คอลัมน์ มนุษย์การเมือง
โดย อิศรินทร์ หนูเมือง
ทุกฤดูแต่งตั้ง-โยกย้ายข้าราชการระดับซี 11 มีชื่อ "ดร.อำพน" ติดโผทุกครั้ง
อาจเป็นเพราะเขาคือข้าราชการระดับสูงที่อายุน้อย เหลืออายุราชการ อีก 5 ปี บุคลิกคล่องแคล่ว-ว่องไว ปรับตัวทำงานได้กับรัฐมนตรีจากทุกพรรค ทุกกระทรวง
แม้ชีวิตประจำวันจะวิ่งขึ้น-วิ่งลงจากตึก สุริยานุวัตร อันเก่าแก่ ถึงห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า เข้าถึงห้องทำงานนายกรัฐมนตรี
ใกล้ชิดทั้ง ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์-พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ล้วนเป็นผู้บังคับบัญชาที่ "ดร.อำพน กิตติอำพน" เสนาธิการฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาล คุ้นเคย
แต่อีกไม่กี่เดือนแล้ว ที่ ดร.อำพน หรือ "ดร.กบ" จะต้องลงจากหลังเสือ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โอกาสที่ครบวาระ 6 ปีที่สภาพัฒน์ "ดร.กบ" ถูกทาบทาม-ทั้งจากประมุขตึกไทยคู่ฟ้า-นายกรัฐมนตรี และถูกคาดหมายว่าจะได้ไปประจำการไม่น้อยกว่า 3 กระทรวง
อย่างน้อยก็มี กระทรวงการคลัง-กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงคมนาคม
"ดร.กบ" เคยสารภาพจากใจจริง ในห้องสีงาช้าง อย่างไร้คมเขี้ยวว่า "ผมเคยอยากกลับไปอยู่กระทรวงเกษตรฯ เพราะอยากทำงานช่วยเหลือเกษตรกร"
แต่เมื่อพิเคราะห์-เปรียบเทียบ เรื่อง "คนใน-คนนอก" แล้ว "ดร.กบ" สรุปบทเรียนว่า กระทรวงที่ดึงคนนอกขึ้นมาเสียบเป็นผู้นำหมายเลข 1 นั้น บางองค์กรสำเร็จ บางองค์กรล้มเหลว-ผุพังเกินกว่าจะซ่อมแซม
มีคนยกตัวอย่างกระทรวงเกษตรฯ เมื่อพ้นยุคปลัด "ปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา" แล้ว แทบไม่มีใครจำผลงานได้ นอกจากเรื่อง "โกงลำไย" ตั้งแต่ปี 2547 ถึงวันนี้ คดียังคาอยู่ในสำนักงาน ป.ป.ช.
กระทรวงเกษตรฯจึงเป็นพื้นที่ "ต้องห้าม" สำหรับ "ดร.กบ" ไปเสียแล้ว
นอกจาก 3 กระทรวงที่ว่าแล้ว ยังมีที่ไป ให้ "ดร.กบ" อีกไม่น้อยกว่า 2 สำนัก
สำนักแรก-สำนักนายกรัฐมนตรี มีตำแหน่ง "เลขาธิการคณะรัฐมนตรี" ให้ลุ้น เพราะอย่างน้อย "นายกรัฐมนตรี" ก็เคยทาบทาม "ดร.กบ" ด้วยตัวเองถึง 2 ครั้ง
สำนักที่สอง-กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีตำแหน่ง "ปลัด" ที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ให้ได้ลุ้น
ฉายา "ดร.กบ-แหกทุกโผ" อาจเป็นจริง...อีกครั้ง
"ถามผมจากใจจริง ผมอยากไปอยู่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ด้วยเหตุผลสามข้อคือ หนึ่ง ไม่เหยียบตาปลาใคร เพราะปลัดคนเก่าเขาเกษียณ สอง ผมอยากทำโครงการ Knowledge Economy ทำงานเศรษฐกิจฐานความรู้ และการอยู่ในสังคมวิชาการไม่มีการโกงกัน โอกาสที่จะติด คุกต่ำ" ดร.กบ-พูดถึงที่หมายใหม่
สำหรับที่สภาพัฒน์ "ดร.กบ" อยากให้ "คนใน" รับไม้ต่อ ขึ้นเป็น ผู้นำหมายเลข 1
"ผมเชื่อในความซื่อสัตย์ ความทุ่มเท เชื่อมั่นในความรู้วิชาการ ของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ว่าเขาขึ้นมาได้ แม้ว่าเขาจะไม่มีสีสันเหมือนผม"
"ดร.กบ" บอกว่า ตอนนี้ "คนใน-ลูกหม้อ" ของสภาพัฒน์ พร้อมแล้วที่จะขึ้นบริหาร พร้อมที่จะเป็น think thank ให้กับรัฐบาล
ด้วยคุณลักษณะเฉพาะทาง-ความสามารถเฉพาะตัว-ทำงานเป็นทีมของบุคลากรในสำนักเสนาธิการฝ่ายเศรษฐกิจแห่งนี้ ทำให้ "ดร.กบ" อยู่ตลอดรอดฝั่งมาได้ถึง 6 ปี 5 ยุค 5 นายกรัฐมนตรี
เขาจึงปฏิบัติบูชา-กตัญญุตาต่อสำนักคิดแห่งนี้ ด้วยการ "พัฒนาคน" ตามที่เคยรับปาก "ดร.เสนาะ อูนากูล" ผู้อาวุโส-อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ไว้
"ตอนรับตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ ได้ไปกราบ ดร.เสนาะ ท่านบอกว่า ที่นี่คือสังคมวิชาการ การพัฒนาคนคือหัวใจที่สำคัญที่สุด การอยู่ที่สภาพัฒน์ต้อง ตัดสินใจในโครงการที่มีผลกระทบวงกว้าง ดังนั้นต้องตัดสินใจที่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมให้มากที่สุด" ดร.กบ-เล่าย้อนหลัง
เขาจึงปลาบปลื้มทุกครั้งที่ นายกฯ-อภิสิทธิ์ "อ้างถึง" ความเห็นของเขาใน ฐานะ "ฝ่ายวิชาการ"
ดังนั้นในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เขาได้วางคนรุ่นใหม่ เพื่อเชื่อมกับนักบริหารรุ่นกลาง ให้รับไม้ต่อกันแล้ว
เขามักเล่าอย่างคล่องแคล่วว่า 6 ปีที่เป็น "เลขาธิการ" ภูมิใจที่ได้สร้างคน ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับปริญญาเอกกำลังจะกลับมาจากเมืองนอก 8 คน กำลังเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยทั้งในอังกฤษ-อเมริกา อีกราว 20 คน
เขาอิ่มใจที่ได้ทำโครงการ future team เพื่อให้เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ ๆ ที่จบปริญญาตรี-โทเกียรตินิยม 60 คน ไปเข้าโปรแกรมลงหมู่บ้าน นอนวัด เสวนา ฟังธรรม ฟังปัญหาความยากจนถึงพื้นที่ เพื่อลบภาพ "ลูกเจ้าสัว แต่งตัวเปรี้ยว เที่ยวผับ ทำงานที่สภาพัฒน์เป็นเกียรติประวัติ แก่วงศ์ตระกูล"
ภาพที่ติดตา-สะกิดใจ "ดร.กบ" ในโค้งสุดท้ายก่อนพ้นจากตึกสุริยานุวัตร คือ "ดร.เสนาะ" และอดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ 5 คน ได้ร่วมประชุม ร่าง-วิสัยทัศน์แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11
ทุกวันนี้ "ดร.กบ" มีความสุขกับการนั่งเครื่องบินไปต่างจังหวัด แล้วนั่งรถเข้าหมู่บ้าน เพื่อทำงานให้กับ "กองทุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ" ตามพระราชดำริจัดตั้งทุนการศึกษาสำหรับเยาวชนไทย ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ถือเป็นทุนการศึกษาแบบให้เปล่า ปราศจากข้อผูกพันใด ๆ และมอบให้อย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้ได้รับทุนจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี
ข่าว-กระแส-ข้อวิเคราะห์-และคำนินทา ในวงการเมือง-นักบริหาร ที่ว่าเขาคือคนของ "เนวิน ชิดชอบ" ผู้มีบารมีแห่งพรรคภูมิใจไทย อาจหนาหู แต่ "ดร.กบ" มักยืนยันเสมอว่า "ผมทำงานให้นายกรัฐมนตรี"
แต่ทั้งตำแหน่ง-แรงหนุน ที่เขาแหก ทุกโผ ตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) หรือรองปลัด กระทรวงเกษตรฯ แล้วข้ามห้วยไปเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ และเหาะไปเป็นประธานบอร์ดการบินไทยนั้น
ย่อมแยกยากว่า เก้าอี้ใหญ่ที่ "ดร.กบ" ครอบครองมาได้นั้น เป็นเพราะ คอนเน็กชั่นพิเศษกับ "เนวิน" หรือความสามารถพิเศษส่วนตัว
"ดร.กบ" วัย 55 ปี (เกิด 10 ต.ค. 2498) แม้ไม่เป็น "ข้าราชการ" เขาก็มีมรดกอันจะกินไปถึงรุ่นลูก-หลาน จากการแตกกอต่อยอด ในตระกูลนักธุรกิจฝ่ายมารดาเชื้อสาย "เอื้อวิทยา"
ด้วยดีกรีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Northeastern University, บอสตัน สหรัฐอเมริกา และจบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ ที่ Clemson University South Carolina สหรัฐอเมริกา
แม้เป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี แต่ "ดร.กบ" ทำงานกับนักการเมืองได้ทุกพรรค ทุกกระทรวง
หากการเมืองไม่พลิกขั้ว-โผแต่งตั้ง โยกย้ายกำลังพลด้านเศรษฐกิจ คงมีชื่อ "ดร.อำพน กิตติอำพน" เป็นปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีรัฐมนตรีว่าการสังกัดค่ายประชาธิปัตย์
ฤดูกาล-การเมืองมักแปรปรวนเช่นนี้เสมอ
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น