--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หลงยศ หลงอำนาจ หลงบารมี ความอุบาทว์มักตามมา

คอลัมน์.บางกอกกอสซิบภูผาหิน

วันที่ประเทศไทยเดินหน้าหนึ่งก้าว แต่ถอยหลังสามก้าว คล้ายพวกขี้เหล้าเมายา เพราะผู้มีอำนาจบริหารประเทศอย่างไร้สติ.

ใครกันคือคนบ้า? หนึ่ง...คนไทย สอง...คนเขมร สาม...ข้าหลวงยูเนสโก กับประเด็นร้อนข้ามชาติ “เขาพระวิหาร” ที่โต้เถียงกันยาวนาน “ครึ่งศตวรรษ” สรุปแล้วใครผิดหรือใครถูก ทำไมไม่ไปเปิดดู “คำตัดสินศาลโลก 15 มิถุนายน 2505” เขาเขียนเพื่อให้คนอ่านหนังสือ (เป็น) ได้รับรู้...ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนดินแดนภายใต้อธิปไตยของประเทศกัมพูชา และการตัดสินใช้แผนที่ฝรั่งเศสอย่างที่ใครหลายคนทราบ.

น่าแปลกมั้ย? ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังรับข้อมูลใส่สมอง “ปราสาทนั้นเป็นของเขมร...แต่พื้นที่เป็นของไทย” หรือไทยกำลังหลอกไทยด้วยกันเอง...เพราะใครกันที่ไปละเมิดคำตัดสินของศาลโลก...เกมการเมืองแบบนี้มิใช่หรือ? ทำให้ไทยต้องเสียดินแดน...และถ้านักการเมืองยังไม่ปลุกจิตสำนึกรักชาติอย่างจริงใจ...เชื่อเถอะว่า อีกไม่นานเราจะไม่เหลือแผ่นดินใดให้เหยียบ...ไม่มีพื้นที่ใดให้เดิน!.

ยังไม่จบ! กับมหากาพย์เรื่องยาวภายใน สตช. หลังได้ ผบ.ตร. ที่ชื่อ “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ...โดยเฉพาะนายตำรวจ “ยศนายพล” ที่ถูกวางไลน์ให้ขึ้นสืบทอดอำนาจ...ซึ่งต้องจับตาดูว่า “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” พี่ชาย “คุณหญิงอ้อ” จะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งในลำดับ “อาวุโส” อีกหรือไม่?...เพราะชื่อนี้นามสกุลนี้เป็น “ของแสลง” ผู้จัดโผ...ไม่เชื่อไปถามประธาน ก.ตร.ที่ชื่อ “เทพเทือก”.

มนุษย์นี้เปลี่ยนแปลงกันได้. “น้องเดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวสุดเลิฟของ เสธ.แดง ที่ประสานเจตนารมย์ “คุณพ่อ” ประกาศเป็น “เสื้อแดงเต็มตัว” พร้อมอยู่เคียงข้าง “พรรคเพื่อไทย” ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน...คำพูดแบบนี้ไม่ต้องแปลไทยให้เป็นไทย...ไม่ว่าก่อนหน้านี้ “น้องเดียร์” จะใส่เสื้อสีอะไร...แต่ที่รู้ๆ คนเป็นพ่อยิ่งถูกกดดัน ยิ่งถูกกดขี่ ตอนนี้ในตู้เสื้อผ้าเลยมีแต่ “สีแดง”.

บางคนเห็นข่าวนี้แล้วอยาก “สละโสด” จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน...องอาจ คล้ามไพบูลย์ กับการถูกสอบบัญชีทรัพย์สิน...เพราะมีเงินเพิ่มขึ้นผิดปกติจากตอนเข้าเป็น ส.ส....องอาจ แจงเรื่องเงินที่เพิ่มขึ้นมา 10 ล้าน...เพราะเป็นเงินใส่ซองวันแต่งงาน...เรื่องนี้ คิดไปคิดมาน่าจะเป็นเรื่องจริง...เพราะนิสัยคนไทย “ฆ่าได้หยามไม่ได้” เป็นถึงระดับบิ๊กนักการเมือง บิ๊กนักธุรกิจ มีหรือไปร่วมงานแต่งงาน “คนดัง” จะใส่ซองแค่คนละ 1,000 ถึง 2,000...พูดง่ายๆ คือ “อายเขา” แถมยังตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน.

งานนี้ข้อโต้งแย้งของ “องอาจ” ดูค่อนข้างสมเหตุสมผล...เพราะผู้มาร่วมงานมีมากถึง “ครึ่งหมื่น” นี่จึงเป็นวัฒนธรรมของ “ผู้มีอันจะกิน” เวลาแต่งชุดสูทหรือชุดราตรีสวยหรูไปร่วมงานแต่งงาน...ซึ่งว่ากันว่างานแต่งงานของ “องอาจ” กับ “ดร.หน่อย” ได้กำไรสุทธิ (พูดผิดขออภัย)...ได้เงินขวัญถุงจากการแกะซองไปร่วมๆ 12 ล้านบาท...คืนนั้นไม่เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวรวย...ก็คนใส่ซองนี่แหละที่ต้องถอดชุดสูท “กินแกลบ” ไปหลายเดือน.

***************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น