--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

'พร้อมพงศ์ ' ซัดเทพไทกุข่าวกองกำลังหวังผลการเมือง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกประจำตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีการซ่องสุมกำลังและฝึกใช้อาวุธของคนเสื้อแดงจำนวน 3 จุด ซึ่งเจ้าของพื้นที่ต่างๆ ทั้งตำรวจสันติบาล แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาปฎิเสธข่าวทั้งหมดแล้ว และส่วนของจุดที่ถนนคู้บอน 53 เขตคันนายาวนั้น ตนมีรูปภาพมายืนยันว่าการฝึกดังกล่าวนั้น เป็นโครงการฝึกอบรมตำรวจบ้านเพื่อป้องกันอาชญากรรม ทุกคนเป็นชาวบ้านอาสามาด้วยใจเพื่อปกป้องชุมชน ซึ่งการที่คนของรัฐบาลออกมาให้ข่าวเช่นนี้เป็นการตี 2 หน้า ทำไปเพื่อวัตถประสงค์สร้างความชอบธรรมในการยืนอายุพรก.ฉุกเฉินฯออกไป และอีกอย่างก็คือหวังผลในการทำลายความชอบธรรมของนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. ที่ลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย การให้ข่าวทั้งหมดตนได้รวบรวมเป็นหลักฐานแล้วและจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกกต.ในสัปดาห์หน้า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ เป็นอธิบดีนั้น ทราบว่าได้มีการประชุมรวมหน่วยงานสอบสวน เพื่อที่จะเร่งทำคดีล้มเจ้า ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีแผนผังที่มีรายชื่อบุคคลดังกล่าวออกมา เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าการทำงานของนายธาริตนั้น กำลังทำให้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลเท่านั้น เนื่องจากมีคดีที่คืบหน้าคือคดีก่อการร้าย และตอนนี้ก็กำลังจะทำคดีล้มเจ้า แต่คดีที่มีคนตายกว่า 90 ศพ และมีคนบาดเจ็บอีกเป็นพันคน จากเหตการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค. กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่ตนได้ไปยื่นเรื่องเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ซึ่งตนได้ตั้งทีมงานติดตามการทำงานของดีเอสไอและนายธาริต หากพบว่าต่อไปนี้คดีต่างๆที่เราไปยื่นไม่มีความคืบหน้าก็จะดำเนินการเอาผิดต่อนายธาริตต่อไป

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการที่รัฐบาลแต่งตั้งตำแหน่งสบ.10 หรือเทียบเท่าตำแห่งรองผบ.ตร.นั้น ก็ชัดเจนว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนบันได 3 ขั้น ที่จะเอาคนของตัวเองเข้าไปมีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บันไดขั้นที่ 1 คือ ตั้งตำแหน่งสบ. 10 ขึ้นมาเพื่อเป็นเส้นทางลัดในการเอาคนของตัวเองขึ้นสู่อำนาจ ขั้นที่ 2 คือเมื่อมีตำแหน่งแล้วก็จัดการเลือกคนของตัวเองล็อกสเป็คให้มารับตำแหน่ง และขั้นที่ 3 ก็คือเมื่อถึงเวลาที่จะมีการโยกย้ายก็จะให้คนของตัวเองที่เตรียมไว้ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการทำลายระบบระเบียบ และระบบอาวุโสของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจที่จะปฏิรูปตำรวจ ซึ่งตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจทั้งที่รับราชการอยู่ และเกษียณอายุไปแล้ว ซึ่งเขาทนเห็นรัฐบาลปู๊ยี่ปู๊ยำสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ จึงต้องการให้ฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าคณะกรรมการร่วมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้งและอัยการสูงสุด ในการพิจารณาสำนวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีเงินอุดหนุนพรรคการเมือง 29 ล้าน ได้มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนในฐานะที่เป็นโฆษกคณะทำงานติดตามคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขอชื่นชมการทำงานในครั้งนี้ เพราะคดีนี้เป็นที่จับตาของประชาชนทั่วไปอยู่ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ไปก็ต้องรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

ที่มา.ข่าวเพื่อไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น