ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
กรณีกระทรวงพาณิชย์สั่งขายข้าวในสต๊อกจำนวน 1 ล้านตันกำลังถูกตั้งคำถามอย่างมากว่ามีเงื่อนงำหรือไม่? "ทีมข่าว"เปิด "เอกสารลับมาก" ที่ระบุที่มาของเรื่องดังกล่าวดังนี้
เนื่องจากมีข้อมูลระบุว่า 1.เป็นการขายให้เอกชนรายใหญ่จำนวน 4 รายโดยไม่เรียกผู้ประกอบการรายอื่นเข้าร่วมประมูล 2.การขายครั้งนี้ของรัฐบาลเป็นการข้าวใหม่ปี 2552 ในทางปฏิบัติควรขายข้าวเก่าก่อน เพื่อมิให้เกิดปัญหาข้าวเก่าเสื่อมราคา
"ทีมข่าว"เปิด "เอกสารลับมาก" ที่ระบุที่มาของเรื่องดังกล่าวดังนี้
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2553 นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร ได้ทำหนังสือ "ลับมาก" ถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องอ้างว่า
สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องกรอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวสารตามโครงการแทรกแซงของรับบาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 และมีมติให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายจำหน่ายข้าวสารพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตามกรอบยุทธศาสตร์รวมถึงปริมาณการจำหน่ายด้วยความระมัดระวังโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาวะราคาตลาดและให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารเป็นผู้ดำเนินการและนำเสนอประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารพิจารณาอนุมัติ แล้วเสนอให้ประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติหรือรองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนลงนามกับคู่สัญญาต่อไป
คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลของบริษัทผู้ส่งออก ซึ่งประกอบด้วยชนิดข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลดังนี้
(1) ข้าวหอมปทุมธานี นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552
(2) ข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปี 2551/52 และ นาปรังปี 2552
(3) ข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552
โดยคณะทำงานฯได้เจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาซื้อข้าวสารดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วและได้นำเสนอผลการเจรจาต่อรองต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารเพื่อพิจารณาอนุมัติและนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
กรมการค้าต่างประเทศขอเรียนว่ารองนายกรับมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ในฐานะรองประธาน กขช.ได้ให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข่าวสารในสต๊อกของรัฐบาลตามชนิดและโครงการรับจำนำข้าวเลปือกของรัฐบาล ตามข้อ (1)-ข้อ (3) ในส่วนของคลังสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรดังนี้
1.ข้าวหอมปทุมธานี
เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวหอมปทุมธานี นาปี ปี 2551/52 และนาปรัง ปี 2552 เมือ่วันที่ 28 กรกฎาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 7 คลัง ตามเอกสาร 1
2.ข้าวเหนียวขาว 100%
เห็นชอบให้จำหน่ายข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปี 2551/52 เมื่อวันที่ 6 าสิงหาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 1 คลัง ตามเอกสาร 2
3.ข้าวขาว 5%
เห็นชอบให้จำหนย่ายข้าวขาว 5% นาปรัง ปี 2551 ,นาปี ปี 2551/52 และ นาปรัง ปี 2552 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553 โดยมีรายละเอียดรายชื่อบริษัท ชนิด และปริมาณข้าว ราคาจำหน่าย และคลังสินค้า รวม 18 คลัง ตามเอกสาร 3
ในการนี้ขอให้.....ดำเนินการตามทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทตามข้อ 1-3 โดยถือปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในข้อ 10-12 ตามหนังสือกรมการค้าต่างประเทศด่วนที่สุด ที่ พณ 0307/ว.598 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 อย่างเคร่งครัด (เอกสาร4) โดยในส่วนของเงื่อนไขการรับมอบและขนย้าย รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) มีบัญชาให้บริษัทรับและขนย้ายข้าวสารตามข้อ 1-2 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 60 วันนับตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย และ ตามข้อ 3 ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขาย ทั้งนี้ให้เป็นการดำเนินการในทางลับจนกว่าจะมีการขนย้ายข้าวสารออกจากคลังสินค้าเพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเมื่อได้ดำเนินการทำสัญญาแล้วขอให้ส่งมอบสำเนาสัญญาพร้อมเอกสารประกอบสัญญาให้กรมการค้าต่างประเทศทราบด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จะขอบคุณมาก
นายมนัส สร้อยทอง
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร
ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวยังแนบ หนังสือด่วนที่สุดที่ พณ 0307/ว.598 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ที่อ้างข้างต้น ส่งให้หน่วยงานด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น