คอลัมน์.บางกอกกอสซิบภูผาหิน
วันที่ประเทศไทยเดินหน้าหนึ่งก้าว แต่ถอยหลังสามก้าว คล้ายพวกขี้เหล้าเมายา เพราะผู้มีอำนาจบริหารประเทศอย่างไร้สติ.
ใครกันคือคนบ้า? หนึ่ง...คนไทย สอง...คนเขมร สาม...ข้าหลวงยูเนสโก กับประเด็นร้อนข้ามชาติ “เขาพระวิหาร” ที่โต้เถียงกันยาวนาน “ครึ่งศตวรรษ” สรุปแล้วใครผิดหรือใครถูก ทำไมไม่ไปเปิดดู “คำตัดสินศาลโลก 15 มิถุนายน 2505” เขาเขียนเพื่อให้คนอ่านหนังสือ (เป็น) ได้รับรู้...ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนดินแดนภายใต้อธิปไตยของประเทศกัมพูชา และการตัดสินใช้แผนที่ฝรั่งเศสอย่างที่ใครหลายคนทราบ.
น่าแปลกมั้ย? ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังรับข้อมูลใส่สมอง “ปราสาทนั้นเป็นของเขมร...แต่พื้นที่เป็นของไทย” หรือไทยกำลังหลอกไทยด้วยกันเอง...เพราะใครกันที่ไปละเมิดคำตัดสินของศาลโลก...เกมการเมืองแบบนี้มิใช่หรือ? ทำให้ไทยต้องเสียดินแดน...และถ้านักการเมืองยังไม่ปลุกจิตสำนึกรักชาติอย่างจริงใจ...เชื่อเถอะว่า อีกไม่นานเราจะไม่เหลือแผ่นดินใดให้เหยียบ...ไม่มีพื้นที่ใดให้เดิน!.
ยังไม่จบ! กับมหากาพย์เรื่องยาวภายใน สตช. หลังได้ ผบ.ตร. ที่ชื่อ “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ...โดยเฉพาะนายตำรวจ “ยศนายพล” ที่ถูกวางไลน์ให้ขึ้นสืบทอดอำนาจ...ซึ่งต้องจับตาดูว่า “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” พี่ชาย “คุณหญิงอ้อ” จะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งในลำดับ “อาวุโส” อีกหรือไม่?...เพราะชื่อนี้นามสกุลนี้เป็น “ของแสลง” ผู้จัดโผ...ไม่เชื่อไปถามประธาน ก.ตร.ที่ชื่อ “เทพเทือก”.
มนุษย์นี้เปลี่ยนแปลงกันได้. “น้องเดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวสุดเลิฟของ เสธ.แดง ที่ประสานเจตนารมย์ “คุณพ่อ” ประกาศเป็น “เสื้อแดงเต็มตัว” พร้อมอยู่เคียงข้าง “พรรคเพื่อไทย” ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน...คำพูดแบบนี้ไม่ต้องแปลไทยให้เป็นไทย...ไม่ว่าก่อนหน้านี้ “น้องเดียร์” จะใส่เสื้อสีอะไร...แต่ที่รู้ๆ คนเป็นพ่อยิ่งถูกกดดัน ยิ่งถูกกดขี่ ตอนนี้ในตู้เสื้อผ้าเลยมีแต่ “สีแดง”.
บางคนเห็นข่าวนี้แล้วอยาก “สละโสด” จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน...องอาจ คล้ามไพบูลย์ กับการถูกสอบบัญชีทรัพย์สิน...เพราะมีเงินเพิ่มขึ้นผิดปกติจากตอนเข้าเป็น ส.ส....องอาจ แจงเรื่องเงินที่เพิ่มขึ้นมา 10 ล้าน...เพราะเป็นเงินใส่ซองวันแต่งงาน...เรื่องนี้ คิดไปคิดมาน่าจะเป็นเรื่องจริง...เพราะนิสัยคนไทย “ฆ่าได้หยามไม่ได้” เป็นถึงระดับบิ๊กนักการเมือง บิ๊กนักธุรกิจ มีหรือไปร่วมงานแต่งงาน “คนดัง” จะใส่ซองแค่คนละ 1,000 ถึง 2,000...พูดง่ายๆ คือ “อายเขา” แถมยังตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน.
งานนี้ข้อโต้งแย้งของ “องอาจ” ดูค่อนข้างสมเหตุสมผล...เพราะผู้มาร่วมงานมีมากถึง “ครึ่งหมื่น” นี่จึงเป็นวัฒนธรรมของ “ผู้มีอันจะกิน” เวลาแต่งชุดสูทหรือชุดราตรีสวยหรูไปร่วมงานแต่งงาน...ซึ่งว่ากันว่างานแต่งงานของ “องอาจ” กับ “ดร.หน่อย” ได้กำไรสุทธิ (พูดผิดขออภัย)...ได้เงินขวัญถุงจากการแกะซองไปร่วมๆ 12 ล้านบาท...คืนนั้นไม่เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวรวย...ก็คนใส่ซองนี่แหละที่ต้องถอดชุดสูท “กินแกลบ” ไปหลายเดือน.
***************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น