ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สัมภาษณ์พิเศษ
อย่างเร็วไม่เกินต้นปี 2554 อาจมีการเลือกตั้งใหญ่
อย่างช้าไม่เกินกลางปี 2554 จะมีการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งอาจบอกได้ว่าคะแนนใครแพ้-ใครชนะ
แต่กระบวนการเลือกตั้ง-การตัดสินว่าใครแพ้-ชนะ ไม่ใช่พรรคคู่ขัดแย้ง
แต่หน่วยงานที่ต้อง "ประกาศผล" เป็น "องค์กรอิสระ-คนกลาง" อรหันต์ทั้ง 5 คน ที่จะเป็นคนชี้ขาด
สมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน อดีตเสียงข้างน้อย ผู้เป็นเป้าความขัดแย้งในยุคม็อบเสื้อเหลือง จนถึงม็อบเสื้อแดง
ในปีที่ผู้นำประเทศชื่อ สมัคร สุนทรเวช และฝ่ายบริหารมาจากพรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้บรรยากาศแจกใบเหลือง ใบแดง ใบขาว หลังการเลือกตั้งครั้งแรกนับแต่การรัฐประหาร ที่นักเลือกตั้งลุ้นกันตัวโก่ง เพราะเดิมพันไม่เพียงหลุดจากตำแหน่ง ส.ส. แต่บางคดีมีความหมายถึงการยุบพรรคตามมาด้วย
ชื่อของ สมชัย จึงประเสริฐ ตกเป็น เป้าโจมตีของการเคลื่อนไหวนอกสภาในเวลานั้น โดยฝ่ายเสื้อเหลือง-พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะบรรดาคดีดังทั้งหลายแหล่ ถูก "กกต.สมชัย" โหวตคำวินิจฉัย ไม่ถูกใจม็อบที่ต้านรัฐบาลสีแดง
แม้ฝ่ายบริหารเปลี่ยนขั้ว... ม็อบบนถนนเปลี่ยนสีจากเหลืองเป็นแดงโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แต่การโหวตคำวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ รอบแรก ที่เสียงข้างมากโยนให้นายทะเบียนพรรคการเมืองไปทำการบ้านมาอีกรอบ "กกต.สมชัย" ยังไม่เปลี่ยนข้าง ยังคงเป็นฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามม็อบแดง
เมื่อการทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ บนบรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อความเป็นอิสระ "กกต.สมชัย" ผู้คุ้นเคยกับความขัดแย้งและแรงต้านมาโดยตลอด เปิดใจ เรื่องความเตรียมพร้อมต่อการทำหน้าที่ระหว่างเขาควาย เตรียมเป็นกรรมการตัดสินการต่อสู้ระหว่าง "เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด" อีกรอบ
- ท่ามกลางความไม่พอใจที่มีต่อองค์กรอิสระ เช่น การไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง จะเป็นปัญหาต่อการทำงานของ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระด้วยหรือไม่
ผมคิดว่า กกต.คงไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะเรื่องนี้ ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่า องค์กรไหนได้ให้ความเป็นธรรม องค์กรไหนน่าเชื่อถือ ซึ่งเมื่อองค์กรของเราได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ถือหลักกฎหมายและประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชน เป็นหลักแล้ว ทุกคนก็คงรู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่ กกต.กระทำไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากองค์กรไหนไม่ได้ยึดหลักความเป็นธรรม องค์กรนั้นก็จะไม่ได้รับความ เชื่อถือจากประชาชนเอง ซึ่งองค์กรอิสระแต่ละองค์กรไม่เกี่ยวข้องกัน เชื่อว่าประชาชนจะสามารถแยกแยะได้
- ส่วนตัวเคยถูกโจมตีจากกลุ่มเสื้อเหลือง (พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ว่า วินิจฉัยเป็นประโยชน์ต่อพรรคพลังประชาชน และถูกโจมตีจากกลุ่มเสื้อแดง (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) กรณีเป็น 1 ใน กกต. ที่ไม่ลงมติยุบพรรคประชาธิปัตย์ และให้ส่งกลับนายทะเบียนพรรคการเมือง ในการลงมติรอบแรก
เราต้องยึดหลักกฎหมาย ยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรม เพราะช่วงระยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่เราทำไปนั้นอาจจะไม่ถูกใจ ไปขัดขวางผลประโยชน์หรือความต้องการของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนั้นอาจจะไม่พอใจ แต่ครั้นเวลาได้ผ่านพ้นไป สิ่งที่เป็นกระแสสังคมลดลง และประชาชนหรือบุคคล กลุ่มนั้นได้หันกลับมา มีเวลาได้พิจารณาพิเคราะห์ถึงหลักกฎหมาย ถึงความถูกต้องเป็นธรรม เขาก็จะยอมรับสิ่งนั้นเอง จึงเห็นว่าความถูกต้อง เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ตาย แม้แรก ๆ อาจจะถูกเข้าใจผิด แต่ความ ถูกต้องย่อมสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวของมันเอง และกาลเวลาจะเป็นสิ่งพิสูจน์
- ช่วงที่ผ่านมา กกต.ก็ได้กลายเป็นคู่ขัดแย้ง
การเป็นคู่ขัดแย้งนั้น ถ้าหาก กกต. ทำตัวของตัวเองเป็นคู่ขัดแย้ง ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย เป็นเรื่องที่น่าสมเพช แต่ถ้าการเป็นคู่ขัดแย้ง เกิดจากการบิดเบือนการกระทำของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพื่อประสงค์ต่อประโยชน์ในทางการเมือง หรือผลประโยชน์อื่นก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่เราไม่ต้องไปหวั่นไหว เพราะท้ายที่สุดความจริงก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ความจริงความถูกต้องอยู่นิรันดร ไม่ตาย
- หรือเป็นเพราะท่านมีความสัมพันธ์กับฝ่ายการเมือง เพราะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯจากพรรคพลังประชาชน และน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อยากเรียนชี้แจงว่า ผมเป็นผู้ช่วย ผู้พิพากษารุ่นเดียวกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จริง แต่นายสมชายเคยบอกว่า "เพื่อน... ไม่ต้องช่วยผม" เขาขออย่างเดียว อย่ากลั่นแกล้งเขาก็แล้วกัน เขาขอเท่านี้ ซึ่งถึงแม้เขาไม่ขอ ผมก็ไม่กลั่นแกล้งใครอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอำนาจหน้าที่ ที่ในฐานะเป็นผู้พิพากษาก็ย่อมรู้อยู่ว่าการที่จะให้เพื่อน หรือผู้พิพากษาคนหนึ่ง กระทำผิดต่อกฎหมาย กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถ้าใครปฏิบัติแบบนั้นก็เป็นเรื่องทรยศต่อหน้าที่ ต่ออุดมการณ์
- เคยถูกมองว่าวินิจฉัยเข้าทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ
เรื่องของคนอื่น เราไม่อาจจะบังคับได้ การที่คนอื่นจะมองผิด มองอะไร เราไปบังคับเขาไม่ได้ แต่เมื่อธุลีในตาเขาได้ถูกล้างออกแล้ว ตาสว่างขึ้น จิตใจสว่างขึ้น ก็จะได้เห็นความถูกต้อง เป็นธรรม ที่เราได้กระทำนั้นเอง ก็คิดว่าถึงตอนนี้ เมื่อกลับขั้วแล้ว เขาก็จะเห็นว่าสิ่งที่เราเคยทำ เราก็ยืนอยู่บนความถูกต้อง เป็นธรรม
ผมจำอย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยสอนเคยพูดไว้ว่า อย่าได้ไปพรั่นพรึง ถึงเรื่องที่แล้วมา และไม่ต้องไปหวั่นไหว กับเรื่องอนาคตที่มันยังมาไม่ถึง ต้องทำปัจจุบันให้มันดีที่สุด ผมไม่ใช่เป็นคนที่ไปอาฆาตมาดร้ายใคร สิ่งที่ใครเคยกล่าวหาผมนั้น ผมลืมไปหมดแล้ว และจะไม่ขอ พูดถึงอีก
- สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความรุนแรงเข้มข้นขึ้น ทั้งเหตุปะทะในการชุมนุม และเหตุระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ท่านมีความลำบากใจต่อการทำหน้าที่ในอนาคตหรือไม่
เรามีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ก็ต้องทำตามหน้าที่ให้ตรงไปตรงมา ยึดถือความสุจริตเที่ยงธรรม เชื่อว่าประชาชนคนไทยไม่ว่าจะแสดงออกอย่างไร แต่ในใจเขาก็ยอมรับความเป็นธรรม เราคงไม่ต้องลำบากใจในเรื่องนี้ เพียงแต่ในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากให้ประเทศมีความก้าวหน้า บ้านเมืองสงบสุข ถึงเราไม่กลัวไม่หวั่นไหว แต่เราก็มีความเป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดขึ้น
- เตรียมความพร้อมอย่างไร สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง
ตอนนี้ กกต.คนอื่นเขาก็เตรียมของเขา ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงถึงเขา แต่สำหรับด้านสืบสวนสอบสวน เรากำลังให้ความรู้ ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบกฎหมาย และการจัดเตรียมคน กำลังจะแบ่งวางแผนกำลังคนต่าง ๆ เพื่อให้ไปควบคุม ทำงานปฏิบัติการด้านสืบสวนสอบสวนให้ถูกต้อง เป็นธรรมและรวดเร็ว
พยายามจะเรียนรู้ถึงพฤติกรรมนักเลือกตั้งที่ผ่านมา และเรื่องในอนาคตที่คิดว่าพฤติการณ์ของนักเลือกตั้งที่ทุจริตน่าจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราจะพยายามติดตามให้ทัน ก็ได้เตรียมการนี้อยู่
- เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เช่น เมื่อก่อนนี้เอาเงินสดไปซื้อเสียง แต่ทุกวันนี้หายากที่จะเอาเงินไปซื้ออย่างตรงไปตรงมา เพราะมีวิธีการอื่น เช่น จัดตั้งลงไปเลย โดยที่เงินยังไม่จ่าย แต่มาจ่าย ภายหลัง...
- มีเรื่องสัญญาว่าจะให้ แทนที่จะเอาเงินไปจ่ายในคืนหมาหอน
ใช่...มันเริ่มยาก ไม่ใช่มีแต่คืนหมาหอน
- มองพัฒนาการการเมืองและพรรคการเมืองไทยอย่างไร
การเลือกตั้งของประชาชนมีการพัฒนาขึ้น รู้สึกว่าพรรคการเมืองของประเทศเรามีตั้ง 50-60 พรรค เต็มไปหมด แต่ดูเหมือนจะมี 2 พรรคที่อยู่ในความสนใจและการตัดสินใจของประชาชน อันนี้จะมองว่าดีก็ดี เพราะเป็นการเลือกพรรค เลือกนโยบาย มากกว่าเลือกตัวบุคคล อย่างในสหรัฐ อเมริกาก็มี 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่แข่งกัน
- การแข่งกันในการเลือกตั้งจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งอย่างไร
เมื่อมีความขัดแย้งกัน ก็ควรรอวัน เลือกตั้ง ไม่ใช่เอากำลังมาเปลี่ยน นี่คือวิถีประชาธิปไตย ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองได้ โดยมีกำหนดเวลา โดยเอาความนิยม หรืออีกอย่างคือเสียงประชาชน ที่จะมาชี้ขาดว่าใครควรที่จะมา บริหารประเทศ
การชุมนุมเป็นเพียงการแสดงออกหรือบอกให้รู้เท่านั้นเอง แต่การชุมนุมไม่ใช่ ตัวชี้วัดว่า ตกลงแล้วประชาชนจะเอายังไง เพราะอย่างน้อย หากมีการชุมนุมเยอะๆ ที่จำนวนมากพอสมควร ก็ควรมีช่องทางที่ผลักดันให้ กกต.ทำประชามติ ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเอาแบบไหน จะเอาตามรัฐบาล หรือเอาตามที่มีการเรียกร้องเคลื่อนไหว อย่างนี้จึงจะเป็นวิถีประชาธิปไตย ตัดสินกันด้วยเสียงประชาชน
- ท่านคิดว่าปัญหาคือการปฏิบัติของรัฐ ต่อผู้ชุมนุม
การชุมนุมทำได้ แต่อำนาจรัฐก็ต้องปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทุกกลุ่มเหมือนกัน เรื่องนี้จะโทษใคร ความเป็นประชาธิปไตย ต้องปฏิบัติเหมือนกันไม่ว่าจะฝ่ายไหน ควรมีกฎหมายออกมาควบคุมการชุมนุม แต่ปัจจุบันเรามีแต่รัฐธรรมนูญและความเสรี จนกระทั่งตามอำเภอใจ ตามใจฉัน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง เพราะการชุมนุมควรจะมาแสดงออกกันในระดับหนึ่งแล้วกลับไป
- การชุมนุมที่ผ่านมา ทุกสีเสื้อมุ่งโค่นอำนาจรัฐบาล
ทุกอย่างควรไปวัดกันที่การเลือกตั้ง ถ้าพรรคฝ่ายค้านรับข้อทุกข์ร้อนแล้วเอามาอภิปรายในสภา หากรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ผลก็จะทำให้คะแนนนิยมรัฐบาลตกต่ำลง เมื่อถึงคราวเลือกตั้งก็สามารถเปลี่ยนขั้วอำนาจได้
เป็นการเปลี่ยนผู้บริหารประเทศโดยสันติวิธี นี่คือวิถีประชาธิปไตย ที่เราบอกว่าดีกว่าการปกครองอื่น ๆ ก็ตรงนี้แหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น