ที่มา.ไทยโพตส์
แต่งตั้งระดับรองปลัด-อธิบดีของ มท.โผไม่พลิก เด็ก "สิงห์ห้อย" ผงาดยึดอธิบดีกรมปกครอง "ชวรัตน์" อ้างดูที่ความเหมาะสม ยกพระเวสสันดรยังมีคนเกลียด จับตา! แต่งตั้งผู้ว่าฯ ล็อตใหญ่ข้ามขั้น-ข้ามห้วย "มาร์ค" ยันย้ำใน ครม.ให้ยึดระบบคุณธรรม โถ! ปัญหามหาดไทยให้ "เทือก" กลั่นกรองแล้ว "เหลิม" ได้ทีจวกกระทรวง "สร้างทุกข์ บำบัดสุข"
เมื่อวันอังคาร คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ตามที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้เสนอชื่อแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 9 ราย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
โดยข้าราชการ 9 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 2.นายวัลลภ พริ้งพงษ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 3.นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
4.นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 5.นายขวัญชัย วงศ์นิติกร พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 6.นายวิเชียร ชวลิต พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง
7.นายสุรชัย ขันอาสา พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 8.นายสุเมธ แสงนิ่มนวล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 9.นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมการปกครอง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การแต่งตั้งดังกล่าวกระทรวงหมาดไทยได้ทำการคัดเลือกตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องอาวุโสนั้นก็เป็นองค์ประกอบที่ได้นำมาพิจารณาด้วย แต่ความเหมาะสมมาเป็นอันดับแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งอธิบดีกรมการปกครองมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก นายชวรัตน์บอกว่า เรื่องเสียงวิจารณ์เป็นธรรมดา พระเวสสันดรยังมีคนเกลียด เป็นธรรมดา
ซักว่าแล้วที่ว่ามีการแต่งตั้งคนใกล้ชิดของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในกระทรวง ท่านจะชี้แจงอย่างไร รมว.มหาดไทยกล่าวว่า สามารถชี้แจงได้ ต้นไม้ใหญ่ต้องรับลม อย่างไรก็ตามการวิจารณ์ก็มักจะเป็นประวัติศาสตร์อยู่แล้ว
นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาระบุเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยไม่เหมาะสมจนกลายเป็นกระทรวงน้ำเน่าว่า ตอนที่นายพงศ์โพยมเป็นผู้ว่าฯ ภูเก็ต ตนเป็นรองผู้ว่าฯ อยู่ ใครทำอะไรไว้ก็รู้กันหมด เราเป็นสุภาพบุรุษนักเลง ไม่อยากไปวิจารณ์ให้ร้ายผู้เคยเป็นผู้บังคับบัญชา
นายมานิตกล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าผู้ได้รับการโยกย้ายขึ้นตำแหน่งระดับสูงเป็นผู้ใกล้ชิดฝ่ายการเมืองนั้น ก็ให้บอกมาว่าตำแหน่งไหนที่ใกล้ชิด และลองไปศึกษาดูว่าตอนนายพงศ์โพยมขึ้นเป็นปลัดนั้น นายพงศ์โพยมอาวุโสระดับที่เท่าไหร่ ลองไปถามผู้อาวุโสกว่าอย่างนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หรือนายชัยฤกษ์ ดิษฐ์อำนาจ อดีตรองปลัดกระทรวงดู
เมื่อถามว่า แสดงว่านายมงคล สุระสัจจะ มีความเหมาะสมที่จะเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้วใช่หรือไม่ นายมานิตกล่าวว่า ที่สื่อลงไปบางครั้งไม่ได้มีฐานข้อมูลพอ คนที่จะเป็นปลัดกระทรวงได้ต้องเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือรองปลัดกระทรวง เท่ากับมีแค่ 11 คน อาวุโสข้ามกันไม่กี่คน ที่นายพงศ์โพยมไปพูดว่ามีคนอาวุโสกว่านายมงคลถึง 35 คนนั่นไปเอาบัญชีผู้ว่าราชการมาดูหมด ซึ่งยืนยันว่าเราพิจารณาดีแล้วว่านายมงคลจะเป็นผู้พาทีมเราไปได้ ตนทำงาน ตนต้องดีพอสมควร ถ้าเลวคงไม่ขึ้นถึงขนาดนี้
ถามว่าท่านและนายมงคลถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายมานิตกล่าว่า ตนก็เคยทำงานกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่นๆ พอมาถึงงานม้วนสุดท้ายมาเห็นว่าใกล้ชิดกับนายเนวิน ก็เหมาว่าตนเป็นคนใกล้ชิดนายเนวิน อย่าไปด่วนสรุป
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเข้าสู่ ครม.เร็วๆ นี้ จะทำให้สังคมกังขาอีกหรือไม่ นายมานิตกล่าวว่า ปีนี้ระวังมากที่สุด ให้ทำวิสัยทัศน์มาเสนอ ตั้งช้าแต่รอบคอบ พยายามดูแลให้ดี ทั้งนี้ ก.พ.มีเกณฑ์เดิม คนจะเป็นผู้ว่าฯ ได้ต้องเป็นรอง 3 ปีขึ้นไป แต่เกณฑ์ใหม่คือ 1 ปีขึ้นไปก็มีสิทธิ์เป็นได้ เราก็ยึดมาตรฐาน ก.พ.เป็นหลัก ทำตามระเบียบปฏิบัติ
นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการที่ ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง 4 อธิบดี และผู้ตรวจราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยว่า ไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย เพราะได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ สะท้อนให้เห็นว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ได้ฟังเสียงสะท้อนอะไร เพราะถือว่าตนเองมีอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้ควรปล่อยให้สังคมพิจารณา
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตนได้กำชับเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะมีหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับราชการได้แสดงความห่วงใยมา โดยกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านยึดหลักของคุณธรรมในการเสนอโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนักถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยว่าเป็นคนของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยทั้งหมดนั้น นายกฯ กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยมีจำนวนหนึ่ง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้กลั่นกรอง และเมื่อได้มีการสอบถามก็บอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทย ระบบคุณธรรมหายไปแล้วในกระทรวงนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ได้ย้ำไปแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนที่เหลือที่จะเข้า ครม.ก็ต้องปฏิบัติตามหลักที่พูดกันในที่ประชุม ครม.
ถามว่า ข้าราชการก็อาจจะไม่กล้าไปร้องศาลปกครอง แต่ก็มีหลายกรณีที่ไปร้องแล้วมีปัญหา ควรจะใช้บทเรียนที่เกิดขึ้นแล้วมาปฏิบัติ นายกฯ กล่าวว่า คำวินิจฉัยไม่ว่าจะเป็นของศาลปกครอง คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ก.พ.ค. หรือหน่วยงานใดๆ ทำนองนี้ ตนได้กำชับว่าทางฝ่ายการเมืองฝ่ายนโยบายต้องนำไปปฏิบัติ เมื่อมีการวินิจฉัยออกมาแล้วมันเป็นการชี้แนวในเรื่องของบรรทัดฐานในเรื่องต่างๆ ก็ต้องปฏิบัติให้เร็วที่สุด
ซักว่า ในฐานะที่นายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาลด้วย คิดว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ที่มีการแต่งตั้งอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า คิดว่ามันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตนก็รับคำวิพากษ์วิจารณ์นั้นมาและแสดงความห่วงใย และคิดว่าทางกระทรวงมหาไทยต้องรับไปพิจารณา
ถามว่า แล้วท่านในฐานะนายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาลทำอะไรได้มากกว่าความห่วงใย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องของการบริหารงานบุคคลเป็นเรื่องที่ต้องมีความพอดีในเชิงการบริหาร คือถ้าเป็นเรื่องนโยบาย โครงการ มาตรการต่างๆ เราจะร่วมกันพิจารณาอย่างเต็มที่ แต่พอเป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในมันก็มีเรื่องที่ต้องให้เป็นดุลพินิจของเจ้ากระทรวง
"แต่ว่าถ้าหากมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องมันก็มีระบบที่จำกัดอยู่ หลายเรื่องเป็นเรื่องของดุลพินิจ ได้ย้ำไปแล้วว่าการใช้ดุลพินิจต้องระมัดระวังอย่างไร เพราะว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มา ก็ต้องฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นด้วย กับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้มีการชี้แจงอะไรในเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ครม." นายกฯ กล่าว
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยว่า ตั้งแต่มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงก็ค่อนข้างพิสดาร ไม่ยึดระบบอาวุโสและความสามารถ แต่เป็นการแต่งตั้งตามใจชอบและคนใกล้ชิด หากคนใดเคยรับราชการใน จ.บุรีรัมย์ มักจะเติบโตแบบตอนกิ่งที่ไม่โตจากเมล็ด
"สมัยที่ผมเป็น รมว.มหาดไทย ยึดหลักว่าคนที่จะเป็นผู้ว่าฯ ได้นั้นต้องเป็นรองผู้ว่าฯ มาแล้ว 2 ปี มีผลงานความสามารถ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนของใคร หรือเป็นศัตรูใคร แต่วันนี้หลักการนี้หายไปหมด บางคนเป็นรองผู้ว่าฯ ปีเดียวก็นำมาพิจารณาให้เป็นผู้ว่าฯ ได้แล้ว กระทรวงมหาดไทยยุคนี้เปลี่ยนจากบำบัดทุกข์ บำรุงสุข มาเป็นสร้างทุกข์ บำบัดสุข หากข้าราชาการเติบโตด้วยการวิ่งเต้นและแสวงหา บ้านเมืองจะลำบาก" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น