--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

กวีประชาธิปไตย

สถาปนาสถาบันประชาชน

 เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            สายลมปฏปักษ์จึงพัดหวน
การรื้อสร้างไม่อาจทำอย่างนุ่มนวล                ทุกชิ้นส่วนต้องกล้านับ 1 ใหม่

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            กระบวนทรรศน์เสรีไม่ขยาย
2475 พริบตาเป็นอาชาไนย                         แล้วก็กลับเป็นงัวควายเหมือนๆ เดิม

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            สิทธิ หน้าที่ แจ่มชัดไม่ทันเริ่ม
ลงหมุดแล้วไม่ตอกต่อเสาเติม                      เอาเครื่องเรือนไปปลูกเสริมสร้างเวียงวัง

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์                            อำนาจรัฐ เศรษฐกิจ จึงล้าหลัง
เงินในบ้านชาวนามีน้อยจัง                           แต่สะพรั่งแน่นวองขาวในพานทอง

คณะราษฎร์คือเด็กสาว                               มีความรัก เยาว์วัยได้ตั้งท้อง
ถ้าพวกคุณเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง                    เลือกทำแท้งหรือจะบำรุงครรภ์

เด็กในท้องอาจคลอดเป็นผู้แทนถ่อย             ชั่วหรือดีอยู่ที่เลี้ยงสร้างสรรค์
อดทนคอยให้เขาพัฒนาการ                         ย่อมเติบใหญ่สมบูรณ์งามตามเวลา

แต่...
บางคนสร้างยุทธศาสตร์ "ราษฎร์ไม่พร้อม"      คุณไม่เคยยินยอมให้เราก้าวหน้า
เฝ้าแทรกแซงแบ่งแซะเสมอมา                     เป็นประชาธิปไตยใจพิการ

ใจพิการเพราะประชาไร้อำนาจ                     ความเป็นชาติอยู่ในกำมือทหาร
การตัดสินของหมู่ตุลาการ                           ไม่พิพากษาในนามมหาชน

วางระเบิดระบบการศึกษา                            ถึงเวลามืดบอดไม่เห็นหน
ทัศนวิสัยใบ้จำนน                                      ปัญญาชนบื้อพันหลักสนตะพาย

ชนชั้นกลางกลวงว่างเปล่าสมอง                    บกพร่องทำปัญญาเสื่อมสูญหาย
ชีวิตไหวเบาหวิวปลิวสยาย                           แย่กว่าควายไม่มีใครยอมไถนา!

เขารวมตัวคืนอำนาจให้บางคน                      ยืนเดินนั่งตะโกนกันคลั่งบ้า
กู่ป่าวๆ เอาประเทศไทยคืนมา                      คืนมาจากกำมือประชาไท

ความก้าวหน้าปรากฏในชนชั้นล่าง                 การเลือกตั้งปี 50 ยืนยันได้
กองทัพยึดเบ็ดเสร็จกุมกลไก                       แต่ไม่สามารถบล็อกโหวตทหารเกณฑ์

เพราะว่าคุณประมาทราษฎร                         ทุกครั้งเคยเขย่าคลอนหัวเล่น
เขาเอียนรสคุณธรรมทนลำเค็ญ                    เลือกประชาธิปไตยเส้นทางทุน

เหนื่อยอาภัพหยาบกร้านมานานนัก                ข้าวปลาผักคุณปรุงกินกันหอมกรุ่น
แต่ตอบแทนเขาด้วยเนรคุณ                         กินไม่อิ่มนอนไม่อุ่นเสมอมา

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก                       แม้แต่นายสมัครก็ยังมีความก้าวหน้า
แสงแห่งทุนปลุกปฏิกิริยา                            เร่งทำมาค้าขายขยายคลัง

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก                      คนรากหญ้ายิ่งไม่ยอมอยู่ล้าหลัง
ชัดเจนสิทธิ์หน้าที่มีกำลัง                            เริ่มก่อสร้างยุคศรีอาริย์ด้วยมือตัว

เสรีชนแพร่ลามเหมือนแบคทีเรีย                  แทะนรกสวรรค์แบ่งดีชั่ว
เหลือเพียงพุทธปัญญาชัยมืดมัว                   บัว 4 เหล่ารกทุกชั้นฐานันดร

นับปีผ่านจาก 17 มา 40                              รัฐธรรมนูญพัฒนาครึ่งมาค่อน
แม้หมกเม็ดแทรกซึมบางบทตอน                  เช่นองค์กรอิสระของบางใคร ?

แต่ก็ถือว่าเกือบจะเต็มใบอยู่                         รอเพียงผู้นำความคิดที่สดใหม่
ล้างงมงายชนชั้นนำโบราณภัย                      ฝ่าตีนใหญ่กดหัวเลอะฝุ่นละออง

การรุกคืบของอำนาจประชาชน                     คนหลายกลุ่มคิดเล่ห์กลขึ้นปกป้อง
สามัคคีให้คนดีรุมปกครอง                          ล้างสมองปรองดองเพื่อแผ่นดิน

แผ่นดินหรือแท้คือประชาราษฎร์                   ทับถมร่างเปื่อยเป็นชาติครอบคลุมสิ้น
เลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาก่อชีวิน                         เกิดฟอสซิล ทอง เพชร นิล จินดา

ธาตุกระดูกสามัญชนซึมรากข้าว                   รวงข้าวเหนียวข้าวเจ้าอุดมค่า
เหลืองทิพย์ทองผ่องทุ่งปรุงท้องนา                เลี้ยงขุนศึก อมาตยา ไม่รู้คุณ

แผ่นดินหรือคือสมบัติไทยทั้งชาติ                 เลี้ยงเจ้าทาสมูลนายมาทุกรุ่น
2475 สิ้นยุคฤทธิ์สิทธิ์สมบูรณ์ฯ                    คุณเกิดจากราษฎรการุณนะภูมี

 คุณแทบเป็นหุ้นส่วนทุกบริษัท                      ผลกำไรไม่จำกัดทุนวิถี
กินล้นเหลือเจริญเกินอ้วนพี                         ขณะผองคนมากมีไม่มีกิน

เหงื่อทั้งปวงที่คุณเปลืองพลัง                       แค่ละอองชนชั้นล่างทั่วท้องถิ่น
เขายากจนทนทุกข์ขลุกโคลนดิน                  คือตัวจริง ผลิตสินสมบัติเมือง

ประชาชนของคุณคือคนไหน                       คนสมบูรณ์หน้าใสใส่เสื้อเหลือง?
คนเสื้อแดงมอมแมมแสนฝืดเคือง?               คนเซื่องซึมจรจัดขาดอาภรณ์?

ความเป็นชาติของคุณอยู่ที่ตรงไหน...            สิเนรุอำไพเผือกสิงขร?
เราคือฐานพีระมิดประชากร                         กัดกร่อนเราคุณก็ล้มลงระยำ!

ผมอยากชวนพวกคุณไปสนามหลวง             ที่สำคัญของปวงไทสยาม
สัมผัสดินดิบด้านผ่านเคี่ยวกรำ                     เลี้ยงแถวแนวมะขามละลานตา

ช่างเหมือนกับมวลประชามหาศาล                ผู้หยาบกร้านพันธุ์ต่ำแต่ล้ำค่า
คือเข็มรากฐากหลักนัครา                           ปลูกผลิตเนื้อผักปลาข้าวของจริง

ไม้มะขามธรรมดาหม่นสีสัน                        ไม่ผ่องพรรณสดใสดอกใบกิ่ง
แต่ต้นแกร่งต้านพายุยากไหวติง                   เป็นที่สิงวิญญาณวีรชน

ไปจับมือเดินบนแผ่นดินประวัติศาสตร์            ลุกฮือขึ้นอภิวัฒน์ใหม่อีกหน
ขวางคิ้วเฉยกัดฟันไม่จำนน                          เป็น 1 ในมหาชนโดยชอบธรรม

จะสมหวังวันที่ดีกว่านี้                                 มีกินใช้เพียงพอทุกเช้าค่ำ
สลายหมดหมู่เมฆทะมึนดำ                          ข้าวทุกคำเคี้ยวกินเองอิ่มสมบูรณ์
                                                                  ข้าวทุกคำเคี้ยวกินเองอิ่มสมบูรณ์                
                                                           
อาลัย.ไม้หนึ่ง ก.กุนที
///////////////////////////////////////////////////////////

กวีประชาไท: ทางแยก

โดย:อรุณรุ่ง  สัตย์สวี 

ลมตุลาฯหวิวว้างกลางทางแยก          ผู้คนแตกแถวตามความฝันใฝ่
บางขบวนขานขับรอรับใคร               ปลุกเร้าให้เร่งรุดเข้าสุดซอย
ไอฝนปลิวพลิ้วหว่านคำหวานหู          กลับคืนสู่สุขสงบกลบมูลฝอย
ซุกเลือดใต้พรมทองลบร่องรอย       ฆาตกรร้ายพลอยเดินลอยนวล
บ้างกัดฟันเดินหน้าฝ่าหมอกจัด         ยังยืนหยัดแม้หนามไหน่ไม่คิดหวน
แน่วแน่มุ่งหมุดหมายไม่เรรวน           จัดขบวนทัพสู้สู่เสรี
ใบอนุญาตเข่นฆ่าในอนาคต              จักต้องหมดสิ้นค่าสง่าศรี
เผด็จการแลทหารทรพี                     ต้องไม่มีอีกต่อไปในชีวิต
หนาวลมเดือนตุลาฟ้ามืดดำ               ดินพลิกคว่ำคำลวงบาดดวงจิต
ขบวนศพเคลื่อนคนถนนชีวิต             พบทางแพร่งต่างทิศให้คิดตรอง
คือเรื่องเล่าคราวนั้นคืนวันหนึ่ง           ห้วงคำนึงแจ่มชัดอกกลัดหนอง
หัวขบวนชูป้ายหมายปรองดอง           ทิ้งศพเพื่อนเกลื่อนกองนองน้ำตา
กอดคอร้องเพลงกันฝันชื่นมื่น           หลับตาพักสักกี่ตื่นใต้ผืนฟ้า
สมานฉันท์หยามหยันมิตรปิดดวงตา   ลืมหมดสิ้นใครสั่งฆ่าประชาชน
ก้มลงกราบคราบมารเมื่อกาลเปลี่ยน  ลับลวงเนียนแนบแน่นวางแผนปล้น
ยุทธการแหกตาประชาชน                 กุมเป้าเดินตามก้นคนสั่งฆ่า
มิตรร่วมรบอยู่ในคุกนั้นทุกข์หนัก       ครอบครัวไร้เสาหลักหวาดผวา
ทอดทิ้งให้ตายทั้งเป็นอย่างเย็นชา      กี่ศพไหว้ผีฟ้า...เซ่นซาตาน
เจรจาว่าไรกันท่านนายใหญ่               จึงถอดใจถอนทัพเตรียมกลับบ้าน
กระดูกกองก็มองเห็นเป็นสะพาน       ที่ทอดผ่านดั่งรุ้งสายพริบพรายพราว
ลมตุลาฯหวิวว้างกลางทางแยก           เฉือนชำแรกคมหนามท่ามความหนาว
พบจุดนั้นวันหนึ่งเมื่อถึงคราว              ทัพจะแยกแตกร้าวต้องก้าวไป
ยกมือโบกธงส่ายสหายเหวย               สหายเคยร่วมฝ่าฟันสู่วันใหม่
วันนี้ต่างความคิดต่างจิตใจ                 บทเรียนจะสอนให้เราจดจำ
( วันนี้ต่างแยกทางเดินกันไป             ยินแต่เสียงร้องโหยไห้ระหว่างทาง )
ที่มา.ประชาไท
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





กวีราษฎร์กู่ก้อง ‘ปล่อยนักโทษการเมือง’

"ศัตรูไม่เคยลื่นไหล"
เหลือสิ่งใดให้สมจริงยิ่งกว่า
ถนนตัดใหม่เหวี่ยงรถราพุ่งทะยานไกล
ล่อลวงเสียงกู่ตะโกนแห่งเรา
สะท้อนวกวนไปมาระหว่างแท่งซีเมนต์
ก้อนหินในอกข้าสั่นสะท้าน
แม้แลเห็นแต่พูดถึงไม่ได้
ข้าคือหุ่นฟางดุ่มเดินผละจากรั้วประตูบ้านสีขาว
มิอาจเหนี่ยวโน้มลงหักโค่น
แต่ไม่เกินฝากริ้วรอยบนปล่องควันสูง
เหนือชายขอบแห่งหนองบึงและพื้นที่รกร้าง
ผุดพรายเสาเข็มนิคมอุตสาหกรรม
ครั้งหนึ่งข้าเขวี้ยงหินพ้นขอบป้ายโครงการ
กระทบหอระฆังสีทอง
คำพิพากษาฟาดเปรี้ยงลงจากฟ้า
กังวานสีเรืองรองช่างชวนขนลุกขนพอง
กระทั่งเสียงจักรกลโรงงานที่ข้าชิงชัง
ก็เปี่ยมชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด
แสงค่ำกราดทะลุเมฆ...
ดั่งเลือดหยาดซึมผ้าพันแผล
หวนกลับสู่ยอดแหลมปราสาทเวิ้งจักรวาล
เจิดจ้ากว่าพระอาทิตย์เที่ยงคืน
มิอาจจับต้อง, แต่แผดเผาทุกอย่างได้
ตามรอยหญ้าแห้งเกรียม
ข้ามุ่งหน้าเข้าสู่เมือง
ไม่ว่าหัวใจจะลุกโชติช่วง
หรือร่างจะมอดไหม้เป็นจุณ.

โดย..อโลชา เวียงพงศ์/กวีราษฎร์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กวีตีนแดง: นิติศาสตร์จักต้องเป็นศาสตร์เพื่อราษฏร

ทันทีที่รัฐประหารทำลายหลักการแห่งนิติรัฐ
ทันใดนั้นนิติธรรมก็ถูกกำจัดด้วยรัฐประหาร
นิติศาสตร์มิใช่ศาสตร์แห่งอำนาจอันสามานย์
นิติศาสตร์มิใช่ศาสตร์รับใช้เผด็จการอันโสมม

เช่นนี้..นิติศาสตร์จักต้องเป็นศาสตร์เพื่อราษฏร
นี่คือรากฐานคำสอนแห่งนิติวิธีที่สั่งสม
เช่นนี้..นิติศาสตร์จักเป็นศาสตร์แห่งธรรมนำสังคม
มิใช่อาญาโทษกดกราบก้มข่มสิทธิเสรี

เจตนารมณ์แห่งประชาธิปไตยไม่แบ่งชนชั้น
มนุษย์ย่อมเสมอภาคและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรี
ยุติธรรมนั้นคือคุณค่าพื้นฐานแห่งรัฐที่พึงมี
อำนาจเป็นของปวงชนนั้นคือวิถีประชาธิปไตย

นิติราษฏร์ประกาศลบล้างผลพวงรัฐประหาร
นิติราษฏร์ยืนหยัดอุดมการณ์เสรีแห่งยุคสมัย
นิติราษฏร์เดินนำหน้าท้าทายสู้ชูคบไฟ
สร้างนิติศาสตร์เพื่อราษฏรไทยได้เท่าเทียม
...
มาร่วมก้าว...ร่วมกัน...ชูคบไฟ
สู่แสงสว่างเส้นทางใหม่ที่เท่าเทียม
.....

ทางเท้า : กลุ่มกวีตีนแดง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในห้องนั้น

ในห้องพิจารณาคดีลับที่ถูกปิดตาย
ถ้อยคำนั้นตอกตรึงด้วยตะปูดอกทอง
เลือดไหลท้นเกินตาตุ่มเสื้อคลุมยุติธรรม

ในห้องนั้นกรอบไม้ทาสีแล้วกำลังหัวร่อ
โต๊ะเก้าอี้ปฏิเสธสังฆกรรมอย่างพะอืดพะอม
ตาชั่งนรกสวรรค์เอียงกระเท่เร่เกือบสิ้นบุญ

ในห้องนั้นแม้แต่ความตายยังอายที่จะตาย
กระทั้งคำหยาบช้ายังอายที่จะหยาบกระด้าง

ถ้อยคำนั้นตอกตรึงด้วยตะปูดอกทอง
เลือดไหลท้นเกินตาตุ่มเสื้อคลุมยุติธรรม

ในห้องนั้น ห้องนั้น ห้องที่ถูกปิดตาย!

- ซะการีย์ยา อมตยา






&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



ดุจน้ำค้าง บนยอดหญ้า ในหน้าแล้ง
ดั่งเปลวแสง เทียนสว่าง กลางคืนหม่น
ผู้ก้าวย่าง ...
บนวิถี วีรชน
ผู้ก้าวพ้น การแย่งชิง สิ่งจอมปลอม

ดุจสายน้ำ ที่ไหลหลาก จากเมืองเหนือ
ดั่งกับเสือ ยอม..อด แม้นผ่ายผอม
ไม่อาลัย โหยหา เฝ้าตรมตรอม
ยศสรรเสริญ ที่จอมปลอม ไม่จีรัง




กวีประชาไท: ความจริง

เพ็ญ ภัคตะ

ความจริงยังซ่อนเร้น ลวงพราง
ความชั่วยืดอกถาง ถากเย้ย
ความดีคร่ำครวญคราง กลางคุก
สองมาตรฐานเหวยเว้ย เวี่ยไว้นรกสวรรค์

ความจริงแสนบิดเบี้ยว เบือนทราม
คนผิดขู่ประณาม ตะคอกหน้า
คนถูกบ่ถูกถาม จริง-เท็จ
ประชาธิปไตยใบ้บ้า บอดเบื้อบุราณสมัย

ความจริงเล่นแบ่งข้าง เลือกสี
อำมาตย์อุ้มคนดี สั่งได้
ปากหวานจิตอัปรีย์ เปรมประจบ
ไพร่สิเลวเถื่อนไร้ เสนียดล้วนสถุลสรร

ความจริงยัดเยียดข้อ กล่าวหา
ผู้ก่อการร้ายตรา บาปย้ำ
เผาบ้านพล่านพารา แผนกลบ
ร้อยศพมันเหยียบซ้ำ ยั่วแย้งแดงทมิฬ

ความจริงทุกย่างก้าว ตามหลอน
ยืนนั่งเดินกินนอน ตื่นรู้
คุณนั่นแหละฆาตกร สั่งฆ่า
คุณนั่นแหละคือผู้ โค่นล้มราษฎร

ความจริงจักจดจ้อง โจษประจาน
ตราบชั่วกัลปาวสาน ชาติสิ้น
สมบูรณาญาเผด็จการ สยามรัฐ
จารึกความปล้อนปลิ้น เปรตแท้เทพแปลง

เลิกสาดโคลนเล่นลิ้น ลวงประชา
อ้างชาติบอบช้ำสา- หัสชี้
ปากใครพล่ามโพนทนา ยุแยก
ไทยเทวษทุกวันนี้ ห่อนแจ้งสัจธรรม

มาเถิดมาเปิดโป้ง ความจริง
ปลดปล่อยไพร่ชายหญิง รากหญ้า
คืนหลักยุติธรรมอิง ทุกระบอบ
ผองเพื่อนเคลื่อนผลักหล้า โลกข้ามกลีเข็ญ

////////////////////////////

ศักดิ์ศรีคนอีสาน

เพ็ญ ภัคตะ

สูเกิดมาเป็นคนกรุง หอมกลิ่นประทิ่นปรุง เรืองรุุ้งฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม

สูจึงเหยียบย่ำซ้ำเติม สันดานแต่เดิม พูนเพิ่มหลงปลื้มลืมตัว

สูคอยจิกกัดกดหัว มองผู้อื่นชั่ว เป็นวัวเป็นควายใช่คน

สูแบ่งผิวพรรณชั้นชน นี่พวกพ้องตน และโน่นบ้านนอกคอกนา

สูเหม็นสาบคาวปลาร้า ชิงชังชั่วช้า แช่งด่าว่าด้อยแดกดัน

สูจ้องรังเกียจเหยียดหยัน กล่าวโทษลงทัณฑ์ ว่ามันเป็นลาวใช่ไทย

สูเห็นเฮาเป็นคนไหม เฮามีหัวใจ มิใช่ใบ้เบื้อบัดสี

เฮาคือไพร่แดงเสรี หทัยดวงนี้ เฮาพลีเพื่อความยุติธรรม

เฮาจนบ่จนใจดำ กินไม่อิ่มหนำ แต่อิ่มน้ำคำเกินเอียน

เฮาอาจไม่เคยได้เฮียน บ่ฮู้ขีดเขียน โรงเรียนเฮาคือทุ่งนา

เฮาเฮียนจากหอยปูปลา จากดินจากหญ้า จากป่าฟ้าเปลี่ยวเรียวไพร

เฮาฮู้ว่าไผเป็นไผ ใครกลั่นแกล้งใคร เหตุใดไทยไม่พัฒนา

เฮาหันความจริงยิ่งกว่า หอคอยศักดินา บูชารูปโฉมโนมพรรณ

เฮาต่ำแค่ชาติตระกูลชั้น หากใจเฮานั้น ฮู้ทันทรราชฆาตกร

 

 

กวีตีนแดง: ไม่เชื่ออย่าลบหลู่... สิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์


ข้าแต่...สามัญชนคนธรรมดา
ขอวิงวอนต่อสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ซึ่งมีจำนวนมากมายกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายล้านเท่า
โปรดช่วยปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนเอง

ให้แคล้วคลาดจากโจรร้าย
ให้ปลอดภัยจากผู้ดีจอมปลอม
ขอพลังแห่งสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์
จงยืนหยัดต้านทานการข่มขู่

จงอยู่รอดปลอดพ้นจากคมดาบ - กระบอกปืน
จงอดทนอดกลั้นต่อความไร้ยางอายทั้งหลายทั้งปวง
ขอสิ่งไม่ศักดิ์สิทธิ์ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์
ให้สามัญชนพลเมืองเจ้าของประเทศ

จงก้าวข้ามขวากหนามแห่งการเหยียดหยามหมิ่นแคลน
จงก้าวข้ามขวากหนามแห่งคำประณามกดขี่
จงเดินไปสู่เป้าหมายแห่งสิทธิและเสรีภาพ
         ขอสิทธิแห่งปวงประชาจงเป็นของปวงประชา

ขอบุญรักษา ‘สิทธิ์’ นั้นด้วยเทอญ.

อิสรภาพ

เดินเดินเดิน..เดินไปให้โลกรู้
ประวัติศาสตร์ดำรงอยู่ต้องแก้ไข
เปลี่ยนชีวิตปลดแอกให้เป็นไท
เขียนหนังสือเล่มใหญ่ผู้ทุกข์ทน

เดินเดินเดิน..เดินไปฝ่าเปลวแดด
แม้ร้อนแผดปวดแสบปานเผาไหม้
แสงสว่างข้างหน้าเห็นรำไร
เดินเถิดเดินไปคว้าชัยมา

เดินเดินเดิน..เดินไปสู่อิสรภาพ
มรดกประวัติศาสตร์บาปชำระใหม่
คืนศักดิ์ศรีสิทธิมนุษย์คือคนไท
สร้างบทเรียนหน้าใหม่ให้ผองเรา

เดินเดินเดิน..เดินไปคงได้เห็น
ชัยชนะดั่งเช่นที่ฝันหา
ปลอบประโลมเช็ดเหงื่อคราบน้ำตา
แล้วสัญชาติจะคืนมาอย่างแน่นอน!

หน้ารัฐสภา
๒๗ ม.ค. ๕๔
ปราโมทย์  แสนสวาสดิ์

---------------------------------------------------------------------------------

                    กวีตีนแดง: หนุ่มสาวเอย...เจ้าเคยหรือยัง

หนุ่มสาวเอย  เจ้าเคยหรือยัง
สู้เพื่อสร้าง  โลกใหม่ใฝ่ฝัน
เพื่อดอกไม้บาน  ต้านแสงตะวัน
เราเขาเธอฉัน  เท่ากันทุกคน

หนุ่มสาวเอย  เจ้าเคยใช่ไหม
เห็นผู้ยากไร้  ตายข้างถนน
ผู้ถูกกดขี่  แววตาที่ทุกข์ทน
เห็นใช่ไหมสายฝน  ปนเลือดหยดหยาดมา

หนุ่มสาวเอย  เจ้าเคยรู้ใช่ไหม
สายลมชนิดใด  ให้หวนร่ำหา
เมล็ดพันธุ์ใด  หยั่งรากไว้กลางท้องนา
ไหวใดดอกไม้ป่า  ผลิท้าแรงลมบน

หนุ่มสาวเอย เจ้าเคยเชื่อใช่ไหม
เราจักจุดดวงไฟ  ส่องทางไปทุกแห่งหน
จักทอดกายลงต้าน  ทวนทานสายน้ำวน
จักพลีร่างเป็นทางทน  ให้มวลชนฝ่าข้ามไป

หนุ่มสาวเอย  เจ้าเคยหรือยัง
ลุกขึ้นสู้เพื่อสร้าง  โลกแห่งฝันใฝ่
ลบรอยคราบน้ำตา  ประชาราษฎร์ผู้ยากไร้
หยัดยืนอย่างท้าทาย  มอบหัวใจให้ชาวนา

หนุ่มสาวเอย เจ้าเคยหรือยัง
ตายเพื่อสร้าง สังคมก้าวหน้า
ยืนยันสิทธิเสรี  วิถีมวลประชา
หนุ่มสาวเอยลุกขึ้นมา  เปลี่ยนโลกใหม่ด้วยมือเรา

เพียงคำ ประดับความ
21 มกราคม 2554

หมายเหตุ บทกวีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติดอกมะลิ (Jasmine Revolution) ที่ตูนิเซีย  และบทเพลงหนุ่มสาวเสรี ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ


กวีตีนแดง-เล่ ท่าเสา:การเผชิญหน้ากันของปัญญาชน

เล่ ท่าเสา
กลุ่มกวีตีนแดง

ในวันที่สัจจะถูกทำให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
ทุกสิ่งดูคล้ายจะเกิดขึ้นเอง
จนยากจะแยกแยะออกว่า
โดยธรรมชาติ หรือจากการสร้าง
ของแท้หรือเลียนแบบ


ปัญญาชนหลั่งไหลมารวมกัน
พูดคุย ดื่มกิน
คำทักทายในอดีตเลือนหายไป
ความรู้สึก ความทรงจำ จืดจางลง
พร้อมกับอุดมการณ์ ความคิด และความรัก
ที่อาจจะเคยมี และเคยรับใช้ประชาชน


วิศวกรที่เชี่ยวชาญ
ย่อมสามารถออกแบบเครื่องยนต์กลไกทุกชิ้นส่วน
ให้ทำงานสอดประสานกัน ราบเรียบ ลื่นไหว ไม่สะดุด
จนยากที่จะสังเกตว่า
เชื้อเพลิงหรือพลังงานที่เติมลงไป ไร้คุณภาพ


ในวันที่ปัญญาชนเติมพลังทางความคิดให้แก่หมู่ชน
หากเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
หมู่ชนกลุ่มนั้นยากจะแยกแยะออกว่า
มีคุณภาพเพียงใด
หรือเต็มไปด้วยสารปนเปื้อนทางความคิด
เนื่องแต่จิตใจของผู้ออกแบบปนเปื้อนไปก่อนแล้ว


หากแต่สัจจะคือสัจจะ
ความจริงคือความจริง
ย่อมทนทานต่อการทุบตี เฆี่ยนโบยบีฑา
จนวันหนึ่ง ผู้ทุบตีเหนื่อยล้าและตายจากไปเอง
ในวันนั้น ปัญญาชนจะหลั่งไหลมารวมกันอีกครั้ง
ณ ตรงจุดที่สัจจะยืนหยัดอยู่

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แดงอ่านข่าวเขาหาว่าพวกสมยศ..
พอเหลืออดหาว่าแรงแดงสยาม..
แดงวันเดีย...วหาว่าพวกสมบัติบุญงามฯ..
แดงเฝ้ายามหาว่าการ์ดอาจรุนแรง..

แดงไซเบอร์หาว่าหมิ่นว่าล้มเจ้า..
แดงเด่นเข้าหาว่าแกนนำเสมอ..
แดงเชื่อมแดงกลายเป็นแกนนอนนะเออ..
แดงแด๊งแดงหาว่าเพ้อศิลปิน..

แดงปราศรัยหาว่าเป็นแดงดารา..
แดงผูกผ้าหาว่าเด็กพวกเวอร์จิ้น..
แดงบริจาคถูกประณามว่าหากิน..
แดงท้องถิ่นขนคนว่าแดงตังค์ทอน..

แดงกลุ่มใหม่หาว่าหนอนมาบ่อนไส้..
แดงจากไปหาว่าแดงเริ่มแรงอ่อน..
แดงหน้าจอหลังตู้เย็นแดงถูกตอน..
แดงละอ่อนหาว่าเด็กเป็นกำบัง..

แดงเดินคู่นักการเมืองหาว่าจ้าง..
แดงคิดต่างหาว่าเทียมไม่สร้างสรรค์..
รักทักษิณหาว่าท่อ(น้ำเลี้ยง)คอยให้ตังค์..
พอรวมพลังหาว่าแดงเผาบ้านเมือง..

แดงบางแดงเริ่ม “งง ๆ” เดินไม่ถูก..
พอผุดลุกต้องผุดนั่งรอฟังเรื่อง..
ผลัดแถลงแดงจ้วงแดงแรงทั้งเมือง..
เริ่มใหม่เรื่อง “นปช.” รอเพื่อนแดง...

***********************************************************************************


กวีประชาไท ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์: อย่ากังวลไปเลย..พ่อ

พ่อเขาตายเมื่อเดือนพฤษภา
คาวเลือดและน้ำตามิจางหาย
ฝนแรกพรากร่างกร่นกราย
ทิ้งร่างไร้ความหมายชายหนึ่งคน

เขาบอกว่าพ่อเขาโดนทหารฆ่า
อีกอำมาตย์ศักดินาชี้การสั่ง
ลั่นกระสุนล้อมปราบดัง..ปังปัง
ยังก้องดังกังวานในหัวใจ

เขาบอกว่าพ่อเขามาจากบ้านนอก
เดินทางมาร้องบอกความยากไร้
อยากเห็นประเทศมีประชาธิปไตย
ผลลัพธ์ตอบกลับไปคือความตาย

เขาบอกว่าเพื่อนพ่ออีกหลายคน
หลังความโกลาหลยังเงียบหาย
ไม่รู้ชะตากรรมเป็นหรือตาย
หล่นปลิวร่วงหายกับสายลม

เขาบอกว่าคนสั่งฆ่ายังเป็นใหญ่
เหยียบกระดูกความตายน่าอดสู
วีรชนปราบไพร่ต้องเชิดชู
แล้วกรอกหูพวกสูศัตรูแผ่นดิน

เขาบอกว่าฉากหลังการเข่นฆ่า
หมูมารหัวเราะร่าเฉลิมฉลอง
ประกาศชัยกู่ร้องท่วงทำนอง
ภารกิจปกป้อง..สวรรค์ชั้นชน

เขาบอกว่า..ศพพ่อร่างพ่อจะเก็บไว้
จนกว่าความตายโดนสะสาง
จนกว่าเมฆดำเคลื่อนรุ่งราง
จนกว่าจะล้างผลาญมารแผ่นดิน

อย่ากังวลไปเลยพ่อ…
เขาจะไม่ขอร้องความยุติธรรมจากที่ไหน
ต่อไปนี้จะสุมฟืนเพิ่มไฟแค้นในหัวใจ
จากนี้ไป..แผ่นดินลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน

จากนี้ไป..แผ่นดินลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน


ถึงชนชั้นกลาง ชาวกรุง
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ชนชั้นกลาง ชาวกรุ...ง
ฟังชั้นล่าง ชาวทุ่ง สักหน่อยไหม
เราเพียง ต้องการ ประชาธิปไตย
แค่อยากให้ คนไทย เท่าเทียมกัน

ที่ต่อสู้เพราะรู้ทันว่ากดขี่
แต่ที่ตาย นี่ไม่คิด ไม่คาดฝัน
ว่าทหาร ลูกหลานไทย ไพร่เหมือนกัน
สไนเปอร์ ประจัญบาน จะไล่ยิง

แล้วชี้หน้า ว่าไอ้ ผู้ก่อการร้าย
นอนตาย มือเปล่า ทั้งชายหญิง
หรือหากใคร ผิดแนวทาง อย่างว่าจริง
ต้องหลักฐาน ชัดทุกสิ่ง หรือยิงเลย?

ว่าเผาบ้าน เผาเมือง เป็นถ่านเถ้า
ข้อเท็จจริง ชัดหรือเปล่า ช่วยเฉลย
ที่จับชัวร์ หรือมั่ว อย่างเคย
จะอ้างเอ่ย ยุติธรรม ด้ามหอกอะไร

ว่าชั้นต่ำ รับจ๊อบ ม๊อบรับจ้าง
ข้าห่อข้าว แล้วเดินทาง เอ็งรู้ไหม
หยุดงานหนัก พักงานนา มาด้วยใจ
จ้างเท่าไร? ถึงตาย ไม่เลิกรา

มาเรียกร้อง ประชาธิปไตย ให้ดูถูก
แค่คนจน รักสนุก ไร้การศึกษา
แล้วเอ็งเล่า เขาสอน อะไรมา
เพื่อปลูกสร้าง ปัญญา หรือครอบงำ

รู้จักไหม ปรีดี พระยาพหลฯ
อภิวัฒน์ เพื่อผองชน ชาวสยาม
จิตร,กุหลาบ,เปลื้อง,นายผีช่วยตีความ
รู้ไหมนาม คณะราษฎร์ เสรีไทย

หรือให้เอ็ง ซาบซึ้ง ถึงรัฐชาติ
ที่เขาวาด ให้กราบ ตามถามไม่ได้
เอ็งเย่อหยิ่ง ปริญญา ก็ว่าไป
ข้าจะสร้าง รัฐไทยใหม่ ให้รู้ทัน

เอ็งมีคน บ้านนอก ไว้ดูเล่น
เขาเก้อเขิน เปิ่นให้เห็น เป็นน่าขัน
ชนบท ไว้พักผ่อน ตอนว่างงาน
ไปเที่ยววัน สองวัน เพื่อชาร์จไฟ

ได้หยิบยื่น อะไร ให้นิดหน่อย
ก็ตัวลอย ไ ปเล่า ใครต่อใครได้
ว่าความสุข จากแบ่งปัน นั้นปานใด
สร้างอนุสาวรีย์ใหญ่ ให้ตัวเอง

แต่ไม่เคย มองเห็น ความเป็นเขา
ไม่เคยเข้า ใจอกขม ถูกข่มเหง
พอเข้ากรุง สู้เยี่ยงไพร่ ใจนักเลง
ก็ถูกเอ็ง ไล่ซ้ำ เพราะรำคาญ

ไปบ้านทุ่ง ลื่นคันนา เหยียบกล้าหัก
เอ็งก็มัก พูดนิ่มๆ ยิ้มหวานๆ
ข้ามากรุง ปิดแยกอยู่ เพราะสู้นาน
เอ็งไม่แคร์ แม้ทหาร จะฆ่าเรา

แล้วสละ เวลา มาล้างถนน
ชีวิตคน มองข้าม ไม่ถามข่าว
พูดจนเฝือ เหลือขนาด ว่าชาติเรา
มารักกัน อย่างเก่า ก็แล้วกัน

ต้องเข้าใจ เรื่องราว ให้เข้าจุด
เรื่องใหญ่สุด ยุติธรรม ไร้มาตราฐาน
ประชาธิปไตย ที่บอกเขา หลอกมานาน
เห็นชาวบ้าน เป็นควายปลัก ต้องลากเดิน

เชื่อเถอะ คนไทย ไม่เกลียดกัน
แต่อย่าแบ่ง ชนชั้น ให้ห่างเหิน
ถึงสูงต่ำ ก็ต้องย่ำ ผืนดินเดิน
ถ้าก้าวเกิน ศักดิ์ศรีมนุษย์ ก็สุดทาง

เขียนมาหา ใช่ต่อว่า ให้โกรธขึ้ง
ใช่จะดึง สองฝ่าย ให้บาดหมาง
แค่อยากให้ เข้าใจ ในแนวทาง
ฟังเราบ้าง ดูให้ชัด แล้วตัดสินใจ
จะประณาม หยามเหยียด และเหยียบย่ำ
หรือก้าวข้ามจารีตมาอยู่ใกล้
จะร่วมสู้ ร่วมสร้าง ประชาธิปไตย
หรือซาบซึ้ง ตื้นตันใจ โอ้ว...ไทยแลนด์

*********************************************************************
เพ็ญ ภัคตะ: เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง

เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง
หากไม่ถูกทมิฬทึ้งดึงกลับศูนย์
เสียเวลากอบซากศพบนกองกูณฑ์
แทนที่จักเพิ่มพูนพลังไท

เราเคยนับหลักสิบถึงร้อยแสน
กลับถูกแผนอุบาทว์ฉุดสะดุดไหว
จากเมืองแมนแดนสยามศิวิไล
ถอยหลังเริ่มต้นใหม่ไกลความจริง

มีรัฐถ่อยเถื่อนสถุลสมุนชาติ
ใครฉลาดถูกฟาดคว่ำริยำยิ่ง
เอากฎหมายสามานย์มาอ้างอิง
ปรุงแต่งสิ่งโสมมอัประมาณ

มีนายกอัปยศรันทดเทวษ
เมืองอาเพศเหตุภัยจัญไรผลาญ
มือเปื้อนเลือดเด่นลอยคอยประจาน
ได้นายกเผด็จการต้องจารจำ

คณะราษฎร์เคยทวงทักท้วงสิทธิ์
ถูกเบือนบิดอ้างระบอบครอบอุปถัมภ์
เป็นประชาธิปไตยใต้เงาดำ
แปดสิบปียังก้าวย่ำมิยาตรา

ทำท่าจักก้าวเดินถูกดึงกลับ
กี่ครั้งนับเมื่อไหร่ถึงทางข้างหน้า
อ้างว่าไทยยังไม่พร้อมน้อมพึ่งพา
ปวงเทวาปารมีวิษณุวงศ์

เราแอบเดินใต้ดินไม่ยินเสียง
ร่วมร้อยเรียงตะเกียงใจไม่พลัดหลง
ระวีแสงแดงวับนับล้านวง
กระหวัดธงกระเหวี่ยงทาส กระวาดไทย



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

" เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง " เพ็ญ ภัคตะ

" เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง
หากไม่ถูกทมิฬทึ้งดึงกลับศูนย์
เสียเวลากอบซากศพบนกองกูณฑ์
แทนที่จักเพิ่มพูนพลังไท

เราเคยนับหลักสิบถึงร้อยแสน
กลับถูกแผนอุบาทว์ฉุดสะดุดไหว
จากเมืองแมนแดนสยามศิวิไล
ถอยหลังเริ่มต้นใหม่ไกลความจริง

มีรัฐถ่อยเถื่อนสถุลสมุนชาติ
ใครฉลาดถูกฟาดคว่ำริยำยิ่ง
เอากฎหมายสามานย์มาอ้างอิง
ปรุงแต่งสิ่งโสมมอัประมาณ

มีนายกอัปยศรันทดเทวษ
เมืองอาเพศเหตุภัยจัญไรผลาญ
มือเปื้อนเลือดเด่นลอยคอยประจาน
ได้นายกเผด็จการต้องจารจำ

คณะราษฎร์เคยทวงทักท้วงสิทธิ์
ถูกเบือนบิดอ้างระบอบครอบอุปถัมภ์
เป็นประชาธิปไตยใต้เงาดำ
แปดสิบปียังก้าวย่ำมิยาตรา

ทำท่าจักก้าวเดินถูกดึงกลับ
กี่ครั้งนับเมื่อไหร่ถึงทางข้างหน้า
อ้างว่าไทยยังไม่พร้อมน้อมพึ่งพา
ปวงเทวาปารมีวิษณุวงศ์

เราแอบเดินใต้ดินไม่ยินเสียง
ร่วมร้อยเรียงตะเกียงใจไม่พลัดหลง
ระวีแสงแดงวับนับล้านวง
กระหวัดธงกระเหวี่ยงทาส กระวาดไทย "


**********************************************
นกกระดาษสีแดง


นกกระดาษสีแดงต้านแรงสู้
โบยบินสู่เสรีที่ใฝ่หา
หมื่นแสนคุกกักขังเพียงกายา
เรียวปีกกล้าทะยานท้าฝ่าคลื่นลม

นกกระดาษสีแดงทั่วแหล่งโลก
จงนำโชคอวยชัยไปสั่งสม
วันนี้ถูกศาสตราถลาล้ม
วันหน้าย่อมชื่นชมรัฐประชา

นกกระดาษสีแดงร่วมสร้างสรรค์
ปลุกตะวันปันเมฆเสกเวหา
ปลดปล่อยไทจากทาสนานเนิ่นช้า
ไปเถิดหนอสกุณา...ฟ้าของเธอ

ฝากติดตามถามข่าวเหล่าวิหค
เคยผินผกราวไพรอาจไผลเผลอ
หรือจากพรากแพ้ใจไม่พบเจอ
นกเขาไฟ นกละเมอ นกแสงตะวัน

ยินข่าวนกสีเหลืองนั้นตายแล้ว
ติดบ่วงแก้วเกียรติกามลืมความฝัน
เพลินอยู่ในวังวนแห่งคนธรรพ์
วิมานเลิศเฉิดฉันเหยียดชั้นชน

พิราบขาวราวปีกฉีกโรยอ่อน
การะเกดกางกรซ่อนสับสน
เริ่มปรองดองผองกาลีมีเล่ห์กล
เจ้าขุนทองไปปล้นอยู่หนใด

ฟ้าวันนี้จึงมีแต่นกกระดาษ
แดงพิลาสประกาศฝันอันยิ่งใหญ่
โบยบินสู่เข็มทิศประชาไท
ปีกปราชัยพร้อมเปลี่ยนหล้าพลิกฟ้าดิน
********************************************

 ปัญญาชนน่ะหรือ? มีที่ไหน?

ปัญญาชนน่ะหรือ? มีที่ไหน?
นี่คือเมืองไทย! อย่าได้ฝัน!
ตื่น! ตื่น! อย่าหลับกลางวัน
ติดคุกสักหมื่น-พัน ก็ปล่อยไป

กฎหมายหมิ่น? น่ะหรือ คือปัญหา?
เฮ้ย! บ้า! พูดเป็นเล่นไปได้!
ไม่เห็นนักวิชาการเมืองไทย
ติดคุก-เข้าข่าย สักคนหนึ่ง!

ตาสี-ยายสา นั่นน่ะหรือ?
ขันติธรรมไม่ถือเป็นที่พึ่ง
เอะอะ ก็โวย นี่ นั่น มึง!
สอดบัตรกันอึง ไม่กลัวใคร

สมควรแล้วที่เกิดมาโง่
ไม่มีปัญญาอวดโวได้!
ติดคุกประหน่อยสักเป็นไร
คุณค่าเทียบไม่ได้เท่าขี้ผง!

มาเถิด! คนชั้นปัญญาชน
อย่าได้สนการเมืองเรื่องของไพร่
ปล่อย! ปล่อย! ให้มันดำเนินไป
แล้วตีกินตอนท้ายจึงคุ้มทุน!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพ็ญ ภัคตะ: เมื่อแม่และหนูอายุเก้าขวบ



ตอนแม่วัยเก้าขวบ       เหมือนหนู
แม่เล่าว่าอดสู               อนาถสิ้น
ตาจูงแม่มุงดู                ร่างดับ
นิสิตนักศึกษาดิ้น         ด่าวแค้นคนตุลา

ตาชี้รอยเลือดค้าง        สนามหลวง
แดงสาดแดงชัดดวง      ดอกช้ำ
แม่เก็บกิ่งมะขามพวง    พลัดอก
กระสุนเฉียดเลียดคูน้ำ  ถลอกช้ำขาแขน

ตาจำแม่จดไว้               ใจจาร
จงเล่าสืบลูกหลาน         รับรู้
สำนึกแน่นสันดาน         สมองเด็ก
ป.สี่จิตหาญสู้                 สาปผู้สังหาร

ปีนี้หนูเก้าขวบ              เท่ากัน
แม่บอกวัฏจักรผัน          กลับย้อน
รำลึกราษฎร์ดำเนินวัน  นองเลือด
ราวช่วยซ้ำภาพซ้อน     ฉากนั้นนานฉาย

หนูผ่านฟากผ่านฟ้า      ราษฎร์ประสงค์
แดงโบกไกวสะบัดธง      ทัพกล้า
ส่งจูบรีบจรลง                 กระโจนร่วม
จูงแม่เร็วอย่าช้า             ช่วยซื้อธงผืน

ไยครูสอนห้ามยุ่ง           การเมือง
เป็นเด็กใช่เปล่าเปลือง    สติไร้
โทรทัศน์ทุกช่องเหลือง  ลวงโลก
โถ!เด็กไม่อยากได้        ข่าวบ้าละครบอ

อีกสามปีย่างเข้า            สิบสองขวบ
แม่ผ่านหกตุลารวบ        อกร้าว
ความฝันอาจประจวบ    ตอนจบ
ปิดฉากยุวชนก้าว         ฝ่าข้ามสนามชัย

*****************************************************

เพ็ญ ภัคตะ: ตอบคำถามให้ความชั่ว

(๑. คำถามของความชั่ว)
มาจากไหนกันเล่าผู้เฒ่าเอ๋ย         เป็นครั้งแรกที่เคยเข้าเมืองหลวง
คนบ้านนอกคอกตื้อสะดือกลวง    ไยมาทวงสิทธิิเสรีธรรม
เป็นผู้ก่อการร้ายมิใช่หรือ            แถมยังถืออาวุธเตรียมกระหน่ำ
พวกบั้งไฟหลาวแหลนไม้ไผ่ลำ    มายี่ย่ำย่านไฮโซให้มัวซัว
นึกอย่างไรถึงจ้องอยากล้มเจ้า     พวกหูเบางี่เง่าถูกเป่าหัว
ไม่เคารพสถาบันชอบพันพัว        คอมมิวนิสต์คิดชั่วไม่ภักดี
รับเงินจากทักษิณมากี่ร้อย          ขนชาวดอยต่างด้าวมาถึงนี่
ทิ้งไร่นาสาโททำไมมี                  รีบกลับไปเดี๋ยวนี้ฤดูนา
ฟังปราศรัยรู้เรื่องหรือนั่งหลับ      จ้องขยับเท้าตบเหมือนผีบ้า
หลงคารมณัฐวุฒิสุดระอา            พวกแม่ยกยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ
ยุบสภาเพื่อใครไม่รู้ชัด                ยอมเบียดเสียดเยียดยัดใต้เต๊นท์ผุ
แผนโรดแมพรับไหมเลิกมุละทุ   กลับสาธุแกนนำให้บงการ
เขาจะยิงกันแล้วยังนั่งอยู่            ทำไม่รู้ไม่ชี้พลีสังขาร
คนอะไรดื้อดันอันธพาล              หรือแกถูกจ้างวานให้มาตาย

(๒) ตอบคำถามให้ความชั่ว
มาจากบ้านภูดอยแดนอีสาน          ถิ่นกันดารปักษ์ใต้จรดเหนือ
คนบ้านนอกคอกดินเคยกินเกลือ   รวมตัวเมื่อชาติไถ่ถามความเท่าเทียม
ถูกประณามทรามโฉดชนชั้นชั่ว   หลงหน้ามืดตามัวเขาวัวเสี้ยม
เถอะจึงจนแต่หัวใจจักไม่เจียม      ยิ่งกว่าไฟไหม้เกรียมเพราะโศกกรำ
ใครกันแน่จอมโจรชอบโหนเจ้า    หัวถูกเป่าให้แบ่งคนชนสูง-ต่ำ
เคยเคารพสถาบันพลันฟ้าดำ        ถูกปรักปรำคอมมิวนิสต์จิตยินดี
ไม่รู้จักทักษิณรับสินบาท              นับแบ็งค์ขาดโบกรถไฟโหนชั้นสี่
ลัวะกะเหรี่ยงม้งขมุเงาะกุลี            ก็คนดีคนหนึ่งยอมทิ้งนา
ไม่เคยฟังปราศรัยในชีวิต             หูถูกปิดการเมืองเรื่องซ้ายขวา
พลันลิ้มฤทธิ์พิษภัยในสภา            ก่อนนี้เข้าคูหาคิดว่าพอ
ยอมอั้นฉี่อั้นอึแม้อึดอัด                  อัตคัตลุกนั่งอยากฟังต่อ
รักโรงเรียนผ่านฟ้าน้ำตาคลอ      ชีวิตเรานี่หนอขอเรียนรู้
ห่ากระสุนไอ้โม่งกระหน่ำร่าง       ตีนตบคว้างข้างข้าวกล่องยังกองอยู่
เฮือกสุดท้ายประจักษ์ใจใครฆ่ากู  วิญญาณเศร้าเฝ้าเพ่่งดู..ศัตรูเดียว


*******************************************************************


ประชาชน


ประชาชน !!!
สถาบันชั้นต่ำสุดของชาติ
จมอยู่ใต้อุ้งบาทอันบัดซบ
แต่งนิทานตะบันตะแบงตะแลงตลบ
กี่ชาติภพดักดานหมอบคลานกัน

คนต้องทัดเทียมเท่าโลกเรานี้
ไถกลบหน้าคนดีทีละท่าน
หว่านดำตำนานหน้าปัจจุบัน
ถอนรากต้นชนชั้นชั่วให้วัวกิน

ประชาชน !!!
สถาบันต่ำสุดสุดของชาติ
มิใช่ทาสหน้าไหนใครทั้งสิ้น
คือผู้เป็นเจ้าของครองแผ่นดิน
ลั่นกลองชัยให้โบยบินไปถึงฟ้า

ชูมือขึ้นทวงสิทธิ์อิสระ
สลายรูปสถานะธุลีขี้ข้า
รื้อความเชื่อบุราณแต่นานมา
เปิดตำนานคนกล้าคว่ำฟ้าลง

ประชาชน !!!
สถาบันชั้นต่ำสุดของชาติ
กระชากขาดโซ่ล่ามความลุ่มหลง
ภาพหลอนหลอกกรอบกฎจึงปลดปลง
หยัดยืนอย่างทระนงโลกเสรี

ยืนหยัดอย่างภาคภูมิในมนุษย์
ปะชุนโลกชำรุดที่สุดนี้
อย่างหนุนเนื่องเฟืองกลจักรสามัคคี
แม่นมั่นในหน้าที่...ประชาชน !!!


อรุณรุ่ง สัตย์สวี
**************************************************************************************

จากราชดำเนิน ...ถึงราชประสงค์
บทกวีประชาชน จาก งานประกวดบทกวี Free Write Award ครั้งที่ 1

จตุพรนำกระบวนชนชั้นไพร่ พากันเดินเป็นกระบวน กระบวนผ้าสีแดง งามกระบวร

เต็มด้วยแบบกระบวนแล้วพากันเดินเป็นกระบวน กระบวนไป

ชาวกระบวนไม่ล่วงพ้นกระทู้รัฐสภา นายจตุพรเข้านั่งในสภา แล้วกระทู้

กระทู้แพร่พันธุ์เสียหายต่อชาวนาชาวไร่ ชาวบ้านต้องกระทุ่มไปในแม่น้ำ

เจอกระทุ่มก็กระทุ่มออกเป็นสองซีกเพื่อทำลายที่อาศัยของกระทู้

เจอกระเทยครองเมือง กระทู้นี้ต้องปล่อยฟ้าให้ลิขิต

ในกระบวนบ้างใส่เสื้อกระบอกแดงกระบวรด้วยกระบอกหอม

ถือกระบอกใส่กระบอกเป็นอาหาร

เอากระบอกขับลำนำแลร่ายรำเพลงกระบอกไฟ

ข้อยน้อยเป็นข้อยข้า ขอดเหลือล้าจนเหลือขอด

สังคมขอด เสรีขอด ขอดเท่าเทียม อกไหม้เกรียม ให้ขอดใจ

น้ำขอดคลองข้าวขอดหม้อ ยังขอดน้ำขอดก้นหม้อ พออาศัย

ขอดเสรี ขอดศักดิ์ศรี ขอวิญญาณเสรีชน

สุดขอดทน ต้องต่อสู้ ขอดเอามา

ผู้แต่ง นายกฤษณะ สัตตบุศย์
***********************************************
ไม้หนึ่ง ก.กุนที: สามัคคีของคนทุกข์
 “เพิ่งทบทวนว่า ช่วงที่เคลื่อนไหวทั้งสถานการณ์ผ่านฟ้า และราชประสงค์ มีบทกวีอยู่จำนวนหนึ่งเขียนขึ้นมาแล้ว อ่านบนเวทีเพียงอย่างเดียว แม้มีการถ่ายทอดสดทางTVและเว็บไซด์ แต่ก็ไม่ได้เผยแพร่ตัวบท วันนี้จึงอยากเผยแพร่บทกวีที่เขียนไว้เมื่อครั้งตั้งกองกำลังศิลปินไพร่บนป้อมมหากาฬงานชิ้นนี้เขียนเมื่อวันที่ 11 เมษา หลังสงกรานต์โหด 53 เพียงวันเดียว ในวาระ 6 เดือน” จดหมายจากไม้หนึ่ง ก.กุนที
สามัคคีของคนทุกข์ 
1
ความรัก ของคนยากไร้
อธิปไตย ที่มาจากชนชั้นล่าง
ลงทุนด้วย เลือดเนื้อ ถมทำทาง
แคบสู่กว้าง เปิดถนน ให้คนเดิน
2
การเมือง ของคนยากไร้
ปัญญาชน เขาเข้าใจแค่ผิวเผิน
เทพชั้นสูง บิดเบือนว่า เป็นส่วนเกิน
ชนชั้นกลาง เชื่อตามเมิน ไม่ร่วมแนว
3
การต่อ สู้ของ ผู้ยากไร้
ถูกตีแตก ยับทำลาย ไปหลายแถว
ชัยชนะ มองด้วยตา เหมือนหรี่แวว
แต่มั่นใจ คงแน่วแน่ รุกต่อตี
4
รบจนมี คนล้มหาย ลับตายจาก
อย่างตีนหนา หน้าบาง สมศักดิ์ศรี
อุทิศตน ป่นปลูกสร้าง ทางเสรี
เพราะฝันใฝ่ ถึงสังคม ที่ดีงาม
5
รบจนมี คนมากมาย ได้ตายจาก
เพราะรื้อถอน เถื่อนซาก ทิวขวากหนาม
เพื่อเผ่าพันธุ์ กำพืดไพร่ ผู้ไร้นาม
ทรราชย์ ฆ่าคุกคาม ไม่ขามเกรง
6
ลุกขึ้นจาก ใต้ถุน ฐานสังคม
สิ้นสุดกับ การกดจม เหยียบข่มเหง
เปลี่ยนประเทศที่ล้าหลัง โคตรวังเวง !
ก้องเพลงมาร์ช สามัคคีของคนทุกข์ !!
ไม้หนึ่ง ก.กุนที / กวีราษฎร


กวีประชาไท
จดหมายถึงฟ้า

จดหมายถึงฟ้าเขียนจากน้ำตาผู้ยากไร้         ฟ้าเคยรู้บ้างไหมหัวใจของไพร่มันขื่นขม
แผ่นดินทั้งผืนไม่เพียงพอเขียนความระทม    กี่บาดแผลทับถมถล่มภูเขาแห่งรักพังทลาย

ไม่มีความร่มเย็นอยู่ในนิทานโกหก              พล็อตเรื่องสกปรกล้วนแต่เลอะเทอะเหลวไหล
เมื่อแผ่นดินรู้ว่าท้องฟ้าไม่เคยรักใคร            ยาวนานเพียงไหนยัดเยียดความยากไร้ให้เรา

แผ่นดินแล้งร้าวเขาเป็นเศรษฐีมหาศาล        สินทรัพย์โอฬารเป็นวิมานเทียมภูเขา
ตีนแตะไม่ถึงดินป่ายปีนดื่มกินแสงดาว         ลืมตัวหลงเงาว่าเราเพียงคนธรรมดา

ฟ้ารู้บ้างไหมในความยาวนานเราเหนื่อยนัก         ถูกขูดรีดความรักเราทั้งหน่วงหนักและอ่อนล้า
หัวใจเราแห้งโหยด้วยถูกฟาดโบยจนชินชา         แต่อีกเสี้ยวใจเราใฝ่หาวิถีแห่งสามัญ

พอทีได้ไหม...นิยายอนุรักษนิยม                           เราผ่านความขื่นขมดิ่งจมธารอาถรรพ์
เลาะล่อนมันออกลอกเปือกตมแห่งชนชั้น               หยัดยืนขึ้นประจัน “เขียนนิทานแห่งสามัญชน”

จดหมายถึงฟ้า...กลั่นเลือดคนกล้าแทนหมึก          กี่ค่ำคืนดื่นดึกกรำศึกท่ามกลางแดดฝน
วิถีทาสบาดลึกกร่อนรู้สึกเกินอดทน                      นักบุญผู้ฉ้อฉลผ่านพ้นคุณคืออดีตกาล

ใต้ท้องฟ้าผืนนี้เรามีสิทธิเป็นมนุษย์                     อย่างน้อยที่สุดเรามีเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ทุกคนบนโลกหายใจอยู่อย่างเท่าเทียมกัน          แม้จันทร์ซีดเซียวดวงนั้นกระหายใฝ่ฝันนิรันดร

Freedom of Speech เรามีสิทธิที่จะพูด                 ประวัติศาสตร์ล้าหลังชำรุดบิดเบือนชุดคำสั่งสอน
ศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์ถูกคุกคามถูกสั่นคลอน           ความเป็นคนถูกรื้อถอนไปซ่อนอยู่บนดาวดวงใด

ใต้ท้องฟ้าผืนนี้เรามีเสรีภาพที่จะเชื่อ                  เรามีเลือดมีเนื้อคิดตรองเชื่อผิดถูกได้
เรามีชีวิตและเรามีลมหายใจ                              หัวเราะร้องไห้...ไม่ต่างอะไรจากคุณ

แต่ไยใต้ฟ้าผืนนี้มีใครบางคนขีดเขียน              ชะตากรรมวกเวียนสับเปลี่ยนแกนโลกหมุน
ฝันเฝ้าเล่านิทานอ้างการกดขี่เป็นบุญคุณ         ซ่อนกองซากศพทารุณไว้ใต้ถุนศาลเจ้าโบราณ

เขียนจดหมายถึงฟ้าว่าบัดนี้เราตื่นจากหลับใหล      จะไม่ยอมรองตีนใครไม่มีแล้วเมืองสวรรค์
สิบเก้ากันยาเราตาสว่างอย่างนิรันดร์                      จบแล้วนิทานชนชั้น “เหลือเพียงนิทานแห่งสามัญชน”

โดย เพียงคำ ประดับความ – กลุ่มกวีตีนแดง

***********************************************************************





กลอนสดุดีวันลากตั้งอธิการบดีธรรมศาสตร์

รักนิรันดร์ วรรณวีรพงษ์

หมายเหตุ บทกวีชิ้นนี้เขียนโดยรักนิรันดร์ วรรณวีรพงษ์ บัณฑิตจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกล่าวถึงกระบวนการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยได้อย่างน่าสนใจ แม้จะมีลักษณะเปรียบเปรยเสียดสี ทว่าบทกวีของรักนิรันดร์ก็ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การให้ร้ายตัวบุคคล หากมุ่งเน้นวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการเสนอชื่อ/สรรหา (ไม่ใช่การเลือกตั้ง) อธิการบดีของสถานศึกษาที่เขาเคยเล่าเรียนอยู่มากกว่า

เมื่อรักนิรันดร์ส่งงานชิ้นนี้มาให้พิจารณา มติชนออนไลน์จึงตัดสินใจนำบทกวีดังกล่าวลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มแง่มุมของข่าวสารเรื่องการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น


โอ้ละหนอ ว่าด้วย "การลากตั้ง"
มีใบสั่ง เรียบร้อย จนเสร็จสรรพ
เพียงปิดหีบ ก็เดาได้ ไม่ต้องนับ
ว่าผลลัพธ์ จะออกมา เป็นเช่นไร

เลือกไปแล้ว เลือกทำไม ใครอยากเลือก
เพราะมีมือ จอม "..." มาเลือกให้
ถ้าเลือกไป เลือกแล้ว ไม่พอใจ
พวกสภา มหาลัย ก็เปลี่ยนคน

จึงไม่แปลก ที่วันนี้ จะเงียบเหงา
ไม่เหลือเงา นักศึกษา ไปกาฝน
นับคะแนน จากสามหมื่น เหลือร้อยคน
ใครอยากทน การลากตั้ง ไร้เสรี

วันลากตั้ง อธิการ ธรรมศาสตร์
ไม่แคล้วคลาด เงียบเหงา ดั่งเผาผี
เพราะกี่คน วนผ่าน กี่นานปี
ไม่เห็นมี ประชาธิปไตย ในแดนธรรม

นักศึกษา คณาจารย์ ไม่มีสิทธิ์
ไม่ "สมคิด" ได้เลือกเอง แสนกลืนกล้ำ
มีระบอบ ชี้ขาด อำนาจนำ
ไร้ซึ่งธรรม และประชาธิปไตย

อันแดนธรรม นำสมัย วิไลเลิศ
เคยประเสริฐ เลิศล้ำ นำสมัย
เคยสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย
คงเหลือไว้ แค่ชื่อ ให้บูชา

ถ้าอยากให้ นักศึกษา มาเลือกตั้ง
คุณต้องฟัง ให้สิทธิ์เขา เข้าคูหา
ให้เขาได้ ใช้สิทธิ์ หยิบปากกา
ให้เขาได้ ศรัทธา เสียงมวลชน...

ไม่ใช่ให้ เพียงสิทธิ์ เสนอชื่อ
พวกเขาไม่ ใช่กระบือ หรือต้นสน
แต่พวกเขา นั้นเป็นเหล่า ปัญญาชน
และเป็นคน ไม่แตกต่าง จากพวกคุณ...


-------------------------------------------------
กวีประชาไท: ดำทั้งแผ่นดิน
เพียงคำ ประดับความ

"ฝากบทกวีเนื่องในวันครบรอบการอุบัติขึ้นของใครบางคนที่เป็นภัยต่อประชาธิปไตยไทย"

แต่งดำไว้ทุกข์ทุกหย่อมหญ้า
เพื่อย้ำว่ามวลประชาระทมทุกข์
ฉีกกระชากหน้ากากแห่งความสุข
ที่ซ่อนซุกความร่มเย็นอันจอมปลอม

...ประชาชนยากแค้นแสนสาหัส
คุณดื่มกินอำนาจรัฐอันหวานหอม
ประชาชนกินน้ำตาอย่างตรมตรอม
ภายใต้การมอมเมาอันยาวนาน

คุณเล่านิทานผ่านนายหน้า
สูบเลือดเนื้อมวลประชาเป็นอาหาร
ขูดรีดความภักดีอย่างโอฬาร
ประวัติศาสตร์สายธารนั้นจารจำ

อำมาตยาธิปไตย
ไม่เคยสร้างคุณอันใดที่เลิศล้ำ
ฉุดกระชากมวลชนมาจองจำ
ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำดำเนินไป

สร้างวาทกรรมความไม่พร้อม
ประชายอมยกพลีชีวิตให้
กดหัว...กดหัว...มันต่อไป
อย่าได้ลุกขึ้นยืนหลังตรง

เราพร้อมตั้งแต่เราเป็นมนุษย์
สิ้นสุดนิทานกากับหงส์
สองตีนจะลุกยืนอย่างทระนง
จะบุกป่าฝ่าดง...ก็ตีนกู

จะตะโกนกู่ก้องร้องประกาศ
เพื่อขับไล่มวลปีศาจที่สิงสู่
นี่ชีวิต...นี่ชะตากรรม...ของกู
กูจะสู้ เพื่อกู...ประชาชน!!!

หมายเหตุ: บทกวีบทนี้อ่านครั้งแรกในงาน "วันดอกไม้จันทน์" 26 สิงหาคม 2552 บทเวทีสนามหลวง ในคืนฝนตกหนักจนเวทีถล่ม ทุกอย่างยังจมอยู่ในความทรงจำ เมื่อครั้งการต่อสู้ยังหอมหวาน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กวีประชาไท:กูไม่ยอม...!!!

กลางดึกอันเงียบงันฉันฝันร้าย
ฝันว่าตายกลางเปลวแดดในเมืองใหญ่
เห็นซากศพรอยเลือดและเปลวไฟ
เห็นคนพาลจัญไรไล่ยิงคน

เป็นกลางดึกพฤษภาที่ฉันฝัน
ม่านเมฆหมอกไฟควันที่สั่นไหว
เสียงกรีดร้องขอชีวิตไม่อยากตาย
ฉันจำได้นั่นคือเสียงประชาชน

เป็นความฝันเหมือนจริงยิ่งกว่าฝัน
เสียงไชโยโห่ร้องลั่นกระสุนสอย
ถ่มน้ำลายสมน้ำหน้าขี้ข้าพลอย
พวกคนถ่อยสมควรแล้วสมควรตาย

เหมือนไม่ฝันแต่เป็นฝันฉันจึงเห็น
ความเยือกเย็นของคนบนสวรรค์
แล้วสั่งการอ้างอำนาจการลงทัณฑ์
มึงบังอาจเย้ยหยันอำนาจกู

ในความฝันฉันตายกลางเปลวแดด
เสียงปืนแผดทะลุร่างระเบิดไหม้
ฉันเป็นศพแน่นิ่งตายลงไป
กลางวัดใหญ่ “ปทุมวนาราม”

ก่อนฟื้นตื่นจากหลับใหลในฝันร้าย
เห็นซากศพทั้งหลายลุกขึ้นสู้
ทั้งเกรี้ยวโกรธเคียดแค้นก็เกรียวกรู
มันมุ่งสู้มือชี้หน้า “กูไม่ยอม”

"ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ประกอบส่วนสำคัญ

1.หมดเวลาเดินแนวทางซ้ายสุ่มเสี่ยง
หลีกเลี่ยงพวกฉวยโอกาสชอบเอียงขวา
เมื่อสรุปบทเรียนที่ผ่านมา
แล้วก้าวย่าง เพื่อเดินหน้าอย่างมั่นคง

2.ถึงเวลาจัดตั้งเข็มมุ่งใหม่
ปักรากฐานรัฐไทยตามประสงค์
วางระบบ ระบอบ แบบ บรรจง
ขึ้นเสาธงต่อสู้ รู้การเมือง

3.อีกภาคส่วน ต้องจริงจังเศรษฐกิจ
เรียนชีวิต เข้าใจ"ทุน" โดยต่อเนื่อง
รู้วัฏฏะ การสะสม และสิ้นเปลือง
ไม่ฝืดเคือง ให้น้ำเลี้ยง เวียนหมุนวน

4.วิภาษวิธี ทิศทางการทหาร ?
ผ่านปัจจัยที่เป็นจริงตามเหตุผล
ผู้ปฏิบัติ มีทฤษฎีประจำตน
ไร้ท่าทีรอจำนน..หวังพึ่งพา

5.แนวรบทางศิลปวัฒนธรรม
มีองค์กรชี้นำการศึกษา
รบแนวคิดกับปฏิกิริยา
สนับสนุนยุทธนาทุกแนวทาง

6.กับบางส่วนที่ต้องเป็นไม้ขีดไฟ
พรึ่บ ! ลุกไหม้..เชือดเฉือนฟ้าเช่นดาวหาง
สืบเชื้อติด ลามขับไล่คืนอำพราง
ปลุกปะทุ ! แล้วสามารถ สร้างกองเพลิง !

ไม้หนึ่ง ก.กุนที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
**มารดา..ประชาชน**

ริ้วรอยปูดโปนเหี่ยวย่น
ตรากตรำทำทนแต่หนไหน
หญิงคนนั้นคือมารดาของผู้ใด
ถ้าไม่ใช่มารดาประชาชน!

เป็นมารดาของคนที่ทุกข์ยาก
มือกร้านหยาบน้ำตาอาบแก้มไหล
เหล่าหมู่มารครองเมือง, เมืองจัญไร
พายุร้ายครืนโครมทมึนดำ

เป็นตัวแทนมารดาแห่งยุคสมัย
เป็นตัวแทนผู้ยากไร้หมดคุณค่า
ตามโรงงาน ไร่สวนและเทือกนา
มีบ้างไหมใครมาใครเข้าใจ

อยู่กับแดดอยู่กับลมอยู่กับฝน
อยู่กับความยากจนหม่นหมองไหม้
อยู่บนผืนแผ่นดินของผู้ใด
อยู่ใต้ร่มเงาใคร,ใครปกครอง?

จำไว้นะ..เจ้าคือลูกของประชาชน
ไม่มีหรอกสวรรค์เบื้องบนมายาภาพ
เลือดเดือนพฤษภายังไหลอาบ
กำแพงทาสรอวันเจ้าทำลาย
กำแพงทาสรอวันเจ้าทำลาย!

โดย.ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

***อนิจา วาสนา ไพร่***


เรียกร้องเถอะ ร่ำหา กันให้ตาย
เคยบ้างไหม เคยได้ สิ่งที่หวัง
กราบแทบเท้า ติดดิน ร้องเสียงดัง
มีสักครั้ง บ้างไหม ใครเมตตา

สิ่งที่ขอ รอมา กี่ชาติแล้ว
ไร้วี่แวว สิทธิ ที่ใฝ่หา
เป็นแค่ไพร่ เขาชี้ เป็นอีกา
อย่าได้มา ร่วมหงส์ ดงผู้ดี

ร้องขอมา กี่ปี กี่ชาติแล้ว
ก็ไม่แคล้ว โดนด่า ฆ่าทุบตี
จากปู่ย่า มาถึง ทุกวันนี้
ถูกย่ำยี ไล่บี้ ให้จำนน

ตายแล้วสิบ เกิดใหม่ ได้เป็นแสน
แต่ขาแขน ถูกตรึง ด้วยเล่ห์กล
แล้วเมื่อไหร่ สิ่งนี้ จะหลุดพ้น
รับกฏโจร กฏหมาย ไร้ปราณี

อนิจา วาสนา ชะตาไพร่
ถูกใส่ร้าย กล่าวหา ว่าบัดสี
ทั้งหมอบกราบ ก้มไหว้ อย่างภักดี
แพ้วจี คนโฉด โป้ปดลวง

คงถึงครา แล้วหนา บรรดาไพร่
แม้ร่ำไห้ ร้องขอ ก็ช้ำทรวง
เขาไม่แล พวกเรา ไพร่ทั้งปวง
ต้องวัดดวง ทวงค่า ความเป็นคน

โดย ยรรยง ลูกชาวดิน *********************************************************************************
ไม้หนึ่ง ก.กุนที: ทรรศนะศึกษา
บทกวีจากเฟซบุ๊คของไม้หนึ่ง ก.กุนที วันที่ 30 กรกฎาคม 2553

จากหมู่บ้าน ขึ้นลงสู่ อีกหมู่บ้าน
ผ่านชนเผ่า กลางพนา ป่าน้ำฝน
ฝ่าคืนวัน มุ่งมหานครคน
เห็นวงล้อ เคลื่อนสังคม พลวัต

ทัศนา เกิด ดับ อยู่ ของภูเขา
ดินหินเก่า ประกอบเถื่อน ดงสงัด
หยิ่ง ในความสมบูรณ์ และอัตคัด
ผยองเถอะ ! สาธารณะรัฐราษฎร !!

ทาบประทับ รอยเท้าไป บนปุยเมฆ
กลับเป็นเด็ก นักเรียนน้อย หาครูสอน
ตรึก..อัตวิสัย ของคนจร
ค่ำนอนไหน ? พญาไฟ นกแดงเพลิง

แสงเดือนผ่อง ส่องเห็นรอยเท้าผู้เฒ่า
สายฟ้าวาว วับจรัส แรงอีเกิ้ง
กรีดอาดูร หรือปลอบโยน กล่อมบันเทิง
โศก หรือ เริงรื่นสำนึกหาญคะนอง

ผู้คนเลือกการกระทำ ที่ต่างแตก
จำแนกตามภาระ ที่ตกต้อง
ส่วนใหญ่อยู่ สู้ต่อ ในครรลอง
อีกส่วนอุดข้อบกพร่อง เสริมแนวทาง

เข้าพรรษา พร้อมพายุ ดุลำเค็ญ
เดือนยังเพ็ญ สวยเย็น เห็นกระจ่าง
ถึงคืนแรม ที่เงาโลก ทับอำพราง
ดาวจะพร่าง พราวชัด ขึ้นชี้นำ !!!

******************************************************************
บทกวี เพ็ญ ภัคตะ : ทุ่งพระเมรรำพัน ๓๕ - ลำตัดสนามหลวง ๕๓


การขอคืนพื้นที่ของรัฐยังดำเนินไปอย่างไม่หยุด....

ทุ่งพระเมรรำพัน ๓๕


รสสุคนธ์หอมรื่นเคล้า ระเหยหอม
เพลินเด็ดอักขระดอม ดอกไม้
ถวิลกลิ่นจำปาขอม วิสาขะ
รฦกฤกษ์เวียนเทียนไหว้ วิเวกท้องสนามหลวง


เทียนไสวสว่างท้อง พระเมรุสวรรค์
กาลล่วงใกล้สายัณห์ ย่ำฆ้อง
เพ็ญโคมเยี่ยมโพยมจันทร์ คลุมแผ่
อธิษฐานไตรรัตน์ป้อง พรุ่งนี้ประกาศชัย

ปัถพินขอต้อนรับ มหาชน
เนืองขนัดหลามมณฑล แน่นล้อม
เลอค่ากว่าโภคผล ทั่วพิภพ
ธรณินยังนบน้อม หน่อเนื้อนิรนาม

รอยไถแรกหว่านข้าว นาขวัญ
เพิ่งจรดพระนังคัล เคลื่อนพ้น
วันผ่านพลิกดินผัน พลาภาพ
กล้าพืชโตเหยียดต้น หยัดต้านมารทมิฬ

สายลมพัดเสียดถ้อย มธุรศิลป์
ไพเราะเพียงก้อนดิน กระดิกได้
ล้านเสียงโศกถวิล เสรีภาพ
ร่วมเจตน์ผนึกไว้ ผูกร้อยหทัยเดียว


ผันเวียนขึ้นป่าวร้อง โพนทนา
ถือหลักอหิงสา ต่อสู้
ชูมือปราศศาสตรา ว่างเปล่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมรู้ แผ่นฟ้าเป็นพยาน


เพรียกหาแสงส่องหล้า เรืองนิรันดร์
ด้วยปีกแห่งความฝัน หิ่งห้อย
สอยเด็ดสุริย-จันทร์ จรพิลาป
ฤๅพรั่นแรงเรี่ยวน้อย บ่คล้อยกระแสสินธุ์

ระดมพลมามากแม้น มือผสาน
จารึกฝากจิรกาล จ่อมฟ้า
ทุ่งพระเมรุสุทธาสถาน สะเทือนสั่น ฤๅแม่
เอียงอกรับลูกอ้า อุ่นเนื้ออณูชน

มิตรภาพเพียงส่งยิ้ม ยวนหวาน
อวลอยู่ในวิญญาณ หยั่งได้
ท้องหิวแบ่งอาหาร ข้าวห่อ
ออมเรี่ยวเอาแรงไว้ เรียกร้องอิสรา

แสนยานุภาพข้าม เมฆินทร์
ดั้นฝ่าปราการหิน หักกร้าว
น้ำใสปราศมลทิน ธุลีอาบ
เอมอิ่มแม้ร้อนอ้าว นั่งสู้แสงตะวัน

อำนาจห่มเกราะต้าน เตรียมประยุทธ์
อัคนิธาตุแห่งมนุษย์ แตกแล้ว
ดวงใจผ่องพิสุทธิ์ เกินพ่าย
พลีร่างวิญญาณแผ้ว อุทิศให้สังหาร

ควันปืนปลิวว่อนเวิ้ง พระเมรุสวรรค์
ไออาบระติวัน เวี่ยคลุ้ง
อรุณเลือดหลั่งกระสัน กระสุนแลก
โลกตกอยู่ในอุ้ง ฝ่าเท้าพลทหาร

เสียแรงเคยปกป้อง ปฐพี
มิภักดิ์รักศักดิ์ศรี สักน้อย
นำชนกล่าวสดุดี ดนูชาติ
แท้เถื่อนสถุลถ้อย ต่ำต้อยเกินประณาม

สนามหลวงแดนถิ่นนี้ ควรถนอม
ใช่ปล่อยกิมิชาติตอม ไต่เต้น
ไม้จันทน์กลิ่นจรุงหอม วอนช่วย
เผาร่างปีศาจเร้น หลีกลี้ปลาตสูญ

ทรราชอย่าล่วงล้ำ เฉียดกราย
ณ ทุ่งพระเมรุถวาย มอบไว้
แด่วีรชนวาย ชีวาตม์
แม้นรุกเข้ามาไซร้ สาปซ้องเสนียดเมือง.

*พฤษภาทมิฬ ๓๕ ขณะประชาชนเคลื่อนขบวนจากสนามหลวง ไปราชดำเนิน
ผู้ชุมนุมถูกไล่พื้นที่ โดยอ้างว่า เป็นช่วงพืชมงคล วิสาขบูชา

ลำตัดสนามหลวง ๕๓

นกขมิ้นเหลืองอ่อน เจ้าจะร่อนเร่ไฉน
หากแม้นมีที่ไป ใครจะนอนทางเท้า

ขอเศษเพิงพิงพัก รั้วพำนักวังเจ้า
คนรอนแรมอกร้าว วิ่งเก็บว่าวเขาทิ้ง

ต้นมะขามสนามหลวง ดั่งแมนสรวงสุขยิ่ง
ซุกร่างเอนเนนอิง กอดความจริงชั่วกาล

เห็นเขาฆ่าประชาชน เห็นกองพลเคลื่อนผ่าน
ทุ่งพระเมรุสังหาร เจ็บประจานดวงแด

นกพิราบสาบสูญ ปฏิกูลเชื้อแพร่
ผีขนุนยืนชะแง้ ทั้งหนุ่มแก่รอหวัง

อีกหมอดูแม่นแม่น มาดส่องแว่นเซียนดัง
นักเลงพระอวดขลัง แม่ค้านั่งแบกะดิน

กางเกงขาดสาดเก่า นวดฝ่าเท้าเคล้ากลิ่น
ชีวิตไร้ปฏิทิน รอองค์อินทร์อำนวย

คนตาบอดเป่าแคน คนสิ้นแขนขายหวย
คนขาขาดอาจซวย ใครคอยช่วยเขา-เธอ

คนจรจัดพลัดบ้าน คนตกงานนั่งเหม่อ
คนฟั่นเฟือนบ่นเพ้อ คนป้ำเป๋อฉี่ไหล

สนามหลวงเสนียดรัฐ สนิมสัตว์ทรามไพร่
ชะ!เมืองกรุงศิวิไลซ์ ขับจัญไรล้างบาง

เจ้าคนบ้าห้าร้อย ขนไปปล่อยไกลห่าง
ทะเลคนเคว้งคว้าง ต้องเริดร้างสนามหลวง

โอ้โอ๋...เจ้านกขมิ้น กรุงโกสินทร์สิ้นสรวง
ทุ่งพระเมรุแมนลวง ไปพ้นบ่วงเมืองทราม

ค่าเจ้าต่ำเกินสัตว์ เขายัดเยียดเหยียดหยาม
นักท่องเที่ยวไหลลาม เพชรเม็ดงาม ...เพียงเงิน!

*พฤษภาอำมหิต ๕๓ ขณะที่ประชาชนถูกกวาดล้างจากอำมหิตยามาตย์ กทม.ก็เข้ากวาดไล่

คนเร่ร่อนจรจัดโดยอ้างว่า ขอคืนพื้นที่ให้กับเกาะรัตนโกสินทร์

***************************************************************
กางแผนที่ ไล่นิ้วผ่าน หมายพิกัด

นวรัฐ ของเรา อยู่ตรงไหน ?

นกจักพราก กระพือปีก กี่ปีไป

จึงจะได้กลับคืนเรือน…โลกสากล ?


แตะพิกัดบ้านเกิด แต่ก่อนเก่า

ครั้งยามเยาว์ ตั้งไข่ เดินเริ่มต้น

แผ่นดินที่ทำบัตรประชาชน

ใครบางคน เขาครอบครอง ด้วยมายา !!


เห็นพิกัดแห่งกรุงเทพมหานรก

ย้อมเลือดนกเสรี ฝูงผู้กล้า

ซาบซึมตึก ตรอกซอกซอย นัครา

ยาก ล้าง ชะ แม้ใคร จะ พยายาม !!!


กับโกบอล สากลวัฒนะ

พลวัต ที่ผองคน ต้องผ่านข้าม

ทุนนิยม อัปลักษณ์ หรือ งดงาม

ในนิยาม ของชาวสังคมนิยม ?


ความเพลี่ยงพล้ำ ปราชัย ในคราวนี้

บางส่วนที่ไม่ได้ผ่านการเพาะบ่ม

เปี่ยมทักษะปลุกเร้า อย่างแหลมคม

แต่ขาดหลักมั่นคงทางทฤษฎี


คือบทเรียนหน้ายาว…หลายชีวิต

ติดตามสอน ประกอบส่วน ไปทุกที่

สู่สิ่งใหม่ ยุทธศาสตร์ ยุทธ์วิธี

สะสม วัน เดือน ปี สร้าง ชนะ !


ขอบคุณ เพ็ญ ภัคตะ สำหรับคำ “กรุงเทพมหานรก”

*บทกวีของไม้หนึ่ง ก.กุนที จากเฟซบุ๊คส่วนตัวของเขาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2553


*******************************************************

กวีประชาไท: ใครจะลืม ก็ลืมไป เราไม่ลืม!

เก้าสิบศพ ทบลง ตรงที่นี่
ปฐพี ราชประสงค์เดือด เลือดแดงฉาน
ทาแผ่นดิน กลิ่นคาวไพร่ ไหลเป็นธาร
เพื่อประจาน ว่าที่นี่ มีคนตาย

ตายจริงจริง ยิงมา ฆ่าเห็นเห็น
คนเป็นเป็น ล้มกลิ้ง วิ่งหลบหาย
หนีไม่ทัน พลันร่วงหล่น เป็นคนตาย
ช่างง่ายดาย ที่ตายเกลื่อน นั้นเพื่อนเรา

ยิงเข้าไป! ยิงให้กลิ้ง! ยิงให้เรียบ!
ยิงให้เพียบ! ยิงให้เพลิน! ยิงเกินเป้า!
ยิงแม่งเลย! ยิงไม่เลี้ยง! ให้เกลี้ยงเกลา
พวกโง่เง่า! พวกผู้ร้าย! พวกควายแดง!

เออใช่สิ! พวกเราแดง เลยยิงได้
เออใช่สิ! พวกเราร้าย เรากำแหง
เออใช่สิ! เราคิดต่าง ช่างร้ายแรง
เออใช่สิ! มึงเลยแย่ง เพื่อนกูไป!

สองเดือนแล้ว เจ้านาย ที่เคารพ
เก้าสิบศพ ที่ตาย จำได้ไหม
ช่วยจำด้วย! ชีวิตคน ถูกปล้นไป!
ช่วยจำด้วย! เพื่อนคนไทย ถูกฆาตกรรม

ช่วยเยียวยา ครอบครัว ของเราบ้าง
เอาแต่สร้าง ข้อหา มาเหยียบย่ำ
ช่วยฟังด้วย เราขอถาม ความเป็นธรรม
ช่วยจดจำ ว่าคนตาย ก็คนไทย!

กี่ร้อยวัน พันชาติ ไม่อาจลบ
ไม่อาจจบ เรื่องเก่า ด้วยวันใหม่
เพื่อนเราตาย! เราจำได้! จำขึ้นใจ!
ใครจะลืม! ก็ลืมไป! เราไม่ลืม!

sssssssssssssssssssssssssssssssssssss



กลอนต่อต้านการล่าแม่มด......

สังคมไทย ยุคนี้ วิปริต

มีโรคจิต ตั้งแก็งค์ ประจานเขา

เอาคนมา เสียบประจาน ต่อต้านเรา

ดั่งโครตเหง้า กาลี ไม่มีตน


โดยเริ่มจาก หกตุลา ปีหนึ่งเก้า

ควันเขม่า นักศึกษา เข้าป่าฝน

โดนธานินทร์ กรัยวิเชียร เสี้ยมมวลชน

ตราหน้าคน คิดต่าง วางปราชัย


มาถึงคราว เสื้อแดง ในเฟสบุ๊ค

ปรับเปลี่ยนยุค ไล่ล่า ดังความหมาย

ล่าแม่มด เสียบประจาน ยื่นความตาย

ต่างอับอาย ยิ่งยวด อวดนิทรา


ยกตัวอย่าง อ้างอิง หญิงคนหนึ่ง

โยนรังผึ้ง ให้ออก การศึกษา

โดยข้อหา สุดฮิต ติดตรึงตรา

แคปภาพมา ส่งต่อ กระจายไป


มีอีกคน ที่โดน เสียบประจาน

ทรมาน สุดหล้า ฟ้าไฉน

มีชื่อว่า เจมส์เมืองทอง ก็โดนไป

ศิวพร แล้วไซร้ อนิจจา


มาถึงคราว น้องมาร์ค วีสิบเอ็ด

แสดงเจต วิจารณ์ มารอิจฉา

ก็โดนพวก งี่เง่า เบาปัญญา

ถูกตราหน้า สังคม ว่าเลวทราม


มาวันนี้ หลายคน ไม่เข้าใจ

ว่าทำไม ด่านายก ถึงโดนหยาม

เข้ามาตรา หนึ่งหนึ่งสอง ก็มิปราม

เลยอยากถาม นายก คุณเป็นใคร


สร้างหลักฐาน หมิ่นเจ้า เล่าความเท็จ

ตัดต่อเสร็จ เอาลง น่าสงสัย

ก็ตัวกรอง วันที่ มีเลสนัย

เลยสงสัย ว่ามัน ไม่เป็นจริง


พอจับได้ พวกล่า มันรีบลบ

กลัวเราพบ คนทำ ลบทุกสิ่ง

ใส่ร้ายแล้ว กลับกลอก สุดด้านจริง

ต้องโดนทิ้ง แจ้งความ กันต่อไป


เหมือนวันนี้ เราถูกบีบ ด้วยสังคม

มีลุกล้ม ท้อบ้าง อย่าหวั่นไหว

สักวันหนึ่ง มึงโดนบ้าง จะเข้าใจ

ล่าแม่มด เป็นยังไง ต้องโดนเอง

~Ness OiShion กวีนิรนาม~


ย่ำรุ่งมิถุนายน
.......
แทงลึกลงหมุดสุดแผ่นดิน
ปักพินเป็นของปวงชนสยาม
คณะราษฎรปลุกวีรกรรม
24 มิถุนากระทำการ

หมุดเหล็กตอก 2475
ตรึงปักนัคราเป็นหลักฐาน
เบิกทางตีนตัดถนนต้นตำนาน
ปณิธาน “ประชาธิปไตย”

รุกรับกับปฏิกิริยา
ชนะแล้วรวนกระแสมาแพ้พ่าย
ซากโบราณกลับฟื้นสูดลมหายใจ
เกิดอสูรกายแฝงเร้นรัฐ

แทรกสนิมซึมกัดหมุดเหล็กกร่อน
ปกครองประชากรโดยอสัตย์
เศรษฐกิจล้าหลังโทมนัส
ไม่สามารถอภิวัฒน์ตามโลกา

ทุกชุมชนมีแต่เครือข่ายอำมาตย์
ทุนขวาจัดเสริมด้วยซ้ายไร้เดียงสา
แต่งวิเคราะห์สังคมจมมายา
ว่าชนชั้นศักดินาไม่ดำรง

คือฝูงทาสคงจงรักกับนายทาส
ม้วนรัดชาติชูโมหะจริตหลง
ชีวทรรศน์กระบวนทรรศน์ไม่ซื่อตรง
ทั้งประเทศกลายเป็นผงรองฝ่าตีน

ราษฎรปักหมุดหมายมากี่ปี
การกดขี่ไม่เห็นจะจบสิ้น
ยังยากจนทนทุกข์ขลุกโคลนดิน
ต้องพออยู่พอกินนั้นเพื่อใคร?

มาเถิดมา พี่น้อง ผองคนทุกข์
ไม่รบรุกคงไม่อาจเห็นฟ้าใหม่
ร่วมกันสู้สู่อุษาแสงอุทัย
ทวงประชาธิปไตยของปวงชน

มาเถิดมา พี่น้อง ผองคนทุกข์
ไม่รบรุกคงไม่อาจเห็นฟ้าใหม่
ร่วมกันสู้สู่อุษาแสงอุทัย
ปักหมุดใหม่อีกอันให้ถาวร!

โดย.ไม้หนึ่ง ก.กุนนที