--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สังคมฮิสทีเรีย

โดย. หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน

ไม่มีใครปฏิเสธว่าดาราสาว “แอนนี่ บรู๊ค” มีความสัมพันธ์กับ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” แต่ลูกน้อยวัย 3 เดือน “น้องฑีฆายุ” จะเป็นบุตรของทั้งสองหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ความจริงเท่ากับคนทั้งสอง

แต่ที่น่าสลดหดหู่มากกว่าข่าวประณามกันไปประณามกันมาที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย และผู้เกี่ยวข้องที่ออกมาพูดเป็นรายวันแล้ว ก็คือสังคมไทยที่เสมือนสังคมฮิสทีเรียหรือฮิสทีเรียทางศีลธรรมไปแล้ว ซึ่งนักวิชาการด้านศิลปศาสตร์ได้ตั้งเป็นประเด็นต่อสังคมไทยที่กำลังฝังรากลึกความเสื่อมด้านศีลธรรมอย่างยิ่ง

กระแสสังคมที่เกิดขึ้นกว่า 1 สัปดาห์หลังจาก “แอนนี่” และ “ฟิล์ม” ออกมาพูดกับสาธารณชนนั้น ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าที่โผล่อยู่หน้าจอโทรทัศน์ จะเป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ของคนทั้งสอง หรือบริษัทอาร์เอส ที่มีธุรกิจนับร้อยนับพันล้านบาทเกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อกระแสหลักหรือสื่อกระแสรอง ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับการจุดประเด็นนี้ให้กลายเป็นกระแสหลักของสังคมไทยไปแล้ว ทั้งที่เรื่องนี้ควรจะยุติกันอย่างเงียบๆ ด้วยการพูดคุยกันระหว่าง “ฟิล์ม-แอนนี่” เช่นเดียวกับการตรวจดีเอ็นเอ

หากไม่มีสื่อไปขุดคุ้ยเพื่อให้เป็นข่าว ซึ่งไม่ใช่แค่สัมภาษณ์ “ฟิล์ม-แอนนี่” แต่เรื่องยิ่งบานปลายเพราะมีการดึงผู้อื่นเข้ามาร่วม ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะธุรกิจอย่างบริษัทอาร์เอส หรือในฐานะเพื่อนใกล้ชิดก็ตาม ล้วนไม่รู้ความจริงเท่า “ฟิล์ม-แอนนี่” แต่กลับทำให้เรื่องนี้ลุกลามบานปลายอย่างดุเดือดเผ็ดมันบนพื้นที่สาธารณะ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการดึงเรื่องของ “ฟิล์ม-แอนนี่” มาเป็นเรียลิตี้ให้สังคมโหวตว่าใครเลว ใครดี ใครผิด ใครถูก ทั้งที่ไม่รู้ความจริง แต่ก็ลงโทษบุคคลทั้งสองไปเรียบร้อยแล้ว

กรณี “ฟิล์ม-แอนนี่” จึงไม่ต่างกับโศกนาฏกรรมบนความสะใจของสังคมไทยที่กำลังตกต่ำสุดขีด เป็นฮิสทีเรียทางศีลธรรมที่พร้อมจะเข่นฆ่าใครก็ได้หากมีความพอใจ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องศีลธรรม ความถูกต้อง และความยุติธรรมใดๆ ซึ่งไม่แตกต่างกับวิกฤตบ้านเมืองขณะนี้ที่สังคมไทยและสื่อแสหลักเหมือนคนหูหนวกตาบอด เพิกเฉยกับเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ทั้งที่มีการฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตถึง 91 ศพ และบาดเจ็บพิการเกือบ 2,000 คน เพิกเฉยที่จะขุดคุ้ยหาความจริง และเพิกเฉยที่จะนำตัว “ฆาตกร” มาลงโทษ

ไม่ใช่แค่สังคมไทย สื่อกระแสหลัก และองค์กรสื่อต่างๆจะไม่มีสำนึกทางศีลธรรมและความยุติ ธรรมเท่านั้น แต่ยังไม่มีสำนึกความเป็นคนหรือมนุษยธรรม ที่ถือเป็นภาวะความเสื่อมทางศีล ธรรมที่น่าวิตกอย่างยิ่ง หากยังปล่อยให้สังคมไทยตกอยู่ในภาวะฮิสทีเรียทางศีลธรรมต่อไป

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น