--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชัยชนะที่พ่ายแพ้

โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน

ช่วง 2 วันที่ผ่านมา นายอดัม คาเฮน นักสร้างกระบวนการแก้ปัญหาความขัดแย้งระดับโลกด้วยสันติวิธี ได้เป็นวิทยากรรับเชิญที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในเวทีเสวนาหัวข้อ “เราจะส่งมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน” โดยได้ถอดบทเรียนความขัดแย้งระดับโลกและเสนอยุทธศาสตร์ “ห้องปฏิบัติการเพื่อการเปลี่ยนแปลง” เพื่อแก้ปัญหาให้กับสังคมไทย แม้นายคาเฮนจะออกตัวว่าไม่รู้ลึกซึ้งในสถานการณ์ความขัดแย้งของไทย แต่จากประสบการณ์ 20 ปีที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่การเจรจา หรือ “การสานเสวนา” เพื่อถอดชนวนการแตกหัก โดยทุกฝ่ายต้องพูดด้วยความเข้าใจและฟังด้วยความลึกซึ้งด้วย “อำนาจและความรัก”

ไม่ใช่ใช้อำนาจหรือการปราบปราม แต่ต้องใช้ความรักและวิธีการที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์และสร้างพลังให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมตัดสินใจอย่างเป็นเอกภาพ อย่างปัญหาในแอฟริกาใต้ที่พูดกันเล่นๆว่ามี 2 ทางเลือกคือ 1.เชิงปฏิบัติ คือให้ทุกคนคุกเข่าอ้อนวอนให้เทวทูตมาช่วยแก้ปัญหา และ 2.เชิงปาฏิหาริย์ คือต้องหาทางเดินไปร่วมกัน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือการทำงานเชิงปาฏิหาริย์ ที่อาจมีถึง 100 วิธี ซึ่งต้องทำคู่ขนานกันไป ไม่ใช่พึ่งทางใดทางหนึ่ง เหมือนการมองช้างตัวเดียวกัน ถ้าร่วมกันมองทุกด้านก็จะเห็นช้างทั้งตัว

ส่วนความขัดแย้งในไทยที่มีความซับซ้อนในหลายๆด้าน นายคาเฮนยืนยันว่า การแก้ปัญหาต้องทำให้ทุกกลุ่มทุกสีมีส่วนร่วมจากความรักและอำนาจ เพราะเป็นความขัดแย้งท่ามกลางความโกรธ แบ่งข้าง และแย่งอำนาจกันอย่างชัดเจน จนไม่สามารถแก้ปัญหาได้

แม้มุมมองและประสบการณ์ของนายคาเฮนจะไม่มีสูตรสำเร็จ แต่นายคาเฮนยืนยันว่า แม้ปัญหาจะมีสลับซับซ้อนหรือลึกซึ้งอย่างไร ในที่สุดก็ต้องกลับมาที่การสานเสวนา ซึ่งถือเป็นจุดประสานระหว่างความรักและพลังที่จะขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบจากทุกฝ่าย แม้แต่ละฝ่ายจะมีผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้องก็ตาม

ที่สำคัญการแก้ปัญหาต้องใช้เวลา เพราะไม่มีสิ่งวิเศษใดที่จะพัฒนาอะไรได้ในทันที กระบวนการต้องเกิดจากคนไทยด้วยกันเอง อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี เพราะอนาคตประเทศไทยต้องสร้างด้วยคนไทย ไม่ใช่ฝรั่งคนสองคนหรือคณะกรรมการไม่กี่คณะ ขณะที่รัฐบาลเองก็ยังใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินกวาดล้างประชาชนและนักการเมืองที่มีความเห็นแตกต่าง เหมือนคนบ้าอำนาจ แทนที่จะรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับการทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชน

ดังนั้น ความสงบสันติยากจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ตราบใดที่ผู้มีอำนาจยังเต็มไปด้วยอคติและความอำมหิต แม้จะปราบปรามประชาชนได้ แต่ก็เป็นชัยชนะที่จะพ่ายแพ้ตัวเองในที่สุด เพราะการใช้อำนาจและความรุนแรงไม่มีวันจะทำให้เกิดความปรองดองและความรักจากประชาชนได้

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น