--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พลังเงียบเมินการเมืองผลเลือกส.ส.เพิ่มขัดแย้ง

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
นักวิชาการชี้ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 ตอกย้ำให้เห็นความขัดแย้งในสังคมไทย เพราะประชาชน 60% ที่ออกมาใช้สิทธิล้วนเลือกสี เลือกข้างอยู่แล้ว ขณะที่อีก 40% เป็นกลาง ไม่มีสี กลับเมินที่จะออกมาใช้สิทธิของตัวเองเพื่อบอกความต้องการของประชาชนที่เป็นกลางทางการเมือง “สมบัติ” ระบุแม้เพื่อไทยจะแพ้ถือว่าประสบความสำเร็จ เชื่อจะทำให้มีกำลังใจต่อสู้มากขึ้น เพราะประชาชนยอมรับแนวทางที่ทำอยู่ “พร้อมพงศ์”เตรียมยื่น กกต. ตรวจสอบ 3 เรื่องก่อนประกาศรับรองผลเลือกตั้ง “เทพไท” ฟุ้งสำเร็จเกินคาด เพราะคะแนนทิ้งห่างถึง 15% จากที่คาดว่าจะทิ้งกันแค่ 5% เท่านั้น

ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะแพ้แต่ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดีจากการส่งนายก่อแก้วลงสมัคร เพราะเอื้อต่อกลยุทธ์ที่ใช้ในการหาเสียง ทำให้คะแนนออกมาไม่ห่างกันมาก ผลที่ออกมาจะทำให้พรรคเพื่อไทยมีกำลังใจมากขึ้น เพราะเสียงสนับสนุนใน กทม. ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แม้จะชนะเลือกตั้ง แต่ผลคะแนนที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องออกแรงหนักมากขึ้น และควรใช้โอกาสที่ยังเป็นรัฐบาลทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อดึงเสียงสนับสนุน

“แม้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ครั้งนี้จะส่งผลต่อการเมืองปัจจุบันไม่มาก แต่จะมีผลต่อการเมืองในอนาคต เพราะเสียงตอบรับพรรคเพื่อไทยทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงมีกำลังใจมากขึ้น ซึ่งจะทำให้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนได้มากขึ้น เพราะประชาชนยังให้การสนับสนุนอยู่” ศ.ดร.สมบัติกล่าว

ผลการเลือกตั้งตอกย้ำความขัดแย้ง

ผศ.ดร.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานกรรมการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า คนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดมานานแล้วว่าจะเลือกใคร เรียกว่ามีสีอยู่ในใจแล้ว ส่วนคนที่ไม่ออกมาเลือกตั้งประมาณ 40% คือคนกลางที่เป็นพลังเงียบ ทำให้ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นการตอกย้ำความขัดแย้ง ความแบ่งแยก มองไม่เห็นพัฒนาการของการสร้างความสมานฉันท์

ทั้ง 2 พรรคควรสรุปบทเรียนที่ได้

“ผมอยากเห็นบรรยากาศเป็นไปในทางที่ดี และหวังว่าหลังการเลือกตั้งแล้วการเมืองน่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยน่าจะมีการสรุปบทเรียน ส่วนฝ่ายรัฐบาลต้องพิจารณาตัวเองและดำเนินการนโยบายที่เป็นภาพลักษณ์ที่ดีจะทำให้การเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในอนาคตดีขึ้น” ผศ.ดร.ทวีกล่าว

เพื่อไทยร้องสอบ 3 เรื่องก่อนรับรอง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคจะนำเรื่องผิดปรกติที่พบในการเลือกตั้ง ส ส.เขต 6 คือเรื่องที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวระบุว่าถ้าเลือกนายก่อแก้วเป็นการก่อก่วน ก่อการร้าย เรื่องนักจัดรายการชื่อจ่าพงศ์ สารคาม ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 103 จัดรายการโจมตีพรรคเพื่อไทย และเรื่องที่มีคนแต่งตัวคล้ายคอมมานโดไปข่มขู่ประชาชนที่แฟลตเอื้ออาทรปัญญารามอินทราไม่ให้เลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบก่อนจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

ปชป. ชี้มีความหมายมากกว่าชัยชนะ

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมามีความหมายมากกว่าชัยชนะ เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นความต้องการของประชาชนที่อยากก้าวข้ามวิกฤตความขัดแย้ง ผลที่อกมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาล และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลหลายเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง

อ้างประชาชนส่งสัญญาณเบื่อขัดแย้ง

“ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าคนไทยเริ่มเบื่อความแตกแยก จึงถึงเวลาที่ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องหันหน้าเข้าหากัน คิดถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และต้องไม่ให้คนบางกลุ่ม บางพวกเข้ามาครอบงำทิศทางของบ้านเมือง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวและว่า พรรคขอให้คำมั่นสัญญาว่าทุกคะแนนที่ได้ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า ถือเป็นกำลังใจที่ดีที่พรรคจะตอบแทนด้วยการมุ่งมั่นและทุมเททำงานหนักต่อไป ส่วนผู้ไม่ได้ลงคะแนนให้กับพรรคขอให้มั่นใจว่าพรรคพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นที่แตกต่าง และจะรักษาแนวทางการทำงานเพื่อทุกคนด้วยการเป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศต่อไป

แขวะเพื่อไทยจริงใจยอมรับความพ่าย

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคพอใจผลการเลือกตั้งที่ออกมาแม้จะมีคนนำไปวิเคราะห์ในมุมมองที่แตกต่างกัน และอยากฝากไปถึงพรรคเพื่อไทยที่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ขอให้ยอมรับจากใจจริง ไม่ใช่แกนนำพรรคยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ลูกพรรคจะไปร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งกับ กกต. โดยอ้าง 3 กรณีที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่เรื่องเดียว หากยอมรับเสียงของประชาชนจริงควรเลิกพฤติกรรมขี้แพ้ชวนตี

คะแนนห่างร้อยละ 15 เกินคาดหมาย

“ผลคะแนนที่ห่างกันมากถึง 14,704 คะแนน คิดเป็นอัตราร้อยละ 15 มากกว่าที่พรรคสำรวจเอาไว้ว่าคะแนนจะห่างกันเพียงร้อยละ 5 ถือว่าผิดความคาดหมายค่อนข้างมาก เพราะพื้นที่เขต 6 เป็นพื้นที่ฐานเสียงเดิมของพรรคไทยรักไทยทั้ง 4 เขต โดยเขตบึงกุ่ม คันนายาว เป็นฐานเสียงของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เขตคลองสามวาเป็นฐานเสียงของนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขตหนองจอกเป็นฐานเสียงของนายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ เมื่อผลออกมาพรรคประชาธิปัตย์ชนะทุกเขตถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ

เยาะเย้ย “เฉลิม” ถูกประชาชนตบหน้า

“ผมขอถามหาความรับผิดชอบจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศว่าจะเอาผลการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งนี้ไปเป็นของขวัญวันเกิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และให้ประชาชนเลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นการตบหน้ารัฐบาล เมื่อผลออกมาอย่างนี้แม่ทัพใหญ่อย่าง ร.ต.อ.เฉลิมจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะประชาชนไม่ได้ตบหน้ารัฐบาลอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมชักชวน แต่หันไปตบหน้า ร.ต.อ.เฉลิมแทน อยากให้ไปดูว่าขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิมหน้าบวมไปเท่าไร ฟันหักไปแล้วกี่ซี่” นายเทพไทกล่าว

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น