ยิ่งดิ้นยิ่งเจ๊ง!!
จากรุ่งเรืองกลายเป็นรุ่งริ่ง!!
ทั้งๆ ที่นับวันสังคมไทยจะตื่นตัวกับการรับข้อมูลข่าวสารมากขึ้นทุกที และพิจารณาบุคคลหรือเรื่องราวต่างๆตามเนื้อผ้า
แต่ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่หลายๆคน กลับยังคงทำตัวให้กระทบกับภาพลักษณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ง่ายๆแค่เรื่องระหว่าง ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กับ แอนนี่ บรู๊ก ซึ่งสังคมอยู่ระหว่างพิจารณาว่าอะไรจริง อะไรเท็จ และใครบ้างที่พูดโกหก
แต่กลายเป็นว่าคนที่ถูกด่า ถูกตำหนิมากที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือ เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เพราะดันออกมาพูดจาในรอบหลังนอกจากจะไม่รักษาฟอร์มความเป้นผู้ใหญ่แล้ว
ยังถูกมองว่าพูดในสิ่งที่ลูกผู้ชายจะไม่ทำกัน
เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ ฟิล์ม หรือ แอนนี่ ก็ยังถูกด่าน้อยกว่าเฮียฮ้อเสียอีก... พลิกกลับตาลปัด ก็เพราะการกระทำของเฮียฮ้อนั่นเอง
เช่นเดียวกับกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานที่จะต้องมีความน่าเชื่อถือ มีภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้เกิดการยอมรับจากสังคม อย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งต้องยอมรับว่าบทบาทในอดีตของ สตง.สามารถทำได้ดีมาโดยตลอด
แต่เวลานี้ เพราะการกระทำของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กลับทำให้ สตง.ปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด
แม้กระทั่งภาพลักษณ์ของตัวคุณหญิงเป็ดเอง หากเทียบกับในอดีตก่อนหน้านี้ กับเวลานี้ก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือไปเสียแล้ว
เหตุเพราะการดิ้นรนพยายามที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการ สตง.ต่อไป โดยไม่สนใจว่าอายุครบ 65 ปีแล้ว
การพยายามอ้างเหตุผลอำนาจคณะรัฐประหาร 19 กันยา 49 รวมทั้งการกระทำต่างๆ ไม่สามารถที่จะสร้างการยอมรับให้กับสังคมได้เลย
กับยิ่งกลายเป็นข้อสงสัยของประชาชนมากขึ้น... 65 แล้วยังไม่พออีกหรือ... นั่งทับอะไรไว้หรือเปล่าจึงไม่ยอมลุก... มีเงื่อนงำเบื้องลึกอะไร แฝงเจตนาอะไรกันแน่...
เหล่านี้คือคำถามที่เกิดขึ้นในสังคม
เพราะตลอดมาสังคมไทยรับรู้ว่า ข้าราชการไทย 60 ปี ก็ต้องเกษียณแล้ว นี่ได้กรณีพิเศษเพราะเป็น สตง. จึงได้เป็นถึง 65 ปี ซึ่งก็ถือว่ามากที่สุดแล้ว ทำไมยังไม่พออีก??
นี่คือมุมมองของชาวบ้านที่มองในตรรกะง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
แน่นอนว่าถ้าเป็นการแย่งชิงตำแหน่ง โดยที่คุณหญิงเป็ดอายุยังไม่ถึง 60 ปี รับรองได้ว่ามีประเด็นแน่ เพราะจะมีคนไม่น้อยที่จะรู้สึกหรือคิดว่าคุณหญิงเป็ดโดนรังแก
แต่กรณีนี้ คุณหญิงเป็ดอายุ 65 ปีแล้ว ไม่มีใครคิดว่าถูกรังแก มีแต่คิดว่ายังไม่พออีกหรือกันทั้งนั้น!!
ถือเป็นบุคคลที่เคยได้รับความเชื่อถือ และอุตส่าห์สร้างภาพลักษณ์ที่ขายได้มานาน กลับมาล่มเอาง่ายๆตอนบั้นปลาย
และยิ่งความพยายามที่ดิ้นรนจำทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปแย่งพูด เข้าไปแย่งที่นั่ง เข้าไปคว้าไมโครโฟนพูดทั้งๆที่ถูกคนใน สตง. วอล์คเอาท์ และปิดไฟห้องไปแล้วด้วยซ้ำนั้น
ภาพเหล่านี้บอกเลยว่ายิ่งทำให้ต้นทุนทางสังคมที่เคยมีหดหายไปหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงโค้งสุดท้าย ที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการการแทนผู้ว่การตรวจเงินแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ในฐานะผู้ร้องสอดในคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2553 ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนายพิศิษฐ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินรวมทั้งห้ามผู้ถูกฟ้องคดีกระทำการใดอันมิชอบด้วยกฎหมายอีกต่อไป
และศาลปกครองก็ได้มีการสรุปวันที่จะสอบข้อเท็จจริงจากคุณหญิงเป็ดในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ แล้วก็จะปิดการพิสูจน์ข้อเท็จริง และวินิจฉัยคดีในวันที่ 6 ตุลาคมนี้แล้ว
ปรากฏว่าคุณหญิงเป็ด แทนที่จะทำใจทำอารมณ์ให้นิ่งลง แล้วรอฟังผลคดีจากทางศาลแกครองสูงสุดอย่างสุขุมเยือกเย็น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่รุ่งริ่งหมดแล้ว ให้ดูดีขึ้นมาบ้าง แต่กลับไม่ทำ
กลับยังคงดิ้นรนให้สังคมได้เห็นต่อไปอีก โดยยังคงพยายามที่จะใช้อำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการของนายพิศิษฐ์ และถูกมองว่าก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบริหาราชการของ สตง.
โดยประการแรกคุณหญิงเป็ดได้ลงนามในบันทึกข้อความ สตง. ลงวันที่ 29 กันยายน 2553 เรื่อง แผนงานเพื่อความก้าวหน้าของ สตง. แจ้งเพื่อข้าราชการและลูกจ้างทุกระดับทราบโดยทั่วกันถึงนโยบายการบริหารงานบุคคล และการปรับโครงสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินคำร้อง
ประการที่ 2. ลงนามในคำสั่ง สตง. ที่ 225/2553 ลงวันที่ 29 กันยายน 2553 เรื่อง ยกเลิกบรรดาคำสั่งทุกคำสั่ง บันทึกข้อความต่างๆ ของนายพิศิษฐ์ โดยอ้างว่าคดียังอยู่ระหว่างศาลนัดไต่สวน ดังนั้น คำสั่ง สตง. ที่ 184/2553 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2553 ที่ยกเลิกมิให้ผู้ร้องสอด(นายพิศิษฐ์)รักษาราชการแทน จึงมีผลอยู่ตามข้อ 69 ของระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
ประการที่ 3 ลงนามในคำสั่ง สตง. ที่ 226/2553 ลงวันที่ 29 กันยายน 2553 เรื่อง มอบหมายให้รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 11 ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อแจ้งการมอบหมาย มอบอำนาจ ในการสั่งการอนุญาต อนุมัติ ปฏิบัติราชการแทน หรือดำเนินการอื่นแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
สุดท้ายประการที่ 4 ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างอำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กระทำการอันเป็นการรบกวน ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ร้องสอดในฐานะผู้รักษาราชการแทนผู้ว่าการฯ
แน่นอนว่าเจอแบบนี้นนายพิศิษฐ์ย่อมไม่ยอมนิ่งแน่ เพราะถือว่าสร้างความสับสนให้กับหน่วยรับตรวจ ข้าราชการและลูกจ้าง สตง.ก่อให้เกิดความเสียหายแก่งานการตรวจเงินแผ่นดินและการบริหารราชการของรัฐโดยรวม
ที่สำคัญนายพิศิษฐ์นั้นไม่สามารถบริหารราชการได้โดยปกติสุข นับเป็นความเสียหายทีเกิดขึ้นแก่ผู้ร้องสอดและ สตง.ที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขได้ในภายหลัง
แม้ข้อเท็จจริงยังไม่มีจุดสรุป แต่การดิ้นรนไม่เลิกของคุณหญิงเป็ด ได้ทำให้เกิดภาพลบกับตัวคุณหญิงเป็ดเองมากขึ้นเรื่อยๆ
น่าเสียดายภาพที่เคยสร้างเอาไว้ให้สังคมเห็นในอดีตชะมัด
นี่ถ้ายอมรับเสียว่าคนเราทุกคนต้องมีแก่มีร่วงโรย ถึงเวลาก็ต้องรูดม่านลาโรงออกไป... ภาพวันนี้ก็คไม่เละเป็นวุ้นขนาดนี้แน่
อนิจจา คุณหญิงเป็ด!!!
ที่มา.บางกอกทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น