--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พิษจำนำข้าวลาม ปรับ ครม.อื้ออึง !!?

จำนำข้าวพ่นพิษส่อเขี่ย "บุญทรง" พ้นเก้าอี้ "ยิ่งลักษณ์" ปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบรัฐมนตรีพาณิชย์ยังเหมาะอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ หลังจากชี้แจงตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไม่ชัดเจนจนถูกกดดันอย่างหนัก

นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยย้ำว่า ตัวเลขขาดทุนที่ยังไม่มีความชัดเจนจะไม่เป็นผลลบต่อรัฐบาล เพราะตัวเลขก็คือตัวเลข แต่ทุกอย่างอยู่ในระบบบัญชีและระบบฐานข้อมูลของรัฐอยู่แล้ว เป็นเพียงการประมวลมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ซึ่งได้มอบหมายให้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำข้อมูลไปรวมกันและชี้แจงอย่างเป็นระบบ พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไป

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตของนายบุญทรง ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกฯกลับปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า "พอแล้ว" และเดินหนีกลุ่มผู้สื่อข่าวไปทันที

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าที่ครม.แต่งตั้งนายวราเทพ เป็นผู้ชี้แจงโครงการรับจำนำข้าว นั้นเพื่อเป็นคนกลางในกลางรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเดียวกันในการสื่อสารต่อสาธารณะ แต่ไม่ได้มอบให้มาคุมโครงการจำนำข้าวแต่อย่างใด ซึ่งงานของหน่วยงานใดที่รับจำนำข้าว ก็ยังเป็นความรับผิดชอบของหน่วยนั้นๆ อยู่ รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ก็รับผิดชอบการดำเนินโครงการจำนำต่อไปเหมือนเดิม

ทีมงานนายกฯเสนอเขี่ย "บุญทรง"

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เผยว่า ทีมงานของนายกรัฐมนตรีเห็นว่า นายกฯควรตัดสินแก้ไขปัญหาเรื่องจำนำข้าวที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก โดยมีข้อเสนอให้นายกฯ ปรับ ครม.ในตำแหน่งของนายบุญทรง

"คาดว่าเรื่องนี้จะทำให้นายกฯ พิจารณาปรับ ครม.เร็วขึ้น จากเดิมที่วางไว้ว่าจะประเมินผลงานของรัฐมนตรีในช่วงเดือนส.ค. และรอให้ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ผ่านสภาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค แต่เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ จึงมีความจำเป็นต้องปรับ ครม.ก่อน" แหล่งข่าวระบุ และว่า เบื้องต้นนายกฯได้มอบหมายให้ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ ไปติดตามตรวจสอบปัญหาของโครงการรับจำนำข้าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

"ทนุศักดิ์-จารุพงศ์-สุกำพล" ติดโผ

สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายถูกปรับออก นอกจากนายบุญทรงแล้ว ยังมีชื่อของ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง คือดูแลทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

อย่างไรก็ดี ถึงที่สุดแล้วยังไม่แน่ว่าจะมีการปรับ ครม.ทั้ง 2 ตำแหน่งนี้ได้หรือไม่ เพราะทั้งนายบุญทรง และนายทนุศักดิ์ เป็นรัฐมนตรีในโควตาของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พี่สาวของนายกฯ

"แต่ถ้าไม่เปลี่ยนหรือไม่ทำอะไรเลย รัฐบาลพังแน่" หนึ่งในทีมงานของนายกฯ กล่าว และว่านายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อความรอบคอบ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน

ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มีโอกาสถูกเปลี่ยนตัว เพราะผลงานไม่เข้าตานั้น อาทิ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และ นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

พท.ร้องดีเอสไอสอบ "ประกันรายได้"

ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่าจะมีการปรับ ครม.ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เนื่องมาจากปัญหาโครงการรับจำนำข้าว แต่ส่วนตัวไม่มีปัญหา เพราะเป็นคนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เหมือนนักฟุตบอลที่ผู้จัดการทีมบอกว่าให้ลงเล่นนาทีที่เท่าไรก็ต้องลง บอกว่าออกมาพักนาทีที่เท่าไรก็ว่าไปตามนั้น คงไม่ไปก้าวล่วงดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี

วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และได้ยื่นหนังสือถึง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบโครงการประกันรายได้ชาวนาในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยระบุว่าคณะทำงานตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบตัวเลขจากการปิดบัญชีโครงการประกันรายได้ พบว่าน่าจะมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท ไม่ได้ขาดทุน 6 หมื่นล้านบาทตามที่พรรคประชาธิปัตย์อ้าง จึงอยากให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบต่อด้วย

"ยืนยันว่าการเข้าร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ใช่การแก้เกี้ยวกรณีที่รัฐบาลถูกโจมตีว่าขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวถึง 2.6 แสนล้านบาท" นายพร้อมพงศ์ กล่าว

"ธีระชัยชี้"ประกัน"ดีกว่า"จำนำ"

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า นโยบายประกันรายได้ ส่งผลดีกว่านโยบายรับจำนำข้าว เพราะผลประโยชน์ถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า คือ รัฐขาดทุนเท่าไร ชาวนาก็ได้ประโยชน์เท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันหรือจำนำ ประเด็นหลัก คือ ต้องมีการประเมินตัวเลขขาดทุน และประเมินภาระต่อรัฐให้ถูกต้องน่าเชื่อถือ และต้องชี้แจงให้ชัดว่าภาระดังกล่าว รัฐบาลจะหาเงินจากไหนมาใช้รองรับโครงการ ถ้าไม่เปิดเผยตัวเลขหรือให้ตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อถือ บริษัทจัดอันดับเครดิตและนักเศรษฐศาสตร์ก็จะประเมินกันเอง และหากขาดทุนถึงขั้นที่ประเทศถูกเตือนหนักๆ หรือถูกลดเครดิต ก็จะไม่ต่างอะไรกับสถาบันระดับโลกให้ vote of no confidence แก่รัฐบาล

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
+++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น