคาะผลขาดทุนชงครม.ตัดสิน
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวมาหารือและรวบรวมตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบการรายงานตัวเลขจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ และกระทรวงพาณิชย์ใน 1 ปี คือ นาปี 2554/2555 และโครงการนาปรัง 2555 ผลสรุปคือผลขาดทุนของคณะอนุฯ ปิดบัญชีอยู่ที่ 136,908 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่ 49,908 ล้านบาท
นายวราเทพ กล่าวว่า ผลการขาดทุนที่แตกต่างกันมาก ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ใช้ตัวเลขมูลค่าของข้าว จากราคาต้นทุน ณ เวลาที่รับจำนำ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าตัวเลขของคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากคณะกรรมการปิดบัญชีฯใช้ตัวเลขราคาที่ต่ำที่สุด เป็นต้นทุนมาเทียบเคียง ราคาเฉลี่ยของกรมการค้าภายใน หรือราคาประกาศขาย โดยใช้ราคาที่ต่ำที่สุดมาตีมูลค่าข้าวในสต็อกของรัฐบาล จึงทำให้ตัวเลขการขาดทุนแตกต่างกัน
"ต้องมีการรายงานทั้งสองตัวเลขไปที่ครม.ทั้งการคิดคำนวณของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯและตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ จากนั้นจึงมาหาข้อสรุปกันอีกทีว่าในอนาคตจะใช้วิธีการใดเป็นวิธีปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งการปิดบัญชีในลักษณะปีต่อปีเป็นการคาดการณ์ ส่วนการปิดบัญชีที่แท้จริงจะเกิดขึ้นภายหลังการขายข้าวออกไปได้ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขจะหยุดนิ่งหลังจากนั้น จะมีการตั้งงบประมาณมาชดเชยการขาดทุนของโครงการ" นายวราเทพ กล่าว
กิตติรัตน์จ้องสอบข้อมูลขาดทุนรั่ว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นประโยชน์กับเกษตรกรให้มีรายได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมที่เกิดจากการใช้จ่ายของเกษตร ดังนั้น รัฐบาลยังจะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป ส่วนจะมีการทบทวนราคารับจำนำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการหารือของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ แต่ส่วนตัวมองว่าโครงการต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
ส่วนตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวนั้น นายกิตติรัตน์ มองว่า เกิดจากความคิดเห็นด้านตัวเลขที่แตกต่างกันเท่านั้น ดังนั้น เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า และยืนยันรัฐบาลทำงานทุกอย่างอย่างเต็มที่ จึงไม่ห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่หลายฝ่ายจะมีต่อรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตถึงข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรที่รั่วไหลออกไปก่อนที่จะมีการเสนอตัวเลขต่อ กขช. จะต้องมีการสอบสวนหนังสือความลับที่รอการอนุมัตินั้น ทางฝ่ายค้านมีข้อมูลได้อย่างไร คาดว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป
"บุญทรง" เด้งรับลดราคาจำนำ
ขณะที่ นายบุญทรง กล่าวว่า การประชุม กขช.วันที่17 มิ.ย. ที่ประชุมจะหารือประเด็นการลดราคารับจำนำข้าว ซึ่งที่ประชุมจะนำข้อมูลรายละเอียด จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ รวมถึงการประเมินผลกระทบ หากมีการลดราคารับจำนำจริง รวมถึงการพิจารณาว่าหากมีการลดราคารับจำนำจริง ควรนำมาใช้ในช่วงเวลาใด
"การหารือจะนำข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงจากอีกหลายๆ ความเห็นเข้ามาประกอบในการกำหนดหลักเกณฑ์การรับจำนำปีหน้า แต่หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีการแจ้งให้เกษตรกรรับรู้ล่วงหน้า ก่อนการปลูกข้าวฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น" นายบุญทรง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามแผนเดิมรัฐบาลมีแผนเป็นไปได้ว่าการลดราคารับจำนำข้าวในระยะแรก จะดำเนินการในลักษณะกำหนดโซนนิ่ง โดยใช้พื้นที่ชลประทานเป็นเขตกำหนด ชาวนาที่อยู่นอกพื้นที่จะไม่ได้ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท เพื่อจำกัดไม่ให้ชาวนาปลูกข้าวมากเกินไป และไม่ทำให้โครงการรับจำนำต้องแบกภาระมากเกินไป เช่นกัน ส่วนราคาที่จะรับจำนำจะเป็นเท่าใด ยังไม่ได้ข้อสรุป
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น