นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ปฏิเสธข้อหาเรียกรับเงินจากนักธุรกิจ 1.5 แสนบาท โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีสมัยยังเป็นข้าราชการกรมสรรพสามิต เพื่อแลกกับการประสานให้กรมสรรพากรลบข้อมูลในการทวงถามภาษีย้อนหลัง จำนวน 1.7 ล้านบาท ตามที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวหา พร้อมจะยื่นฟ้องนายจตุพร ในข้อหาหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ว่าได้สอบถามภรรยาถึงข้อกล่าวหาของนายจตุพร แล้ว โดยภรรยาปฏิเสธว่า ไม่เคยมีเรื่องในลักษณะดังกล่าว และประสงค์จะใช้สิทธิทางศาล ด้วยการยื่นฟ้องนายจตุพรข้อหาหมิ่นประมาท และจะใช้กระบวนการทางศาลพิสูจน์ความจริง มากกว่าการออกมาตอบโต้ผ่านสื่อรายวัน
" ผมขอฝากข้อความไปถึงนายจตุพรว่า หากการปฏิบัติหน้าที่ในคดีก่อการร้ายของผม ทำให้นายจตุพร ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ต้องหาโกรธแค้น ก็ขอให้ทำกับตัวผม โปรดอย่าได้ชำระแค้นกับลูกเมียของผม อย่าไปดึงลูกเมียของผมมาเกี่ยวข้อง" นายธาริตกล่าว
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ กล่าวว่า ภายหลังนายจตุพร กล่าวหาพาดพิงการปฏิบัติหน้าที่อธิบดีดีเอสไอของนายธาริต ด้วยการดิสเครดิตภรรยา นายธาริตได้หารือกับทีมงานเพื่อเตรียมร่างสำนวนคำฟ้องดำเนินคดีกับนายจตุพร แต่มีข้อท้วงติงว่า อาจเป็นการขุดบ่อล่อให้เดินไปติดกับ เพราะหากนายธาริต ยื่นฟ้องนายจตุพรข้อหาหมิ่นประมาท ในชั้นยื่นฟ้องนายจตุพรข้อหาก่อการร้าย นายจตุพรอาจยกเป็นข้อต่อสู้ว่า นายธาริตเป็นคู่ปรปักษ์ จึงมุ่งมั่นทำคดีก่อการร้ายเนื่องจากมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างเรื่องส่วนตัวกับการปฏิบัติหน้าที่ในดีเอสไอ
ปชป.ป้อง"อธิบดี"คนตรง
นายสกลธี ภัททิยกุล ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตเลขานุการปลัดกระทรวงยุติธรรม (นายจรัญ ภักดีธนากุล) กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การทำงานของนายธาริต ว่านายธาริตทำงานตรงไปตรงมา ไม่ได้เข้าข้างใคร เพียงแต่บางครั้งอาจให้สัมภาษณ์ออฟไซด์ไปหน่อย แต่ยังดีกว่าอดีตอธิบดีดีเอสไอบางคน ที่มีการปั้นพยานเพื่อกลั่นแกล้ง ถือเป็นคดีการเมืองอย่างชัดเจน คนอย่างนายธาริต สมควรได้รับการปกป้อง
" ที่ดีเอสไอไม่ฟ้องบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) คดีไซฟ่อนเงิน ถึงจะส่งผลดีต่อคดียุบ ปชป.กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท แต่เชื่อว่านายธาริต พิจารณาไปตามหลักฐาน เพราะตัวนายธาริต เองก็เคยบอกว่าไม่มีพวกอยู่ใน ปชป. ที่สำคัญยังเติบโตสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย (ทรท.) สาเหตุที่นายธาริต แถลงข่าวถี่ในช่วงหลัง อาจมาจากเหตุผลว่า ต้องการเร่งแสดงผลงานมากกว่า" นายสกลธีกล่าว และว่า กรณีที่ถูกนายจตุพร ออกมาเปิดเผยเรื่องสลิปเงินโอนเข้าบัญชีภรรยานายธาริต 1.5 แสนบาท แลกกับการไม่ต้องเสียภาษี เป็นเรื่องที่นายธาริตจะต้องไปชี้แจงกันเอาเอง เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว
"เพื่อไทย"ชี้ไม่ใช่มืออาชีพ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. กล่าวกรณีที่นายธาริต ระบุว่านายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ และส.ต.รชต วงค์ยอด เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และพยายามเชื่อมโยงกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองยังไม่ได้รับสารภาพ แต่นายธาริต กลับแถลงเป็นฉากๆ เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง การกระทำดังกล่าวเหมือนไม่ใช่พนักงานสอบสวนมืออาชีพ
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตามหลักการแล้วพนักงานสอบสวนไม่ควรเอาข้อเท็จจริงในคดี ที่ยังไม่มีข้อยุติมาเปิดเผยต่อสาธารณชน อีกทั้งการกระทำของนายธาริต ที่ระบุว่าจะกันมารดาและภรรยาของนายหรั่ง เป็นพยาน โดยอ้างว่า ภรรยาของนายหรั่งมีส่วนร่วมในการทำผิด โดยการรับเงินจากการค้าอาวุธของนายหรั่ง นั้นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจูงใจ ข่มขู่ เพื่อให้นายหรั่งให้การตามที่ตนเองต้องการ เพราะคำให้การของพยานต้องเกิดจากความสมัครใจปราศจากคำข่มขู่ บังคับ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ต้องการ และเป็นการกระทำที่ไม่มีความเป็นธรรม
ซัดอย่าทำตัวเป็นโฆษกรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เดิมทีดีเอสไอ ไม่เคยพูดถึงภรรยาของนายหรั่ง เลยว่า มีส่วนร่วมหรือกระทำความผิดแต่อย่างใด แต่เมื่อประชาชนจับได้ไล่ทันว่า การแถลงข่าวของนายธาริต เป็นการแถลงฝ่ายเดียว เพียงแค่หวังผลทางการเมือง มากกว่าหวังผลในรูปคดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
" เรื่องนี้ ส.ต.รชต และนายสมศักดิ์ วงศ์ยอด พี่ชายของ ส.ต.รชต ยืนยันถึงที่อยู่แน่นอนว่า ในระหว่างเกิดเหตุ แต่ดีเอสไอจัดแถลงฝ่ายเดียวทำนองเดียวกัน จึงขอเรียกร้องให้นายธาริต ทำหน้าที่บนพื้นฐานบนข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และวางตัวเป็นกลาง ไม่ควรแถลงข่าวรายวันเสมือนการปรักปรำผู้ต้องสงสัย เพราะตราบใดที่ศาลไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่าบุคคลทั้งสองกระทำความผิดต้องถือว่าทั้ งสองยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และที่สำคัญนายธาริต ควรสำนึกในหน้าที่ ว่าตนเองเป็นอธิบดีดีเอสไอ ไม่ควรทำตัวเหมือนโฆษกรัฐบาลอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง" นายพร้อมพงศ์กล่าว
ตั้ง"พล.ร.7"หวังผลทางการเมือง
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวกรณีที่กองทัพบกเตรียมเสนอให้รัฐบาลตั้งกองพลทหารราบ ที่ 7 เพื่อคุมพื้นที่ภาคเหนือ ว่าแม้คนในกองทัพจะออกมาปฏิเสธ ว่ามีแนวคิดจะตั้ง พล.ร.7 ดังกล่าว มาก่อนจะเกิดเสื้อเหลืองเสื้อแดง เพื่อเป็นแผนรองรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และเพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติดและปัญหาแนวชายแดนภาคเหนือ แต่เท่าที่ทราบ จุดประสงค์เดิมของการจัดตั้งกลับเปลี่ยนไปเพราะต้องการให้หน่วยงานดังกล่าวมาใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชนที่คิดต่างจากรัฐบาล รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือ และกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า มองว่าการเสนอจัดตั้ง พล.ร.7 เป็นข้ออ้างบังหน้า เพราะภารกิจที่กล่าวมานั้นหน่วยงานของกองทัพภาคที่ 3 สามารถดูแลพื้นที่ได้เพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งกองพลทหารขึ้นมาใหม่ โดยจะบรรจุอัตรากำลังพลถึง 8 พันนาย ถือเป็นการผลาญงบประมาณจากเงินภาษีของประชาชนอย่างไม่มีเหตุผล เพียงหวังผลทางการแสนอเมืองเท่านั้นเอง
ชวนทุกภาคส่วนออกโรงต้าน
" ขอคัดค้านการจัดตั้ง พล.ร.7 และขอเรียกร้องให้ประชาชน องค์กรทุกภาคส่วน นักวิชาการและสื่อสารมวลชนออกมาคัดค้านแนวคิดหลุดโลกดังกล่าว เพราะแนวคิดตั้ง พล.ร.7 ไม่สอดคล้องกับแผนปรองดองและแผนปฏิรูปประเทศไทยของรัฐบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะเป็นการสร้างบรรยากาศในการกดดันประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือให้มีความรู้สึกต่อต้านกองทัพและรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ และประชาชนในระยะยาว" นายพร้อมพงศ์กล่าว
โฆษก พท.กล่าวว่า คนในกองทัพหวังใช้ พล.ร.7 สำหรับเป้าหมายการสกัดคนเสื้อแดง และสลาย การใช้งบประมาณจำนวน 1 หมื่นล้าน ทั้งที่สภาพทางเศรษฐกิจของประเทศก็ยังย่ำแย่และงบประมาณที่จะใช้พัฒนาด้านอื่นน้อยอยู่แล้วแสดงให้เห็นแนวคิดผู้มีอำนาจในกองทัพและในรัฐบาลชุดนี้ว่า กำลังมองประชาชนที่คิดต่างเป็นศัตรูของชาติ รวมทั้งใช้จ่ายงบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยไม่มีเหตุผล ทั้งที่ประชาชนยังยากจนอยู่ เพื่อหวังผลเพียงให้รัฐบาลตนเองอยู่ในอำนาจนานที่สุดเท่านั้นเอง
อดีต"มทบ.3"หนุนตั้งราบ 7
พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ในฐานะที่เคยทำงานในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ดังนั้นคิดว่าควรตั้งขึ้นมาอีกกองพลหนึ่ง ซึ่งคงไม่เกี่ยวกับการตั้งขึ้นมาปราบใคร เพราะปัญหาทางภาคเหนือมีเยอะ และทางภาคเหนือมีทางราบอยู่แค่กองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) กองพลเดียว หากเศรษฐกิจดีมีงบประมาณที่จะจัดตั้ง พล.ร.7 เพิ่มขึ้นมาที่กองทัพภาคที่ 3 ถือเป็นเรื่องดีและไม่น่าเสียหายอะไร เพราะทรัพยากรคนเราก็มีพร้อม
"กองทัพภาคที่ 2 ก็รับผิดชอบจังหวัดเท่าๆ กัน แต่เขามี 2 กองพลคือ กองพลทหารราบที่ 3 (พล.ร.3) และกองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6) แต่ภาคเหนือกลับมีกองพลเดียวคือ พล.ร.4 อย่างไรก็ตาม การเตรียมการตั้งกองพลทหารราบขึ้นมาอีกกองพลที่ภาคเหนือไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะมีอยู่ในแผนและมีการหารือกันมานานแล้ว โดยมีแนวคิดว่า น่าจะมี 2 กองพลทหารราบ เพราะทางภาคเหนือมีปัญหาเยอะ มีทั้งปัญหายาเสพติด ปัญหาชายแดน แต่ที่ยังไม่มีการตั้งเพราะติดแค่เรื่องงบประมาณและปัญหาทางเศรษฐกิจ" อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
ส.ส.พะเยาประชดให้ตั้ง10กอง
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พท. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้ง พล.ร.7 ในลักษณะประชดประชันว่า เห็นด้วยและรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุน โดยเฉพาะการจัดตั้งกองพลเป็นกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลขึ้นในภาคเหนือ เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงทุกฝีก้าว เป็นการควบคุมกลุ่มบุคคลที่รัฐบาลมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งคิดว่านอกจากจะตั้งที่ จ.เชียงใหม่ หนึ่งกองพลแล้วคงไม่พอ จะต้องตั้งทั่วประเทศประมาณ 10 จุด 10 กองพล งบประมาณในวงเงิน 100,000 ล้านบาท คงไม่เป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลที่เกรงกลัวกลุ่มเสื้อแดงอยู่ทุกเมื่อ
นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เมื่อมีการจัดตั้งกำลังพลขึ้นครบ 10 กอง ทั่วประเทศแล้ว ผบ.ทบ. ควรจะพิจารณาจัดหาซื้อรถหุ้มเกราะจากยูเครน เพื่อมาเสริมกองกำลังให้เข้มแข็งและดูเกรียงไกรมากยิ่งขึ้น เมื่อกองกำลังพลมีความเข้มแข็งการปราบปรามผู้ก่อการร้าย และกลุ่มเสื้อแดงคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรัฐบาลอีกต่อไป
" เมื่อรัฐบาลกระทำเสมือนว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบบทหาร ก็ควรทำให้เต็มรูปแบบ ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ เพราะผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนควรได้รับรู้ความจริงที่ว่า รัฐบาลต้องการกดทับกลุ่มเสื้อแดง หรือผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างให้ไม่มีอิสระในการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ด้วยกำลังทหารและอำนาจที่มีในมือ เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาลในการปกครองประเทศต่อไป "นายวิสุทธิ์กล่าว
"ปณิธาน" เผยแผนตั้งแต่2ปีก่อน
นายปณิธาน วัฒนายกร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การตั้งพล.ร.7 เป็นแผนพัฒนากำลังพลที่มีมานานแล้ว ต้องทำตามกรอบและแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งจำได้ว่า แผนพัฒนากองทัพมีมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยวัตถุประสงค์หลักจะทำหน้าที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย -พม่า ปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น
"ส่วนที่โดนตั้งแง่ว่า พล.ร.7 จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยหยุดการขับเคลื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ถ้าเกี่ยวกับคนเสื้อแดงจริงจะเป็นการทำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่ต้องเข้าไปดูแล ถ้าตั้ง พล.ร.7 แล้วให้ กอ.รมน.เข้าไม่ใช้ก็โอเค แต่คงไม่ใช่เรื่องที่จะให้ กอ.รมน.เข้าดูแล อีกทั้งปัญหาชายแดนไทย-พม่า มีความซับซ้อนมากกว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เสียอีก" นายปณิธานกล่าว
ที่มา.มติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น