--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ต่างชาติ รุมถล่มยับ!! รัฐบาลซุกสลายชุมนุม

กระแสฟุตบอลโลก ก็ยังช่วยกลบไม่ไหว

รัฐบาลมาร์คเจอเผือกร้อนอีกฉากใหญ่ เอ็นจีโอสากล ระบุชัด มุ่งกลบเกลื่อนเหตุการสลายการชุมนุมพฤษภาอำมะหิต ทั้งๆ ที่มีผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิตมากมาย โดยเฉพาะกรณีที่วัดปทุมวนาราม

การเมือง ณ วินาที กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากที่จะสนใจ ว่ารัฐบาล หรือ ศอฉ. จะแสดงพลังอำนาจอะไรอีก เพราะกระแสฟุตบอลโลก ได้มากลบบรรยากาศทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าปลาหมึกยักษ์ “พอล” น่าสนใจกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยเป็นกอง

ยิ่งระหว่างปลาหมึก กับ ไก่อูด้วยแล้ว ยิ่งหนังคนละม้วน

เพราะปลาหมึกพอง ดังเพราะความสามารถจริง ส่วน ไก่อูนั้น ดังเพราะฉวยโอกาสสร้างกระแสเสียมากกว่า

ยิ่งหลังจากที่ทีมสเปนเฉือนเอาชนะทีมเยอรมัน 1-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ แล้วทำให้ผลการทำนายของปลาหมึก พอล แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ยิ่งทำให้เรทติ้งความดังของ พอล ยิ่งพุ่งกระฉูด

บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจ รายงานข่าวปลาหมึกพอล ว่าได้ทำสถิติทายถูกทั้ง 6 นัดที่เยอรมันลงสนาม นั่นก็คือชนะ 4 และแพ้อีก 2

แม้ว่าแฟนบอลอินทรีเหล็กที่อยู่ใสนามโมเซส มาบิดา สเตเดี้ยม อุตส่าห์ชูป้ายว่าคำทำนายของปลาหมึกพอลผิดแน่นอน แต่สุดท้ายเป็นปลาหมึกที่ทำนายได้ถูกต้อง

ดังนั้นตอนนี้ มีแต่คนสนใจลุ้นว่า คู่ชิงชนะเลิศ ระหว่าง สเปน กับ ฮอลแลนด์ สุดท้ายแล้วใครจะคว้าแชมป์มาครองกันแน่ ซึ่งไม่ว่าใครได้แชมป์ก็ตาม ก็ล้วนแต่จะเป็นการเพิ่มสถิติครั้งใหม่ให้กับฟุตบอลโลกทั้งสิ้น เนื่องจากทั้ง 2 ทีมยังไม่เคยมีใครได้แชมป์ฟุตบอลโลกมาก่อนเลย

แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 จึงจะเท่ากับว่า เป็นแชมป์ครั้งแรก เปิดซิงให้กับทีมเลยทีเดียว

และเพราะฟุตบอลโลกน่าสนใจแบบนี้แหละ ที่ทำให้การเมืองถือเป็นช่วงปลอด ขนาดต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คนส่วนใหญ่ก็บอกว่า... แน่นอนอยู่แล้ว รู้อยู่แล้ว ว่าต้องออกมาเช่นนี้แน่

แม้จะมีกระแสข่าวว่า จริงๆ แล้ว ศอฉ.เสนอให้ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 24 จังหวัด แต่นายอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วย จึงตัดสินใจให้คงไว้เพียง 19 จังหวัด แต่ก็ถูกมองว่า ก็แค่เกมลดแรงกดดันทางการเมืองเท่านั้น

พรรคเพื่อไทยถึงกับระบุว่า จริงๆ แล้วเดิมทีตั้งแต่แรกรัฐบาลมีเป้าอยู่แล้วว่าจะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ 19 จังหวัด แต่เพื่อจะให้ดูดีว่า เห็นมั้ยแคร์ในเรื่องนี้จริงๆ จึงได้ให้ ศอฉ.เสนอมา 24 จังหวัด จะได้เห็นว่า รัฐบาลทำเพื่อประชาชน โดยยอมเห็นแตกต่างจาก ศอฉ.

แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ได้สวนหรือหักมติอะไรทั้งนั้น... ก็แค่เกม แค่เพียงการสร้างข่าวเท่านั้น

เพราะหากรับฟังความเห็นประชาชนจริงๆ จะต้องรู้อยู่แก่ใจว่า แม้แต่โครงการ 6 วัน 63 ล้านความคิด ยังมีการเรียกร้องให้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นักวิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ ก็เห็นพ้องว่าควรยกเลิก แต่สุดท้ายรัฐบาลก็คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้อยู่ดี

ฉะนั้นไม่แปลกที่ เมื่อท่าทีของรัฐบาลไม่อีนังขังขอบกับเรื่องการใช้อำนาจ แถมยังไม่สนใจที่จะตรวจสอบความจริงในการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต ทั้งๆ ที่ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดองได้ หากความจริงกระจ่าง

เมื่อรัฐบาลทำเฉยๆ ตีกรรเชียง เรื่อยๆ ไปเรียงๆ กับการทำความจริงให้กระจ่าง เลยทำให้กลุ่มเอ็นจีโอ “International Crisis Group” หรือ “ไอซีจี” องค์กรพัฒนาเอกชนชื่อดัง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ในประเทศเบลเยียม ได้ออกรายงานฉบับล่าสุด ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงทางการเมืองของไทย ในช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ที่ผ่านมา

รายงานฉบับดังกล่าวของไอซีจีมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่อ้างว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ออกมาปกป้องกองทัพโดยพยายามระบุว่า ฝ่ายทหารจำเป็นต้องใช้ "กระสุนจริง" ยิงเข้าใส่ "กลุ่มคนเสื้อแดง" เนื่องจากมี "พวกผู้ก่อการร้าย" แฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม

ไอซีจีระบุว่า ท่าทีของรัฐบาลไทย ดูเหมือนจะขัดแย้งกับข้อมูลของบรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหลายที่ยืนยันว่า การตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองของทางการไทยนั้นเป็นการกระทำที่รุนแรง “เกินขอบเขตอันสมควร”

เนื่องจากมีการยืนยันมากมาย ทั้งจากบรรดาผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ และผู้สังเกตการณ์จากหลายประเทศที่ระบุตรงกันว่า กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่นั้นปักหลักสู้กับทหารด้วย “มือเปล่า” หรือไม่ก็มีเพียงหนังสติ๊ก และประทัดเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายทหารกลับมีการยิงกระสุนจริงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธทั้งที่มีผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย

ขณะเดียวกัน ไอซีจี ยังตั้งข้อสงสัยถึงคำกล่าวอ้างของรัฐบาลไทยที่ระบุว่ามีกลุ่มติดอาวุธยิงอาวุธประเภท “ลูกระเบิด” ขนาดต่างๆ มากกว่า 100 ลูกเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารตลอดระยะเวลา 6 วันของการเผชิญหน้ากัน

องค์กรเอ็นจีโอชื่อดังแห่งนี้ ยังประณามเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ภายในบริเวณวัดปทุมวนารามในช่วงค่ำของวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีพลเรือนถูกยิงเสียชีวิตถึง 6 รายรวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย 1 ราย และพยาบาลอาสาอีก 2 รายเช่นกัน

ขณะที่สถาบัน “The International Press Institute” หรือ “ไอพีไอ” ซึ่งเป็นองค์กรด้านการปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชนระดับโลกที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1950 และมีสมาชิกในกว่า 120 ประเทศได้ออกมาเผยแพร่รายงานที่อ้างว่ามาจากคำบอกเล่าของนายไมเคิล มาส ผู้สื่อข่าวชาวเนเธอร์แลนด์ที่เดินทางเข้ามาทำข่าวเหตุการณ์รุนแรงในไทยในช่วงที่ผ่านมาที่ออกมาระบุว่าทหารไทย “จงใจ” ยิงผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติระหว่างเข้าปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งทำให้มีผู้สื่อข่าวบาดเจ็บหลายราย ขณะที่ตัวของนายมาสเองก็ถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิด “เอ็ม 16” โดยกระสุนทะลุเฉียดปอดของเขาไปเพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น

หลังหมดกระแสฟุตบอลโลกเมื่อไหร่ สงสัยว่ารัฐบาลมาร์ค คงต้องเจอศึกหนักเรื่องการสลายการชุมนุมแน่ๆ

ไม่รู้ว่า หากจะให้ปลาหมึกพอลมาทำนายอายุรัฐบาลนายอภิสิทธิ์... พอลจะรู้มั้ยนะ???
ที่มา.บางกอกทูเดย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น