จาก:หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
“พร้อมพงศ์” แฉซ้ำตุลาการตั้งเครือญาติเป็นเลขาฯกินเงินเดือน 40,000 บาท โดยไม่ได้นั่งทำงานจริง ยันเคยมีคนร้องให้สอบเรื่องนี้แล้วแต่เงียบ ซัดประชาธิปัตย์อย่าบิดเบือนโยนเรื่องการถ่ายและเผยแพร่คลิปอื้อฉาวคดียุบพรรคมาให้เพื่อไทย บี้ “วิรัช” ตอบเรื่องสนทนากับบิ๊กสีเขียวที่ห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมดัง เตรียมส่ง ส.ส. ยื่นเรื่องทีมสอบข้อเท็จจริงของศาลรัฐธรรมนูญ สืบหาตุลาการเจ้าของเสียงในคลิปที่ 4 เพราะมีเนื้อหาผิดหลักจริยธรรมชัดเจน ดักคออย่ามุ่งสอบแต่ที่มาของคลิปโดยไม่สนใจเนื้อหา โฆษกการเมืองใหม่จี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญแค่ขอโทษไม่เพียงพอ ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ ด้าน ส.ส.ประชาธิปัตย์เรียงหน้าโต้กระบวนการทำงานศาลไม่ยอมรามือ เชื่อคดียุบพรรคผลออกแบบไหนก็ไม่จบ จะมีการสร้างหลักฐานใหม่โจมตีทำลายศาลไปเรื่อยๆ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเรื่องให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำคลิปฉาวการวิ่งเต้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากจะเน้นย้ำคือ นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง และทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะให้ใครหลอกล่อไปถ่ายคลิปได้ง่ายๆ
เพื่อไทยบี้สอบหาตุลาการในคลิป
“นายวิรัชยังไม่ตอบเรื่องห้องที่ไปเปิดที่โรงแรมเรดิสันและเรื่องห้องอาหารญี่ปุ่น แต่กลับพยายามเบี่ยงประเด็นว่าเป็นฝีมือของพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา” นายพร้อมพงศ์กล่าวและว่า คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคได้พิจารณาเนื้อหาในคลิปชุดที่ 3-5 ที่เกี่ยวข้องกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าเนื้อหาของบทสนทนาที่ปรากฏว่าจะผิดจริยธรรม ซึ่งนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานีของพรรค จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสอบสวนที่ศาลรัฐธรรมนูญตั้งขึ้นให้พิจารณาประเด็นนี้ด้วย เพื่อให้การพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของศาลรัฐธรรมนูญ
มีหลายเรื่องพูดจาไม่เหมาะสม
“ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาคือ เนื้อหาที่ปรากฏในคลิปตอนที่ 4 ที่จะต้องตรวจสอบว่ามีการพูดจากันอย่างนั้นจริงหรือไม่ และเสียงที่พูดนั้นเป็นเสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านใด เพราะมีหลายประโยคที่ไม่เหมาะสม เช่น บอกว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่าทำตัวเป็นฤาษีหลังม่าน หรือคำพูดที่ว่าให้ผู้สื่อข่าวไปกดดัน ถ้าท่านไม่มาก็เสียคน” นายพร้อมพงศ์กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า การยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการตรวจสอบคลิปฉาวของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้การตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปโดยถูกต้อง ไม่ใช่มุ่งสอบแต่ที่มาของคลิปเท่านั้น แต่ควรตรวจสอบเนื้อหาที่ปรากฏด้วย ไม่อย่างนั้นจะได้ความจริงไม่ครบถ้วน
จี้ชี้แจงผลสอบซื้อรถหรูแพงเกินจริง
นายพร้อมพงศ์ระบุอีกว่า พรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจากฝั่งรัฐบาลให้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องการซื้อรถยนต์ยี่ห้อเลกซัสของศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 10 คัน ซึ่งพบว่าไม่น่าโปร่งใสและส่อไปในทางมิชอบ เนื่องจากการเสนอซื้อครั้งแรกซื้อในราคาคันละ 2.6 ล้านบาท แต่พอครั้งที่ 2 ราคาขึ้นเป็นคันละ 3 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างถึงคันละ 400,000 บาท รวม 10 คัน 4 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้มีคนร้องเรียนให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบแล้ว จึงอยากให้นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่า สตง. ออกมาชี้แจงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร
แฉตั้งลูก-หลานกินเงินเดือนไม่ทำงาน
นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังได้รับการร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบการแต่งตั้งเลขานุการในศาลรัฐธรรมนูญ โดยพรรคได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเรื่องนี้ได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2553 ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายเรื่อง เช่น มีตุลาการบางคนนำลูกของตัวเองมาเป็นเลขานุการและกินเงินเดือน 40,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น อยากให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญตอบคำถามเรื่องนี้ด้วยว่าจริงหรือไม่ และเมื่อกินเงินเดือนแล้วไม่อยู่ในประเทศไทย แต่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศโดยมีบางคนที่มีอำนาจเซ็นให้ และเงิน 40,000 บาทต่อเดือนก็ยังรับอยู่ฟรีๆ ซึ่งตอนนี้กลับมาแล้ว เห็นบอกว่าชื่อ “กล้า” ไม่ทราบว่าชื่อย่อหรือไม่
มีชื่อเป็นเลขาฯแต่ตัวขายกาแฟ
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ยังมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนเอาหลานชายมาเป็นเลขานุการและได้รับเงินเดือน แต่ไปเปิดร้านขายกาแฟสดอยู่ใต้ถุนศูนย์ราชการ ไม่ได้มาทำงาน และยังอีกคนหนึ่งเอาหลาน 2 คนมาเป็นผู้ช่วยเลขานุการและเป็นเลขานุการด้วย
“ข้อมูลอย่างนี้ฝ่ายค้านไม่รู้หรอก หากคนในรัฐบาลไม่ส่งมาให้ เขาให้ข้อมูลด้วยว่าคนที่ลงชื่อรับหนังสือร้องเรียนเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2553 ชื่อมยุรี เศวตตาสัย เป็นเจ้าหน้าที่ศาล ผมไม่รู้ว่าคนที่ส่งข้อมูลนี้มาจะเป็นพวกเดียวกันหรือคนละพวกกับนายวิรัช แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการหักกันเองในพรรคประชาธิปัตย์” นายพร้อมพงศ์
“เทพไท” อัดเพื่อไทยเล่นไม่เลิก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเล่นไม่เลิกกรณีจะไปแจ้งความกับกองปราบปรามเพื่อเอาผิดกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และทำหนังสือถึงกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบภาษีย้อนหลังของพรรค กรณีใช้เอกสารภาษีเท็จหรือหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับรัฐ
“การจะยื่นตรวจสอบพรรคเพื่อไทยต้องไปดูก่อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ และคดีขาดอายุความไปหรือยัง” นายเทพไทพร้อมยืนยันว่า ภายในพรรคไม่มีความแตกแยก จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าคลิปฉาวต่างๆเป็นเรื่องที่คนในพรรคทำเพื่อทำลายกันเอง ส่วนตัวยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเป็นตัวการในการเผยแพร่คลิป
ท้ามีคลิปคุยในห้องอาหารให้เปิด
“ที่บอกว่ามีคลิปใหม่ โดยมีบุคคล 3 คนภายในคลิปเดิมไปพบกับบิ๊กทหารที่ห้องอาหารญี่ปุ่น โรงแรมเรดิสัน หากมีก็ให้เอามาเปิดเผย ไม่ใช่พูดจาสร้างเรื่องไปวันๆ” นายเทพไทกล่าวและว่า พรรคเพื่อไทยไม่ควรกล่าวอ้างถึงบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคในลักษณะจับแพะชนแกะ เพื่อแต่งนิยายให้สังคมเห็นว่ามีกระบวนการให้ความช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่รับผิดชอบ ทำให้คนอื่นเสียหาย
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำลายกระบวนการยุติธรรมจะไม่ยุติแม้พรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบหรือไม่ก็ตาม ซึ่งกระบวนการทำลายศาลเริ่มตั้งแต่การตัดสินคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พยายามบิดเบือนให้สังคมเข้าใจไขว้เขว
กระบวนการทำลายศาลจะไม่ยุติ
“กระบวนการนี้จะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆด้วยการสร้างหลักฐานใหม่และเชื่อมโยงกันอย่างไร้น้ำหนัก เช่น คลิป การพูดถึงคนใกล้ชิดพรรคมีผลต่อคดียุบพรรคเป็นการสร้างเรื่องด้วยการต่อจิ๊กซอว์อย่างไม่มีข้อมูลเพียงพอ และจะดำเนินการจนกว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ผมอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญมั่นคง รักษาความเป็นกลางในการตัดสินคดี ดำรงไว้ด้วยความยุติธรรมตามข้อเท็จจริงเพื่อเป็นหลักให้กับสังคม” นายสาธิตกล่าว
นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยควบคุมพฤติกรรมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำกลุ่มคนเสื้แดง รวมถึงนายพร้อมพงศ์ที่ร่วมกันให้ข่าวบิดเบือนทำร้ายกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังกดดันคดียุบพรรคประชาธิปัตย์และใช้เป็นประเด็นปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาก่อความวุ่นวายขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้
ตรวจสอบได้แต่อย่าสร้างเรื่องเท็จ
“การตรวจสอบความสุจริตยุติธรรมขององค์กรต่างๆเป็นหน้าที่โดยชอบของพรรคการเมือง แต่การสร้างข่าวเท็จและการจัดฉากเหมือนสร้างละครถือเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นการสุ่มเสี่ยงให้อำนาจนอกระบบก้าวเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” นายอรรถพรกล่าวและว่า หลายเรื่องที่ผ่านมาสังคมได้พิสูจน์แล้วว่าข้อมูลของนายจตุพรและนายพร้อมพงศ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จเกือบทั้งหมด หากพรรคเพื่อไทยยังไม่ควบคุมพฤติกรรมของคนพวกนี้ หลังการเลือกตั้งหากไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะล่มสลายแน่นอน
หวั่นฆ่าตัดตอน “พสิษฐ์”
ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค แสดงความเป็นห่วงนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในคลิปฉาวว่า อาจะถูกฆ่าตัดตอนได้ นายพสิษฐ์จึงไม่ควรเงียบหายไป ควรออกมาพูดความจริงกับสังคมว่ามีการจัดฉากใส่ร้ายหรือมีกระบวนการล็อบบี้จริง
“การเงียบหายไปไม่เป็นประโยชน์ต่อนายพสิษฐ์เอง และยิ่งทำให้ประชาชนคลางแคลงใจในกระบวนการวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์” นายสุริยะใสกล่าวและว่า ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเอาคลิปชุดที่ 2 ที่ระบุว่ามีบิ๊กทหารเกี่ยวข้องมาเปิดเผยหากมีคลิปดังกล่าวอยู่ในมือจริง เพราะหากตั้งใจปล่อยข่าวโดยไม่มีหลักฐานอยู่ในมือจะเข้าข่ายจ้องทำลายกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียว กันพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรเร่งตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ หากพบว่ามีคนของพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องต้องลงโทษเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน
ระบุ “ชัช” แค่ขอโทษยังไม่พอ
นายสุริยะใสไม่พูดชัดเจนว่านายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ควรแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกหรือไม่ โดยระบุว่า เรื่องนี้กระทบต่อความเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญอย่างมาก ไม่ว่านายชัชจะรับรู้ก่ารกระทำของนายพสิษฐ์หรือไม่ แต่ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ การขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ
**********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น