--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ชั่วฟ้า ดินสลาย

สถานการณ์ภายใต้เสื้อคลุม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ช่างแตกต่างจากภัยมืดกลางกรุงยิ่งนัก แตกต่างสุดขั้วราวฟ้ากับเหว ระเบิดในเมืองกรุงเรดาร์จะจับจ้องไปยังสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการช่วงชิงอำนาจ แต่ระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับไร้ซึ่งความปราณี..

ปราศจากความเมตตาและไม่มีตา..มันจึงดังสนั่นหวั่นไหวได้ทุกพื้นที่และทุกหย่อม หญ้า นั่นก็เป็นปัญหาที่คาราคาซังมาตั้งแต่ปี 2547 หลังวาทกรรม “โจรกระจอก” ถูกเปล่ง ออกมาจากลมปากนักการเมือง

แต่จะว่าไปแล้ว คงไปโทษ “พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียวมันคงไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะปัญหาที่สุดเขตด้ามขวานทอง มันดำรง อยู่บนการแบ่งเค้กของกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่มาอย่างยืดเยื้อยาวนาน ผิดเพียง แต่ว่า การถอดสมการ ของ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” เป็นไปใน เชิงพาณิชย์ คือมีการสลายขั้วผลประโยชน์เพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใหม่

ส่งผลให้สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยุ่งอินุงตุงนังมาจนเท่าทุกวันนี้ สดๆ ร้อนๆ บึ้ม 30 จุด ในห้วงแห่งเดือนรอมฎอน ร้อนฉ่าทวีคูณองศาเดือดขึ้นมาอย่างน่าใจหายยิ่ง!!!

เสียงระเบิดที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ อีก 4 อำเภอในสงขลา ทำไมถึงสะเทือน เลื่อนลั่นมาถึงกรุงเทพเมืองฟ้าอมร และทำไม หลายเหตุผล มากมายข้อสังเกต ถึงถูกยึดโยงเข้ากับการตัดสินใจของคนระดับบิ๊กในหอคอยงาช้าง

3 เงื่อนปมร้อนชนวนไฟใต้ถูกเชื่อมโยง เอาไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง???

ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ มองไปในทิศทางเดียวกันว่าเหตุคุโชนมีสารตั้งต้นมาจากกรณีที่เจ้าพนักงานสอบสวนสั่ง ไม่ฟ้อง “สุทธิรักษ์ คงสุวรรณ” อดีตทหารพราน ที่ยิงกราดใส่ชาวบ้านขณะกำลัง ประกอบพิธีละหมาด ภายในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอปาแย ตายสิบ 10 ราย เจ็บอีกเพียบ

หลักฐานมีให้เห็นประจักษ์ชัดถนัดถนี่ มัดแน่นด้วย 3 คดีที่พ่วงเข้ามาเป็นพวงเดียว กัน สุดท้ายผู้ต้องหากลับอยู่รอดปลอดภัย มหกรรมล้างแค้นจึงเป็น 1 ในชนวนเหตุบึ้มป่วนใต้???

ปมร้อนที่สองถูกเชื่อมโยงไปถึงข้อเสนอของ “น.พ.ประเวศ วะสี” ราษฎรอาวุโส งดเว้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ต่างจากการเหยียบตาปลาคน ในกองทัพแบบเต็มๆ และเต็มบาทา

และนั่นมันย่อมสอดคล้องคาบเกี่ยวกับงบประมาณปี 54 จำนวนมหึมาที่กำลังจะไหลลงใต้ แม้ข้อสังเกตนี้จะยังไม่สามารถจับมือใครดมได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่กรณีศึกษาเหตุระเบิดที่มักจะดังโครมครามก่อนเค้ก งบประมาณคลอด ล้วนสะท้อนนัยไว้อย่างน่าขบคิด ยิ่งหากมองในตรรกะระดับปฏิบัติการป่วนใต้มืออาชีพ ที่ส่วนใหญ่ช่วงเดือนรอมดอนจะไปแสวงบุญที่เมือง “มักกะห์” นั่นจึงกลายเป็นข้อสงสัยที่แหลมคมยิ่งนักว่า..

ไร้ซึ่งระดับแกนนำแล้วมันปูพรมบึ้มกัน ได้อย่างไรถึง 30 จุด???

ขมวดมาที่ปมร้อนสุดท้าย กรณีแต่งตั้ง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี่อย่าง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ท่ามกลางการคัดค้านของซาอุดีอาระเบีย เพราะหากลองต่อจิ๊กซอว์เชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวแบบลับๆ ในโลกอาหรับ..

มันย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้เป็นแน่แท้!!!

ถอดสมการจาก 3 ปมร้อน หากสมมติฐานดังกล่าวเกิดขึ้นจริง นั่นจะเท่ากับว่า ไฟฟอนที่สุมขอนอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้วนมีที่มาที่ไปทั้งจากโจรตัวจริง โจรในเครื่องแบบ และนักการเมืองโลภ

เมื่อร่วมด้วยช่วยกันสหบาทาประชาชนตาดำๆ แบบบูรณาการกันได้ถึงเพียงนี้ คงไม่ต้องอรรถาธิบายความอะไรมากมายว่ารอยเลือดและคราบน้ำตา ของคนในพื้นที่ จะยังคงอยู่คู่บ้านเมืองนี้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!!!

ที่มา.สยามธุรกิจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น