--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อำนาจใหม่ผลัดใบ

“สมบัติผลัดกันชม” นั่นคือธรรมชาติแห่งการ เมืองโลก ถ้าจดจ่อจนหูดับ ทำใจยอมรับไม่ได้ วิบากกรรม ที่กำลังเกิดกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯมันก็น่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าคำตอบสุดท้ายของการฝืนสัจธรรมประชาธิปไตยจะลงเอยในสภาพใด

แต่ดูเหมือนบทเรียนอำนาจในวันวาน มันไม่ได้ทำให้ตัวละครบนหน้าฉากอำนาจใหม่ยี่หระ ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้ นักการเมือง ถลำลึกเสพติดอำนาจอย่างงอมแงม มิต่างไปจากมิจฉาทิฐิในจิตใจขั้วอำนาจเก่าแม้แต่น้อย

ความทะยานอยากในการลากยาวอำนาจ ยังคงมุ่งมั่นใส่เกียร์ห้า เดินหน้าแล้วฆ่ามันเพื่อให้ไปถึงหลักกิโลเมตรแรกแห่งฝั่งฝันในห้วงสิงหาฯ กลางปีหน้าให้จงได้!!!

ขบวนคาราวานคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่า ถูกปล่อยออกจากครรภ์รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อันมีหลักชัยเดียว กันและเงื่อนเวลาในการปฏิบัติภารกิจที่ผูกโยงกันอย่างเหมาะเจาะ ในการนำพาสยามประเทศไปสู่ความปรองดอง กระนั้นก็ตาม ข้ออ้างแห่งการปรองดอง ยังมีเควสชั่น “มาร์ค” ว่าความจริงแล้วมันคือเป้าหลักหรือเป้าหลอกทางการเมือง???

เพราะความจริงที่รัฐบาลยังพูดไม่ชัดและพูดไม่หมด นั่นคือ สิงหาฯ กลางปีหน้า ประเทศนี้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงอย่าง ที่ประชาชนคาดหวังหรือเปล่า???

เนื่องด้วยงบประมาณรัฐสวัสดิการจำแลง 3 แสนล้านที่โปรยปรายดั่งพระพิรุณ ลงสู่กลางใจรากหญ้า มันยังไม่สามารถตอบ โจทย์ “เหลื่อมล้ำ” ของฝ่ายกุมอำนาจประเทศ ได้อย่างชัดเจน จนรากหญ้าผู้ภักดีต่อ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” จะยอมถอด “เสื้อคลุมแดง” และเปลี่ยนมาสวมใส่ยูนิฟอร์ม “สีฟ้า” หรือ “สีน้ำเงิน” ตามที่ “อภิสิทธิ์แอนด์เดอะแก๊ง” หวังใจไว้

ประกอบกับทางแยก ทางเบี่ยงบนไฮเวย์ การเมืองอันยาวไกล รถบรรทุกนักเลือกตั้งพะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” และ “เพื่อไทย” ก็พร้อมจะพลิกคว่ำพลิกหงายและพร้อมยุบได้ทุกเมื่อ ส่งผลให้รถ สำรองอย่าง “ภูมิใจไทย” และ “เพื่อแผ่นดิน” พร้อมจะตีรถเปล่า กลับมาช้อนรับสินค้าจากรถบรรทุกใหญ่ที่จอดตายอยู่กลางทาง

หากสมมติฐานดังกล่าวไม่ผิดพลาดหรือแม้ผิดแค่ครึ่ง มันก็ย่อมเอื้ออำนวยให้ พรรคไซส์เอ็มคู่นี้ ต่างอ้วนพีราศีจับขึ้นมาในพลัน เมื่อโมเมนตัมดุลอำนาจเปลี่ยน “รัฐนาวาเทพประทาน” ย่อมมีอานิสงส์โน้มเอียงไปตามลมฟ้าอากาศเช่นเดียวกัน แต่จะ ถึงขั้นล่มกลางอ่าวหรือไม่นั้น คงต้องยกหูถามกระตังค์ 4 แสนล้านในกระเป๋า “เสี่ยมอนเตรเนโกร” ว่ายังคงอิทธิฤทธิ์ ต่อ“ผู้ทรงเกียรติ” ได้ดังเดิมหรือไม่???

แต่ที่น่าสนใจคือ อาการไม่ยอมตก “รถด่วนขบวนรัฐบาล แห่งชาติ” ของ “พ่อใหญ่จิ๋ว-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” เพราะถ้าหากเงื่อนไขโน้มเอียงไปข้างไหนไม่ว่าจะเป็น “สวรรค์” หรือ “นรก” ตำหรับ “ยาสามัญประจำบ้านยี่ห้อจิ๋ว” ก็น่าจะเป็นยาวิเศษชุดพิเศษในการเยียวยาอำนาจไม่ให้ทะลักออกจากมือฝ่ายกุมอำนาจประเทศ

ด้วยกระบวนการอำนาจที่เคลื่อนอย่างมีนัย สุดท้ายปริศนาการเมือง ล้วนรวมศูนย์ย้อนกลับมาที่คำถามเดิมๆ นั่นคือ...สิงหาฯ กลางปีหน้าประเทศนี้จะมีการเลือกตั้ง เกิดขึ้นจริงหรือไม่???

โฟกัสแรกที่พอจะบอกใบ้ปริศนานี้ได้ มันก็น่าจะเป็น ท่าทีเอิ๊กอ๊ากเป็นพิเศษระหว่าง “เนวิน ชิดชอบ” กับ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ว่าที่จ่าฝูงกองทัพบก รวมไปถึงข่าวลือเรื่องรางวัลปลอบใจใน เก้าอี้ รมช.กลาโหมของ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”

หรือแม้กระทั่ง ราศีเจ้ากรมปทุมวันที่ฉายจับไป ที่ “พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง” ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ “เพื่อนเนวิน” มันก็พอจะพิสูจน์ทราบได้ถึงเค้าโครงแห่งวาระผลัดใบอำนาจพิเศษในอุ้งมือขั้วอำนาจใหม่

บนเกมลากยาวที่บรรทัดสุดท้ายต้องไม่มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”
ที่มา.สยามธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น