ในขณะที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกนโยบายประชานิยมย้อนกลับมากัดกร่อนตัวเอง หลังบิดนโยบาย-หั่นราคารับจำนำข้าว จากเดิม 15,000 บาท/ตัน เหลือ 12,000 บาท/ตัน เนื่องจากไม่สามารถแบกหนี้หลักแสนล้านบวกๆ ได้อีกต่อไป
ล่าสุดชาวนาภาคกลาง 22 จังหวัดประกาศยกพลบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 24 มีนาคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน
ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) บางส่วนออกมาไล่บี้รัฐมนตรีร่วมพรรค ทั้ง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.พาณิชย์ และ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้เข้าประชุมพรรค-ยอมขึ้นเวทีซักฟอกภายใน เพื่อให้ผู้แทนฯ มีชุดคำอธิบายไปตอบคำถาม “ชาวรากหญ้า” ต่อ
จนหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าปม “จำนำข้าวเจ๊ง” อาจทำให้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เดินไปพบจุดจบหรือไม่?
เป็นผลให้คนในฝากฝั่งรัฐบาลที่กลัวการสูญเสียอำนาจสามัคคีกันออกมาปกป้องตัวเองด้วยการ “ปั่นข่าวใหม่-ให้ข่าวลวง” โดยหมายเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อและสังคมออกจาก “ข่าวฉาว” ของรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็น รองนายกฯ ผู้จงใจขับโรลส์-รอยซ์เข้าทำเนียบฯ ในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังตรวจสอบขบวนการเลี่ยงภาษีของรถหรูจดประกอบ
หรือแหล่งข่าวพรายกระซิบผู้จงใจปล่อยโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 5” ล่วงหน้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
ทว่าข่าวที่พลพรรครัฐบาลร่วมด้วยช่วยกันปูดจากทำเนียบ-รัฐสภา-พรรค หนีไม่พ้น ข่าวขบวนการล้มรัฐบาล ซึ่งผู้ให้ข่าวบ้างก็อ้างว่ามีการข่าวส่วนตัว บ้างก็อ้างข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง โดยจับความเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มไทยสปริง กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ นักธุรกิจ รวมถึงฝ่ายค้านและองค์กรอิสระบางส่วนผูกโยงเป็นโครงข่ายเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม “กลุ่มหลัก” ที่รัฐบาลเคยแกะรอย ตามไปจนพบความเคลื่อนไหว-ได้ชื่อ “คีย์แมน” ที่มีบทบาททางความคิดและกำหนดแผนเคลื่อนพลกระแทกรัฐบาลคือ “ผู้มีอำนาจในเครื่องแบบ” ทว่าไม่มีใครกล้าก้าวล่วงโดยตรง อย่างมากก็อ้อมไปกระทบชิ่ง “นายทหารนอกราชการ” แทน
ซ้ำร้ายกว่านั้น “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังออกหน้าอาสาหาตำแหน่งใหญ่ให้นั่งหลังเกษียณอีกด้วย แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า”
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “กุนซือยิ่งลักษณ์” รู้ว่าลีลาแอ๊คอ๊าทของ “ร.ต.อ.เฉลิม” เป็นอาการปกติของคนที่ขยาดทหารขึ้นสมอง เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านร้ายจาก “ชายชุดเขียว” ในเหตุการณ์ปฏิวัติหลายหน เมื่อถูกขอจึงคิดว่าเป็นคำขู่และไม่กล้าปฏิเสธ
ทว่าเหตุผลส่วนสำคัญ สืบเนื่องจาก “การข่าวลับ” ที่รายงานตรงขึ้น “ตึกไทยคู่ฟ้า” ระบุว่า “นายพลคนดัง” เกี่ยวข้องกับการจัดรูปขบวนของ “ม็อบแช่แข็งประเทศไทย” ภายใต้การนำของ “เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” ที่ออกมารวมพลขับไล่รัฐบาลเมื่อปลายปี 2555
แม้สุดท้ายมวลชนจะแตกกระจายไปอย่างไม่เป็นขบวนท่า หลัง “เสธ.อ้าย” ชิงประกาศสลายตัวเอง
แม้ไม่มีคำสั่งจาก “ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า” ให้จัดการ “นายพลคนดัง” เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ
แต่ชื่อของเขาไม่เคยหายไปจากบัญชี “บุคคลที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด” จึงเป็นไปไม่ได้ที่ “ยิ่งลักษณ์” จะจัดตำแหน่ง-แบ่งบทบาทคุมกำลังพลและกำลังเงินให้ใครคนนั้นตามที่ “ร.ต.อ.เฉลิม” ร้องขอ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการโยนดาบให้ศัตรู ช่วยสืบทอดอำนาจให้ “ขั้วตรงข้าม”
ตลอดครึ่งค่อนปีที่ผ่านมา หากดูเผินๆ อาจเห็น “ยิ่งลักษณ์กับพวก” ปฏิบัติกับ “นายพลคนดัง” ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนวงในยืนยันว่าเรื่องแต่หนหลังคือปมคาใจแบบสุดๆ
ถึงวันนี้เมื่อรัฐบาลเริ่มระส่ำจากปมจำนำข้าว ชาวรากหญ้าซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักพรรคเพื่อไทย-เกราะป้องกันภัยชั้นดีของรัฐบาล กำลังจะกลายร่างเป็น “ม็อบ” เสียเอง
ไม่มีใครรู้ว่า “นารี 1” รู้สึกหวิวแค่ไหนเวลาเห็นหน้า “ทั่นนายพล”!!!
ที่มา.สำนักข่าวอิศรา
/////////////////////////////////////////////////////////
ล่าสุดชาวนาภาคกลาง 22 จังหวัดประกาศยกพลบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 24 มีนาคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน
ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) บางส่วนออกมาไล่บี้รัฐมนตรีร่วมพรรค ทั้ง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.พาณิชย์ และ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้เข้าประชุมพรรค-ยอมขึ้นเวทีซักฟอกภายใน เพื่อให้ผู้แทนฯ มีชุดคำอธิบายไปตอบคำถาม “ชาวรากหญ้า” ต่อ
จนหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าปม “จำนำข้าวเจ๊ง” อาจทำให้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เดินไปพบจุดจบหรือไม่?
เป็นผลให้คนในฝากฝั่งรัฐบาลที่กลัวการสูญเสียอำนาจสามัคคีกันออกมาปกป้องตัวเองด้วยการ “ปั่นข่าวใหม่-ให้ข่าวลวง” โดยหมายเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อและสังคมออกจาก “ข่าวฉาว” ของรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็น รองนายกฯ ผู้จงใจขับโรลส์-รอยซ์เข้าทำเนียบฯ ในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังตรวจสอบขบวนการเลี่ยงภาษีของรถหรูจดประกอบ
หรือแหล่งข่าวพรายกระซิบผู้จงใจปล่อยโผ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 5” ล่วงหน้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
ทว่าข่าวที่พลพรรครัฐบาลร่วมด้วยช่วยกันปูดจากทำเนียบ-รัฐสภา-พรรค หนีไม่พ้น ข่าวขบวนการล้มรัฐบาล ซึ่งผู้ให้ข่าวบ้างก็อ้างว่ามีการข่าวส่วนตัว บ้างก็อ้างข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง โดยจับความเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มไทยสปริง กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ นักธุรกิจ รวมถึงฝ่ายค้านและองค์กรอิสระบางส่วนผูกโยงเป็นโครงข่ายเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม “กลุ่มหลัก” ที่รัฐบาลเคยแกะรอย ตามไปจนพบความเคลื่อนไหว-ได้ชื่อ “คีย์แมน” ที่มีบทบาททางความคิดและกำหนดแผนเคลื่อนพลกระแทกรัฐบาลคือ “ผู้มีอำนาจในเครื่องแบบ” ทว่าไม่มีใครกล้าก้าวล่วงโดยตรง อย่างมากก็อ้อมไปกระทบชิ่ง “นายทหารนอกราชการ” แทน
ซ้ำร้ายกว่านั้น “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังออกหน้าอาสาหาตำแหน่งใหญ่ให้นั่งหลังเกษียณอีกด้วย แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า”
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “กุนซือยิ่งลักษณ์” รู้ว่าลีลาแอ๊คอ๊าทของ “ร.ต.อ.เฉลิม” เป็นอาการปกติของคนที่ขยาดทหารขึ้นสมอง เนื่องจากมีประสบการณ์ด้านร้ายจาก “ชายชุดเขียว” ในเหตุการณ์ปฏิวัติหลายหน เมื่อถูกขอจึงคิดว่าเป็นคำขู่และไม่กล้าปฏิเสธ
ทว่าเหตุผลส่วนสำคัญ สืบเนื่องจาก “การข่าวลับ” ที่รายงานตรงขึ้น “ตึกไทยคู่ฟ้า” ระบุว่า “นายพลคนดัง” เกี่ยวข้องกับการจัดรูปขบวนของ “ม็อบแช่แข็งประเทศไทย” ภายใต้การนำของ “เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” ที่ออกมารวมพลขับไล่รัฐบาลเมื่อปลายปี 2555
แม้สุดท้ายมวลชนจะแตกกระจายไปอย่างไม่เป็นขบวนท่า หลัง “เสธ.อ้าย” ชิงประกาศสลายตัวเอง
แม้ไม่มีคำสั่งจาก “ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า” ให้จัดการ “นายพลคนดัง” เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ
แต่ชื่อของเขาไม่เคยหายไปจากบัญชี “บุคคลที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด” จึงเป็นไปไม่ได้ที่ “ยิ่งลักษณ์” จะจัดตำแหน่ง-แบ่งบทบาทคุมกำลังพลและกำลังเงินให้ใครคนนั้นตามที่ “ร.ต.อ.เฉลิม” ร้องขอ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการโยนดาบให้ศัตรู ช่วยสืบทอดอำนาจให้ “ขั้วตรงข้าม”
ตลอดครึ่งค่อนปีที่ผ่านมา หากดูเผินๆ อาจเห็น “ยิ่งลักษณ์กับพวก” ปฏิบัติกับ “นายพลคนดัง” ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนวงในยืนยันว่าเรื่องแต่หนหลังคือปมคาใจแบบสุดๆ
ถึงวันนี้เมื่อรัฐบาลเริ่มระส่ำจากปมจำนำข้าว ชาวรากหญ้าซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักพรรคเพื่อไทย-เกราะป้องกันภัยชั้นดีของรัฐบาล กำลังจะกลายร่างเป็น “ม็อบ” เสียเอง
ไม่มีใครรู้ว่า “นารี 1” รู้สึกหวิวแค่ไหนเวลาเห็นหน้า “ทั่นนายพล”!!!
ที่มา.สำนักข่าวอิศรา
/////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น