--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กกต.ชี้ยุบพรรขึ้นกับศาล ไม่เกี่ยวคดีทีพีไอ

กกต.ลั่นดีเอสไอไม่ฟ้องทีพีไอ โพลีน ไม่ส่งผลคดียุบพรรค ระบุยุบหรือไม่ เป็นเรื่องของศาล เตือนการเมืองอย่าชี้นำคดี

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ว่าจ้างบริษัท แมชไซอะ บิซิเนสแอนครีเอชั่นจำกัด ทำสื่อโฆษณา ว่า เรื่องดังกล่าวนี้ไม่น่าจะมีผลต่อคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือว่าเป็นคนละส่วนกัน เนื่องจากกรณีดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ดีเอสไอตรวจสอบแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงส่งมาให้กกต.ตรวจสอบ เมื่อกกต.ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการบริจาคเงิน 258 ล้านบาท ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้มีการแจ้ง หรือรายงานเข้าให้กกต.ทราบตามที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นคนละส่วนกับที่ดีเอสไอ ตรวจสอบ ว่าน่าจะมีการไซฟอนเงินและเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องของดีเอสไอ ที่ต้องไปดำเนินการ หากไม่ดำเนินไม่ดำเนินการก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ

เมื่อถามว่า ทางดีเอสไออ้างงว่าหลักฐานที่มีอยู่เป็นเพียงการกล่าวอ้างของบุคคล จึงยังไม่สามารถนำไปฟ้องได้ นางสดศรี กล่าวว่า หลักฐานที่มีหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ศาล ซึ่งเราจะไม่ก้าวล่วงขึ้นอยู่ที่ศาล กกต.ไม่ชี้นำ ส่วนดีเอสไอจะชี้นำศาลก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ ซึ่งศาลจะพิจารณาตามที่หลักฐานที่อัยการสูงสุดที่ส่งไป โดยคดีนี้จะหลุดหรือไม่หลุดอยู่ที่ศาล

“ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ที่ศาลแล้ว ควรที่จะยุติ เราไม่ควรที่จะนำมาพูดแล้ว ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้เอง ส่วนจะแพ้หรือชนะกกต.คงไม่ไปชี้นำ ส่วนที่หลายคนมองว่ามีกระบวนการที่กดดันศาลนั้น เห็นว่า ตอนนี้มีการนำการเมืองมาเล่นกับคดี แต่ศาลก็ต้องพิจารณาไป ซึ่งการชี้นำ เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบทั้งที่ต่างฝ่ายต่างมีข้อต่อสู้ที่จะนำเข้าสู่กระบวนการ โดยศาลจะเป็นผู้ชี้ทางเองว่าถูกหรือผิดอย่างไร การจะยุบหรือไม่ยุบไม่ต้องเดือดร้อน เป็นเรื่องอนาคตข้างหน้าและเป็นการทำตามหน้าที่หน้าที่ใครหน้าที่มัน ซึ่งเรื่องนี้กกต.ไม่ได้ทำเองเป็นเรื่องที่ดีเอสไอ ส่งมาให้กกต.ดำเนินการ ถ้าจะมองว่าใครเป็นคนต้นเรื่องก็น่าจะเป็นดีเอสไอ เพราะกกต.ทำเองไม่ได้หากไม่มีคนร้อง ” นางสดศรี กล่าวว่า

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวกรณีนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นความผิดแค่ตัวบุคคลไม่ถึงยุบพรรค และกรรมการบริหารพรรค นางสดศรี กล่าวว่า เงินบริจาคต้องสอบสวนก่อนว่าจะถึงตัวบุคคลหรือไม่ เรื่องนี้ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐาน รวมถึงข้อต่อสู้ต่อไปว่ากรรมการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์จะมีส่วนเกี่ยวข้อง และรู้เห็นหรือไม่ก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ส่งไป

เมื่อถามย้ำถึงนักวิชาการออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีทางรอดการยุบพรรค เพราะพ.ร.บ.พรรคการเมืองขัดกับรัฐธรรมนูญนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ก่อนที่จะออกมาเป็นพ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2550 เรื่องนี้ได้มีการดำเนินในชั้นของสภาและต้องส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาภายใน 30 วัน ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ เพราะฉะนั้นเมื่อผ่านกระทบวนการนี้มาแล้วก็ไม่น่าจะขัดกฎหมาย เพราะศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลับไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 141 ก่อนที่จะออกมาพูด

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น