--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"พล.อ.ชวลิต" เเนะตั้งรัฐบาลแห่งชาติเเก้ปัญหาประเทศ

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานสัมมนา ส.ส.และผู้สมัคร สส. หัวข้อ “ประชาธิปไตยถูกควบคุมสิทธิ์ แต่ทุจริตปล่อยตามอำเภอใจ” ตอนหนึ่งว่า ปัญหาของชาติในวันนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ 1. ปัญหาพื้นฐานเรื่องการปกครอง 2. ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดมาในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การเดินขบวน การจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ สถานการณ์ในบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้ ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่เราต้องเร่งแก้ไข คือ ทำอย่างไรให้เรามีประชาธิปไตยให้ได้ ตอนนี้มีความคิดสองพวก พวกหนึ่งเห็นว่าต้องแก้ระบบ หรือ ระบอบ เช่น แก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความจริงการแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่สำคัญสูงสุดขณะนี้ อีกกลุ่มเห็นว่า ถ้าให้บ้านเมืองดี ต้องได้คนดี มีความรู้ ซื่อสัตย์ เสียสละ แต่ที่ผ่านมาเรามีคนดีที่หาที่ติไม่ได้ เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พระยาพหลพลพยุหเสนา เรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนดี แต่ถามว่า ทำไมบ้านเมืองเราทรุดโทรม

ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาพื้นฐานของเราคือ 1. การไม่สามารถสร้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมา พวกเราต้องมีหน้าที่แก้ปัญหาความขัดแย้ง หรือนำประเทศกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่เป็นเกียรติประวัติเหมือนในอดีต กระจายอำนาจสู่ประชาชนในระดับล่างให้มากที่สุด 2. บุคคลต้องมีเสรีภาพ 3. ความเสมอภาค 4. หลักนิติธรรม กฎหมาย และ 5. รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน 5 หลักมีความสำคัญเรียงลงมา

สำหรับองค์กรที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหามี 3 องค์กร คือ 1 สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในอดีตสถาบันได้ทุ่มเททำงานทุกอย่างเพื่อพัฒนาการเมืองปกครอง เพื่อเอาอำนาจให้ประชาชน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ส่งต่อมายังรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ทรงเห็นด้วยให้อำนาจกับคณะราษฎร แต่ขอให้คณะราษฎรเอาอำนาจไปให้พี่น้องประชาชน ต่อมาไม่ได้ทำอย่างนั้น มีการทวงถามตลอดที่ไม่สามารถเอาอำนาจพระองค์ท่านไปให้ประชาชน นั่นคือ วิกฤตการเมืองการปกครองครั้งแรก จนเป็นวิกฤตในหลายรูปแบบตามมา

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า หากสถาบันลงมาแก้ปัญหา เราเชื่อว่าจะสามารถลงมาแก้โดยง่าย จึงมีความเห็นในกลุ่มพวกเรา ที่จะถวายอำนาจคืนให้พระเจ้าอยู่หัว สุดท้ายตัวเองนำเสนอเพื่อขอพระบารมีคุ้มครองพวกเราเช่นกัน แต่ไม่เป็นผล 3. สถาบันทหาร เป็นสถาบันที่รับผิดชอบการเมืองการปกครอง แต่ที่ผ่านมาเป็นสถาบันของตัวเอง ยึดอำนาจมาหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถสร้างอำนาจการเมืองการปกครองได้ จนเป็นที่กลัวว่า ไม่อยากให้ทำรัฐประหารเพราะจะทำให้บ้านเมืองตกต่ำเหมือนครั้งล่าสุด และถ้าเมื่อใด เรามีผู้นำทางทหารที่รอบรู้ทางการเมือง ตรงนี้ เราทำได้ ถ้าเขาใช้อำนาจนั้นด้วยความบริสุทธิ์ และสร้างสรรค์ประเทศชาติให้มีการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้

ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า เมื่อสถาบันทหารแก้ปัญหาไม่ได้ สถาบันที่ 3 ต้องรับผิดชอบ ซึ่งท่านปฏิเสธไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นคือ รัฐบาลที่อยู่ในอำนาจ วันนี้ พรรคเพื่อไทยของเราพยายามเสนอแนวทางแก้ปัญหาหลายครั้ง เบื้องต้นต้องมีสำนึกของความเป็นผู้นำ นายกรัฐมนตรีต้องทำให้รู้สึกว่าผู้ที่ขัดแย้งกับเราคือคนไทยด้วยกัน มันจะเกิดการอโหสิกรรม อภัย ความรัก ความผูกพันธ์ มันจะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องทำอะไร ข้อ 2 ที่เตือนไป ท่านต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ถูก ก่อนเดือนเม.ย.เราเตือนว่า วันนั้นสองฝ่ายกำลังปะทะกัน เมื่อเกิดการสูญเสียแล้วจะอีกนาน 10 ปีถึงจะแก้ไขได้

“การแก้ปัญหาวันนั้นช่วงคอมมิวนิสต์ไม่มีใครชนะ ชนะทั้งคู่ ตอนรบก็แพ้ทั้งคู่ เราเชิญเขามาต่อสู้ในสภา ไม่ใช่ว่าฉันผู้ชนะ เธอคือ ผู้ร้าย ก่อการร้าย เธอคือ คนเลวถ้าทำอย่างนี้ชาติหน้าแก้ได้ นี่คือสิ่งที่สำคัญแล้วไม่ต้องมีอะไรมาก รัฐบาลสามารถแก้ได้นิดเดียว และถ้ารัฐบาลไม่แก้ ก็ไม่มีองค์กรไหนแล้ว นอกจากประชาชนลุกขึ้นมาแก้เอง เมื่อนั้นประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมายึดอำนาจ ซึ่งก็คือการสร้างความรุนแรง อย่าโทษประชาชน ตัวท่านเองต้องรับผิดชอบ” พล.อ.ชวลิต กล่าว

พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล เอาคู่กรณีเข้ามาให้หมด พรรคเพื่อไทยส่งมาเป็น 5 - 10 คน ไม่ต้องตั้งใคร ตั้งมาเพื่อแก้ปัญหา แล้ววางภาระประเทศชาติ รัฐบาลไม่ต้องสร้างอะไร ทำหน้าที่ขจัดความขัดแย้ง และวางฐานะของชาติให้กลับมาใหม่ 36 คนเป็นครม. หรือเอามาเป็น 100 คน ที่เหลือเอามาเป็นผู้ช่วย ที่ปรึกษา หรือคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้าน รัฐบาลเฉพาะกาลจะอยู่ 8, 12, 16 เดือน แก้ตรงนี้แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่

ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยืนอยู่กับเราแล้ว จะออกพรก.ฉุกเฉินออกได้ แต่รัฐบาลนี้ร้ายกว่าเผด็จการในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด เราต้องเอาสะเก็ดไฟลามทุ่ง เพื่อมาเป็นไฟกองใหญ่มหาศาลที่มีพลัง วันนี้เขาไม่ต้องการอะไร นอกจากน้ำใจ หัวใจจากพวกเรา ต้องการความผูกพันธ์เหมือนในอดีต ดังนั้น หน้าที่ของพวกเรา คือ ไปกินนอนกับเขา นับแต่วันนี้เราปล่อยประเทศกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ เราล้าหลังมากแล้ว เกียรติประวัติไม่เหลือ สำหรับนโยบายประชานิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นประชานิยมเฟสที่หนึ่งเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงิน ใครลอกอย่าไปโกรธเขา สนับสนุนให้เขาลอก เพราะทำให้คนจนก้าวหน้า แต่เฟสสอง เราต้องทำให้เกษตรกร 4 ล้านครัวเรือน ที่มีหนี้ 8 แสนล้านให้หมดไป เราต้องสร้างชีวิตเขาใหม่
ที่มา. Spring News

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น