--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ต้องตอบสังคม

โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน

กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ส่งหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้เร่งฟ้องแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน เพราะหากอัยการส่งฟ้องไม่ทันก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน เพราะอัยการถือเป็นองค์กรอิสระเช่นเดียวกับฝ่ายตุลาการ รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงได้เฉพาะกรณีที่เป็นแง่ดีกับผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น เช่น ต้องการให้ปล่อยตัว หรือไม่ส่งฟ้อง หรือกรณีเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้มีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำ นปช. รวม 19 คน ในความผิดฐานร่วมกันหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด หรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดฐานก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2, 135/3 ประกอบมาตรา 83, 84, 85 และมาตรา 86

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับนายพีระพันธุ์ เพราะถือเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบยุติธรรม ทำให้อัยการขาดความเป็นอิสระในการพิจารณาสั่งคดี และถูกกดดันให้ต้องสั่งคดีให้ทันภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งอำนาจของพนักงานอัยการมีความเป็นอิสระและไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงยุติธรรม

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. ตำหนิการกระทำของนายพีระพันธ์ว่าเป็นความอยุติธรรมอย่างชัดเจน ทั้งที่ยังไม่มีการสอบพยานทั้งชั้นพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยิ่งเห็นชัดเจนว่าเลือกปฏิบัติและเป็นคนละมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้นายจตุพรยังกล่าวหานายพีระพันธ์ว่า โทรศัพท์ไปถึงนายประจวบ สังข์ขาว ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่รู้ว่าโทร.ไปเพื่ออะไร และในฐานะอะไร โดยมีหลักฐานทั้งเบอร์โทรศัพท์และวันเวลาที่โทร. โดยจะเปิดเผยในวันถามกระทู้ ทั้งยังกล่าวหาว่ามีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดพิเศษ (ดีเอสไอ) นำข้อมูลและคำให้การพยานซึ่งอยู่ในขั้นตอนการคุ้มครองพยานให้ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์

หากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องที่น่าอัปยศและเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่แล้ว ยังถือว่ามีความผิดทั้งทางกฎหมายและแง่จริยธรรมอีกด้วย ซึ่งนายพีระพันธ์และรัฐบาลต้องมีคำตอบให้กับสังคมเช่นกัน

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น