--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บูรพาพยัคฆ์ กับงูเห่า!

ดูเหมือนจะรอมชอมกันผิดหูผิดตา สำหรับท่าทีการพบปะกันระหว่าง “นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “นายกฯ ฮุนเซน” แถมยังมีการแจงคิวจับเข่าคุยล่วงหน้าถึง 3 นัด ผ่านวาระบรัสเซลส์ ฮานอย และพนมเปญ ส่งซิกสมานฉันท์ไทย-กัมพูชา ชื่นมื่น

อานิสงส์ส่งให้การค้าขายช่วงรอยต่อช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ ได้อึกทึกครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง นี่แหละที่เขาว่า “การเมืองนิ่ง เศรษฐกิจย่อมแล่นฉิว”

ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นบนชายขอบ มันช่างแตกต่าง กันอย่างยิ่ง สำหรับสถานการณ์ภายในของ “นายกฯ อภิสิทธิ์” ที่เชื่อเหลือเกินว่าแม้แต่ “นายกฯ ฮุนเซน” ในฐานะคนหัวอกเดียวกัน ก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางการเมืองในลักษณะนี้ได้เป็นอย่างดี

ขวากหนามใหญ่ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่ต่างจากภูเขาไฟลูกใหญ่ที่กำลังปะทุอยู่เบื้องล่างแห่ง เก้าอี้ท่านผู้นำของ “อภิสิทธิ์” ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า...

แม้แต่ “นายหัวชวน หลีกภัย” ผู้เรียบเฉย ยังไม่สามารถสะกดอาการประหวั่นพรั่นพรึงให้พ้นไปจาก สีหน้าและแววตาได้อย่างดั่งใจนึกคิด

ว่ากันว่า ปลายตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ก่อนศาลมีคำพิพากษา หรือแม้กระทั่งภายหลังศาลมีคำพิพากษา สถานการณ์การเมืองไทยล้วนสามารถ สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกได้ทุกหน้า

วาระจุดพลุนิรโทษกรรมรอบที่ร้อยแปดของ “ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ” ถือว่าไม่ธรรมดา

วาทกรรมพลิกขั้วสวมกอดเพื่อไทยหากประชาธิปัตย์โดนยุบพรรคของ “ปู่จิ้น-ชวรัตน์ ชาญ-วีรกูล” ย่อมทะลุกลางปล้องได้น่าสนใจยิ่ง

มหกรรมปล่อยคาราวานปลาไหลเดินสาย ปรองดองฉบับ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” นั้นล้วนขับเคลื่อนไปอย่างมีนัย

ปฏิบัติการรับลูกโรดแมป “เสธ.หนั่น” เหมือนนัดกันไว้ล่วงหน้าของ “ทีมงาน 3 พี” มันย่อมบ่งบอกให้เห็นถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง

หรือแม้กระทั่ง ลีลาการกอดเก้าอี้รองนายกฯ โดดลงสนามเลือกตั้งซ่อมเมืองสุราษฎร์ ของ “เทพเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ” มันก็น่าจะอรรถาธิบายถึงทิศทางการเมืองว่าสุ่มเสี่ยงจะบังเกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นในอนาคต

นักเลือกตั้งสลับหน้าเล่น ต่างคนต่างแสดงกันคนละบทบาท แต่ในแต่ละความเคลื่อนไหว ล้วนพุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน ผ่านการวางหมากกลทางการเมืองใน “คัมภีร์อวิชชางูเห่า” ไว้อย่าง แยบคาย

ไม่ว่าเดิมพันล็อตโต้รอบนี้จะหมุนไปตกที่ฝั่งใด..ยุบสภา ยุบพรรค หรือ พลิกขั้วทางการเมือง???

“นักการเมืองสปีชี่ส์อนาคอนดา” ฝูงนี้ ก็จะยังสามารถ อยู่ยั้งยืนยงในนามฝ่ายกุมอำนาจประเทศอีกต่อไปได้อย่าง “วิน วิน”

จะเห็นได้ว่า ในรูปแบบการเมือง “สเปกรัฐบาลผสม” ท้ายที่สุดแล้ว..“ชาวนา” ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด ก็มิอาจว่างเว้น จากการถูก “งูเห่าใจคด” แว้งฉกกัดอยู่ร่ำไป!!!

ถึงบรรทัดนี้คงได้แต่ภาวนาว่า “จ่าฝูงบูรภาพยัคฆ์คนใหม่” ผู้มีอำนาจพิเศษเหนืออสรพิษร้าย จะไม่เลือกกระทำการ ใดการหนึ่งอันไม่เป็นคุณต่อประชาธิปไตยไทย เพราะในห้วง 1 ปีกว่าแห่งเทอมการเมืองที่เหลือนั้น ยังปรากฏทางเลือกทาง ออกอีกมากมายหลายวิถีทาง

แต่หากอำนาจแห่ง “บูรพาพยัคฆ์” เลือกที่จะรั้นด้วยการเผาป่าล่า “งูเห่า” จุดจบแห่งนิทานการเมืองในเบื้องสุดท้าย ไม่ว่า “ชาวนา” กับ “งูเห่า” หรือ “งูเห่า” กับ “บูรพาพยัคฆ์” ท้ายที่สุดแล้ว คงไม่รอดพ้นเสียงสาปแช่ง เพราะพฤติกรรมซ้ำซากที่เคยดำเนินมาตั้งแต่อดีตกระทั่งปัจจุบัน

มันไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยววินาที ที่สร้างคุณูปการให้ชาติและประชาชน!!!

ที่มา.สยามธุรกิจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น