--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปชช. 63% รับไม่ได้นักการเมืองปากพล่อย ดูหมิ่นถากถาง มีเล่ห์เหลี่ยม จี้ให้เร่งปรองดอง เลิกทุจริต งดใส่ร้ายป้ายสี

มติชนออนไลน์

สวนดุสิตโพลแถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เรื่อง "พฤติกรรมนักการเมืองในสายตาประชาชน" จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 2,354 คน ระหว่างวันที่ 10-14 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า พฤติกรรมการกระทำของนักการเมืองที่ไม่ดีที่ประชาชนเคยพบเห็น ส่วนใหญ่ 63.84% คือ พูดจาไม่สุภาพ ดูหมิ่น ถากถาง และมีเล่ห์เหลี่ยม รองลงมา 21.27% คือ ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟังประธานรัฐสภา และขาดความรับผิดชอบ กรณีออกจากที่ประชุม หรือวอล์กเอ๊าต์, ตามด้วยการชกต่อย ใช้กิริยาไม่เหมาะสม 10.76%

ส่วนพฤติกรรมที่ดีของนักการเมืองที่ประชาชนพบเห็นนั้น ส่วนใหญ่ระบุว่า มีความนอบน้อมถ่อมตน สุภาพ เป็นกันเอง 33.19% ตามด้วยการพูดจริง ทำจริง รักษาคำพูด 24.08% และมีความทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจ 23.53%

ขณะที่พฤติกรรมที่ทำลายภาพลักษณ์ของนักการเมือง คือ การทะเลาะกันในที่สาธารณะ สูงถึง 42.38% ตามด้วยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น 30.57% และการพูดให้ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม 17.64% ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่ถูกต้อง ก้าวก่ายการทำงานในหน่วยงานต่างๆ 9.41%

นอกจากนี้ ประชาชนยังมองว่าพฤติกรรมของนักการเมืองที่ควรแก้ไขและเปลี่ยนแปลงเร่งด่วน คือ การขาดความสามัคคี ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน 40.21% การแสวงหาประโยชน์ส่วนตน และทุจริตคอร์รัปชั่น 31.36% การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่ถูกต้อง 15.21% ขาดคุณธรรม และจริยธรรมทางการเมือง 13.22% ส่วนพฤติกรรมของนักการเมืองที่ประชาชนคาดหวัง ส่วนใหญ่ระบุ อยากให้มีความสามัคคี ไม่แบ่งพรรคพวก ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน

ขณะที่นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง "ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นและฐานสนับสนุนทางการเมือง" กรณีศึกษาผู้มีสิทธิเลือกตั้งและกลุ่มนิวเจนที่จะมีสิทธิในอีก 3 ปีข้างหน้าใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,250 ตัวอย่าง ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชน 42% คิดว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ มี 38.8% ระบุไม่แน่ใจ และมีเพียง 19.2% ที่ไม่คิดเช่นนั้น เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นในการทำธุรกิจจำแนกตามอาชีพ พบว่า พนักงานบริษัท 51.4% คิดว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ข้าราชการ 26.6% ไม่คิดว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อพิจารณาจุดยืนทางการเมืองของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า 21.2% ระบุจุดยืนทางการเมืองของตนคือสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในขณะที่ 17% ระบุไม่สนับสนุน แต่ตัวอย่างส่วนใหญ่คือ 61.8% ไม่อยู่ฝ่ายใด (พลังเงียบ) เมื่อจำแนกจุดยืนทางการเมืองของตนเองในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันตามระดับการศึกษา พบว่า คนจบสูงกว่าปริญญาตรี 41.7% ระบุสนับสนุนรัฐบาล จบปริญญาตรี 30.9% ระบุสนับสนุนรัฐบาล ต่ำกว่าปริญญาตรีมีเพียง 19.5% เท่านั้นที่ระบุสนับสนุนรัฐบาล

เมื่อจำแนกจุดยืนทางการเมืองของตนเองในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันตามที่พักอาศัย พบว่า คนที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร มีเพียง 13% เท่านั้น ที่ระบุสนับสนุนรัฐบาล นอกเขตเทศบาล 17% และคนที่พักอาศัยอยู่ในเขตเทศบาล 28.6% ระบุสนับสนุนรัฐบาล

คำถามถึงพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือก ส.ส.แบบสัดสัดส่วนถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จำแนกตามช่วงอายุ พบว่า กลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และอายุ 25 ปีขึ้นไปตั้งใจจะเลือกพรรคเพื่อไทย คิดเป็น 45.1% และ 47.5% ตามลำดับ และเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และอายุ 25 ปีขึ้นไป คิดเป็น 42.7% และะ 40.6% ตั้งใจจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์
***************************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น