เห็นข่าว “ธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือ ธปท. หรือ “แบงก์ชาติ” โดยฝีมือของ “ธาริษา วัฒนเกส” ผู้ว่าฯ ที่ออก โรงหารือถึงเรื่อง “การปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมการให้ บริการทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม” หรือที่นิยามกันว่า “ค่าต๋ง”
ซึ่ง “ธาริษา” ได้ร่วมถกหาทางออกกับสมาคมธนาคารไทย ก่อนจะลาตำแหน่ง จนเป็นที่มาของการยอมลดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน...ตามสัดส่วนที่แตกต่างกันไป แต่กว่าจะเริ่มก็ต้อง โน่น “ปีหน้า”
งานนี้ไม่รู้ว่า “ธาริษา” ความรู้สึกช้า...เพิ่งจะเห็นวิธีเอารัดเอาเปรียบ และเริ่มแก้ปัญหา...ก่อนตัวเองเกษียณ...ทั้งๆ ที่ เรื่องแบบนี้ คนที่คลุกอยู่ในธุรกิจการเงิน ต่างรู้กันดีว่า คือหนทาง “ทำรายได้” เป็นกอบเป็นกำ...ของพวกเสือนอนกิน!!! แต่ทำช้าก็ยัง ดีกว่า “ไม่ทำ”
และอย่างน้อยก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึง “นายทุนศักดินา” ที่ครอบงำเศรษฐกิจไทย...และคิดแต่เอารัดเอาเปรียบสังคม และประชาชน...โดยอ้างเรื่อง “การแข่งขันทางการค้าอย่างเสรี”
เห็นชัดเจนสุดคือ “นายทุนศักดินาภาคธนาคาร” นี่แหละ... คือตัวดี ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ในอดีตที่ผ่านมา หากมี “ตระกูลใด” ทำผิดพลาด...รัฐบาลก็ต้องเข้าไปโอบอุ้ม...ทั้งๆ ที่ “ตระกูลเหล่านั้น” ก็ร่ำรวยมาได้ ด้วยวิธีการ “เสือนอนกิน” และมีวิธีบริหารจัดการที่ใช้ไม่ได้ หรือไม่ได้เรื่องต่างหาก แล้วทำไมต้องเข้าไปโอบอุ้ม ด้วยคำอ้าง...“เพราะไม่ต้องการให้กระทบเศรษฐกิจ โดยรวม” ซึ่งเป็นข้ออ้างที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
เหมือนกับ “นายทุนศักดินาภาคที่ดิน” ที่เอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน จนได้ที่ดินมากมาย มีทั้งบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ สร้างรีสอร์ต เพื่อความร่ำรวยให้ตระกูลตัวเอง แต่พอเกิดปัญหาตรวจสอบ ก็จะใช้ “มวลชน” ที่ตัวเองเลี้ยงไว้มากดดัน รวมถึงคัดค้านการจัดเก็บภาษี ที่ดิน เพราะถ้าเกิดขึ้นได้จริงๆ “นายทุนศักดินาภาคที่ดิน” ก็จะเสียเปรียบ
งานนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทั้ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี และ “กรณ์ จาติกวณิช” รมว.คลัง มี “น้ำยา” ว่าจะ “กล้าเข้าไปแตะของร้อน” อย่างเต็มรูปแบบและจัดการให้มีประสิทธิภาพหรือไม่
เพราะเศรษฐกิจจะดีได้ “รัฐ” ต้องเป็นฝ่ายเข้าไปกำหนดเกม กำหนดกติกา กำหนดเงื่อนไข เพื่อความเสมอภาคแก่ทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความร่ำรวยเพียง “ไม่กี่ตระกูล” และเวลาคิดจะทำอะไร ก็จะมีการอ้างสารพัด รวมถึงการล็อบบี้ใต้ดิน... ไม่เช่นนั้นจะไม่สนับสนุน???...ให้เติบโตทางการเมือง
“เหลือบนายทุนศักดินา”...เหล่านี้ ดูไปแล้ว ก็ไม่ต่างจาก “เหลือบข้าราชการนักการเมือง” ที่จ้องแทะ จ้องเกาะกิน จ้องผลาญงบประมาณชาติ แบบเมามันส์ ทั้งการโกงกินคอร์รัปชั่น ในสารพัดอภิมหาโปรเจกต์ทั้งหลาย
แต่ที่น่าอดสูก็คือ การเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ที่ร้อย ทั้งร้อยจะอ้างเรื่อง “งาน” เพื่อจะนำกลับมาใช้พัฒนา แต่ “คนไม่โง่” ต่างก็รู้ดีว่า คือการไปเที่ยว ไปหาความสุขส่วนตัวแบบร้อยแปด ทั้งเรื่องผู้หญิงและการพนัน จะมีน้อยรายน้อยคณะ มาก...ที่เดินทางไปแล้ว กลับนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เห็นอย่างนี้แล้ว....อยากมีส่วนร่วมกำจัดเหลือบกากเดน เหล่านี้ ไม่ให้เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ...จริงๆ
ที่มา.สยามธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น