โดย : ณรงค์ ปานนอก
นับวันเวลาขยับไปทุกนาที พรรคเพื่อไทยเหมือนกับ "ดาวหาง" ที่มีวิถีโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ อันมีความหมายว่า แสงสว่างและหางของดาวเริ่มหดประกายแสงที่สวยงามในอดีตไม่นานนัก ค่อยๆ จางหายไป
เป็นความหดของหางดาวที่เกิดขึ้นเพราะการโคจรในตัวของมันเอง หรืออีกนัยหนึ่ง ดาวหางเพื่อไทยกลับไม่คิดที่จะแหกวงโคจรไปเส้นทางอื่น เพื่อรักษาความสวยของหางให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
เริ่มจากพรรคเพื่อไทยได้รับแรงหนุนจากมวลชนคนเสื้อแดง แม้กระทั่งแลก ด้วยเลือดและชีวิต ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความเสื่อมอย่างรุนแรงถึงขั้นเปลี่ยนจากพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านเผด็จการทหาร...กลายเป็นรัฐบาลที่คลุกเลือดได้
แม้ฝ่ายที่เคยต้านเผด็จการจะแก้ตัว หรือเปิดยุทธศาสตร์ไม่ยอมรับวลี "รัฐบาลเปื้อนเลือด" แต่ภาพอดีตก็ยังไม่อาจลบรอยแผลที่ติดหน้าผากไปได้... เว้นแต่พยายามหา "เครื่องมือปิดรอยเลือด" เปรอะหน้าที่ล้างไม่ออก ไม่ให้ใครเห็นเท่านั้น
นั่นก็คือ ใช้ปากและมือเป็นอาวุธชี้ไปที่คนอื่นว่า ผิด ว่าชั่วร้าย ว่าโกงกินให้มากและให้บ่อยที่สุด...จนวันหนึ่งผู้คนรู้สึกว่า คนอื่นต่างหากสกปรก ชั่วร้ายกว่า นั่นแหละคือความสำเร็จ
และแล้ววันนี้คนอื่น ฝ่ายอื่นที่เป็นเป้าหมาย คือพรรคเพื่อไทยที่ได้อำนาจรัฐมา ก็เริ่มสำแดงพฤติกรรมเดิมๆออกมาให้เห็น โดยเฉพาะการบริหารประเทศที่ไม่แตกต่างไปจากรัฐบาลเก่าๆ คือ ไม่มีคุณภาพ มือไม่ถึง ไม่ใช่ "มืออาชีพ" จริง หลายคนมาจาก "สมบัติผลัดกันชม" หลายรัฐมนตรีมาจากระบบ "ต่างตอบแทน" ...แถมหลายคนเป็น "รัฐมนตรีที่โลกลืม"
บางคนอาจค้านว่า ตัวเองบริหารงานกระทรวงแบบตัวเป็นเกลียว "หัวเป็นน็อต" แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำเรื่องอะไร ซึ่งแปลว่า คุณบริหารงานโดยไม่รู้ว่าสนองตัวคุณเองหรือมีเป้าประโยชน์เพื่อประชาชนกันแน่
รัฐบาลเพื่อไทยถูกหมายมั่นปันใจจากประชาชนว่า เก่งในการเลือกสรรคนมาบริหารงาน "มืออาชีพ" ที่เหนือกว่าพรรคอนุรักษนิยมอย่างประชาธิปัตย์ แต่แล้ว "มืออาชีพ" แทบนับหัวได้ นอกนั้นกลับกลายเป็น "เด็กเส้น" "เด็กเจ๊" และ "เด็กเล่นเก้าอี้ดนตรี" กันหมด
ยิ่งเมื่อข้อมูลโครงการจำนำข้าวถูกแฉอย่างมีพิรุธ น่าสงสัยเบื้องลึกที่มีเงื่อนงำ แล้วก็อย่าคิดว่า คนอื่นโง่ "จับทางไม่ถูก" แล้วยังอมพะนำคิดว่าการปิดปากไม่ชี้แจงแถลงข้อเท็จจริง เป็นเรื่องสมควรเงียบไว้ดีกว่า อาจถูกต้องในอารมณ์หนึ่ง... แต่กับรัฐมนตรีที่มาจากเลือกตั้ง ย่อมไม่พ้นถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นได้
โครงการจำนำข้าวจึงถูกละเลงให้กลายเป็น "ขบวนการโกงจำนำข้าว" ในที่สุด
ความหวังที่จะ "ยืมปากคนอื่น" มาแก้ตัวให้ ไม่ว่านักพูดจากเสื้อแดง นักแม่นตัวเลขจากกระทรวงการคลัง กระทั่งถึงนักกฎหมายพูดจานิ่มนวลจากทำเนียบ ก็ไม่สามารถเรียงหน้าเข้าไปช่วยกลบเกลื่อนตัวเลขจำนำข้าวขาดทุนบักโกรกได้ทันการณ์เสียแล้ว
เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า มีความผิดพลาดตรงไหน เพราะตัวเลขจำนำข้าว จะหยิบเอาช่วงไหนจังหวะใดมากล่าวอ้าง โดยไม่ยึดความจริงย่อมกลายเป็นตัวเลขขยะที่ไร้น้ำหนัก
สำคัญที่สุด การจำนำข้าวถูกดูแลโดย "คนดื้อ" ดื้อเพราะมั่นใจในตัวเองสูง ดื้อเพราะมี "เส้นแข็ง" ดื้อเพราะคิดว่าผ่านสนามการเมืองมาแล้วหลายสมัย และดื้อโดยวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองผิด
อย่าลืมว่า เรื่องจำนำข้าว ได้ส่งสัญญาณร้ายมาตั้งแต่เริ่มต้นแรมปีแล้ว แต่กลับไม่แก้ปัญหา "เงาดำ" ที่ครอบงำอยู่เบื้องหลังได้ มาถึงวันนี้ทุกอย่าง "เห็นตัวละครยืนแก้ผ้ากลางแดดล่อนจ้อน" แล้วก็ยังไม่รู้สึก
กลับกลายเป็นผลสะเทือนไปถึงภาพลักษณ์ของการเลือกตั้งซ่อมพ่ายแพ้ กระทบไปถึงความเบื่อหน่ายที่แก้ปัญหาสินค้าแพงไม่ได้ รัฐบาลถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์ สุจริต กินรวบ ช่วยพวกพ้องอย่างน่าเกลียด
แม้บทละครหน้ากากขาวกาย ฟอว์กส์ จะเป็นแค่สัญลักษณ์แห่งการต่อต้าน รัฐบาลอย่างไม่น่าจะกระทุ้งให้รัฐบาลสะเทือนได้ แต่มันกลับพลิกมุมเป็น "โอกาสหน้ากากขาว" เพราะ "เข้าทาง" จากคู่กรณีของรัฐบาลทุกกลุ่มพร้อมสนับสนุนให้เป็น "หัวหมู่" นำทัพออกไปล้มรัฐบาลอย่างมีพลังได้
ไม่ต่างกับม็อบเสื้อแดงเคยแสดงมาเมื่อ 3 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
ถ้ารัฐบาลส่งทหารออกไปปะทะม็อบหน้ากากขาวเพื่อ "กระชับพื้นที่" ก็จะเห็นจุดจบอย่างเดียวกับรัฐบาลประชาธิปัตย์
ถ้ารัฐบาลตรึงอยู่กับที่ "อำนาจพิเศษ" ก็จะออกมารุกแทนด้วยการพิพากษาให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจใช้กฎหมายใดๆ บริหารราชการหรือตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่งได้
ถ้ารัฐบาลถอย ก็จะถูกโห่ไล่ และตีโต้ในทุกจุดอ่อนให้เกิดความเสื่อมไปทุกองคาพยพ
ช่างเป็นแผนที่ขยันอย่างเหนือชั้นจริงๆ
หรือได้เวลาที่พรรคเพื่อไทยทำตัวให้กลายเป็นจุดอ่อนโดยไม่จำเป็น ไม่ "ตัดเนื้อร้าย" ที่ควรตัด ไม่สกัดข้อกล่าวหาที่ไร้ความจริงให้หมด และไม่รู้จักใช้พลังปัญญาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์
นี่แหละคือ บททดสอบพรรคเพื่อไทยว่า จะแก้ความเสื่อมของตัวเองอย่างไร...ทั้งที่มีหนทางอีกมากมาย!
ที่มา.สยามธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////
นับวันเวลาขยับไปทุกนาที พรรคเพื่อไทยเหมือนกับ "ดาวหาง" ที่มีวิถีโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ อันมีความหมายว่า แสงสว่างและหางของดาวเริ่มหดประกายแสงที่สวยงามในอดีตไม่นานนัก ค่อยๆ จางหายไป
เป็นความหดของหางดาวที่เกิดขึ้นเพราะการโคจรในตัวของมันเอง หรืออีกนัยหนึ่ง ดาวหางเพื่อไทยกลับไม่คิดที่จะแหกวงโคจรไปเส้นทางอื่น เพื่อรักษาความสวยของหางให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
เริ่มจากพรรคเพื่อไทยได้รับแรงหนุนจากมวลชนคนเสื้อแดง แม้กระทั่งแลก ด้วยเลือดและชีวิต ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความเสื่อมอย่างรุนแรงถึงขั้นเปลี่ยนจากพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านเผด็จการทหาร...กลายเป็นรัฐบาลที่คลุกเลือดได้
แม้ฝ่ายที่เคยต้านเผด็จการจะแก้ตัว หรือเปิดยุทธศาสตร์ไม่ยอมรับวลี "รัฐบาลเปื้อนเลือด" แต่ภาพอดีตก็ยังไม่อาจลบรอยแผลที่ติดหน้าผากไปได้... เว้นแต่พยายามหา "เครื่องมือปิดรอยเลือด" เปรอะหน้าที่ล้างไม่ออก ไม่ให้ใครเห็นเท่านั้น
นั่นก็คือ ใช้ปากและมือเป็นอาวุธชี้ไปที่คนอื่นว่า ผิด ว่าชั่วร้าย ว่าโกงกินให้มากและให้บ่อยที่สุด...จนวันหนึ่งผู้คนรู้สึกว่า คนอื่นต่างหากสกปรก ชั่วร้ายกว่า นั่นแหละคือความสำเร็จ
และแล้ววันนี้คนอื่น ฝ่ายอื่นที่เป็นเป้าหมาย คือพรรคเพื่อไทยที่ได้อำนาจรัฐมา ก็เริ่มสำแดงพฤติกรรมเดิมๆออกมาให้เห็น โดยเฉพาะการบริหารประเทศที่ไม่แตกต่างไปจากรัฐบาลเก่าๆ คือ ไม่มีคุณภาพ มือไม่ถึง ไม่ใช่ "มืออาชีพ" จริง หลายคนมาจาก "สมบัติผลัดกันชม" หลายรัฐมนตรีมาจากระบบ "ต่างตอบแทน" ...แถมหลายคนเป็น "รัฐมนตรีที่โลกลืม"
บางคนอาจค้านว่า ตัวเองบริหารงานกระทรวงแบบตัวเป็นเกลียว "หัวเป็นน็อต" แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำเรื่องอะไร ซึ่งแปลว่า คุณบริหารงานโดยไม่รู้ว่าสนองตัวคุณเองหรือมีเป้าประโยชน์เพื่อประชาชนกันแน่
รัฐบาลเพื่อไทยถูกหมายมั่นปันใจจากประชาชนว่า เก่งในการเลือกสรรคนมาบริหารงาน "มืออาชีพ" ที่เหนือกว่าพรรคอนุรักษนิยมอย่างประชาธิปัตย์ แต่แล้ว "มืออาชีพ" แทบนับหัวได้ นอกนั้นกลับกลายเป็น "เด็กเส้น" "เด็กเจ๊" และ "เด็กเล่นเก้าอี้ดนตรี" กันหมด
ยิ่งเมื่อข้อมูลโครงการจำนำข้าวถูกแฉอย่างมีพิรุธ น่าสงสัยเบื้องลึกที่มีเงื่อนงำ แล้วก็อย่าคิดว่า คนอื่นโง่ "จับทางไม่ถูก" แล้วยังอมพะนำคิดว่าการปิดปากไม่ชี้แจงแถลงข้อเท็จจริง เป็นเรื่องสมควรเงียบไว้ดีกว่า อาจถูกต้องในอารมณ์หนึ่ง... แต่กับรัฐมนตรีที่มาจากเลือกตั้ง ย่อมไม่พ้นถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นได้
โครงการจำนำข้าวจึงถูกละเลงให้กลายเป็น "ขบวนการโกงจำนำข้าว" ในที่สุด
ความหวังที่จะ "ยืมปากคนอื่น" มาแก้ตัวให้ ไม่ว่านักพูดจากเสื้อแดง นักแม่นตัวเลขจากกระทรวงการคลัง กระทั่งถึงนักกฎหมายพูดจานิ่มนวลจากทำเนียบ ก็ไม่สามารถเรียงหน้าเข้าไปช่วยกลบเกลื่อนตัวเลขจำนำข้าวขาดทุนบักโกรกได้ทันการณ์เสียแล้ว
เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า มีความผิดพลาดตรงไหน เพราะตัวเลขจำนำข้าว จะหยิบเอาช่วงไหนจังหวะใดมากล่าวอ้าง โดยไม่ยึดความจริงย่อมกลายเป็นตัวเลขขยะที่ไร้น้ำหนัก
สำคัญที่สุด การจำนำข้าวถูกดูแลโดย "คนดื้อ" ดื้อเพราะมั่นใจในตัวเองสูง ดื้อเพราะมี "เส้นแข็ง" ดื้อเพราะคิดว่าผ่านสนามการเมืองมาแล้วหลายสมัย และดื้อโดยวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองผิด
อย่าลืมว่า เรื่องจำนำข้าว ได้ส่งสัญญาณร้ายมาตั้งแต่เริ่มต้นแรมปีแล้ว แต่กลับไม่แก้ปัญหา "เงาดำ" ที่ครอบงำอยู่เบื้องหลังได้ มาถึงวันนี้ทุกอย่าง "เห็นตัวละครยืนแก้ผ้ากลางแดดล่อนจ้อน" แล้วก็ยังไม่รู้สึก
กลับกลายเป็นผลสะเทือนไปถึงภาพลักษณ์ของการเลือกตั้งซ่อมพ่ายแพ้ กระทบไปถึงความเบื่อหน่ายที่แก้ปัญหาสินค้าแพงไม่ได้ รัฐบาลถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์ สุจริต กินรวบ ช่วยพวกพ้องอย่างน่าเกลียด
แม้บทละครหน้ากากขาวกาย ฟอว์กส์ จะเป็นแค่สัญลักษณ์แห่งการต่อต้าน รัฐบาลอย่างไม่น่าจะกระทุ้งให้รัฐบาลสะเทือนได้ แต่มันกลับพลิกมุมเป็น "โอกาสหน้ากากขาว" เพราะ "เข้าทาง" จากคู่กรณีของรัฐบาลทุกกลุ่มพร้อมสนับสนุนให้เป็น "หัวหมู่" นำทัพออกไปล้มรัฐบาลอย่างมีพลังได้
ไม่ต่างกับม็อบเสื้อแดงเคยแสดงมาเมื่อ 3 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
ถ้ารัฐบาลส่งทหารออกไปปะทะม็อบหน้ากากขาวเพื่อ "กระชับพื้นที่" ก็จะเห็นจุดจบอย่างเดียวกับรัฐบาลประชาธิปัตย์
ถ้ารัฐบาลตรึงอยู่กับที่ "อำนาจพิเศษ" ก็จะออกมารุกแทนด้วยการพิพากษาให้ฝ่ายรัฐบาลไม่อาจใช้กฎหมายใดๆ บริหารราชการหรือตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่งได้
ถ้ารัฐบาลถอย ก็จะถูกโห่ไล่ และตีโต้ในทุกจุดอ่อนให้เกิดความเสื่อมไปทุกองคาพยพ
ช่างเป็นแผนที่ขยันอย่างเหนือชั้นจริงๆ
หรือได้เวลาที่พรรคเพื่อไทยทำตัวให้กลายเป็นจุดอ่อนโดยไม่จำเป็น ไม่ "ตัดเนื้อร้าย" ที่ควรตัด ไม่สกัดข้อกล่าวหาที่ไร้ความจริงให้หมด และไม่รู้จักใช้พลังปัญญาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์
นี่แหละคือ บททดสอบพรรคเพื่อไทยว่า จะแก้ความเสื่อมของตัวเองอย่างไร...ทั้งที่มีหนทางอีกมากมาย!
ที่มา.สยามธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น