--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เปิด"บก.ศอฉ."ตั้งวอร์รูม"อนุพงษ์"คุม จัดพื้นที่เสี่ยง3ระดับคอยเฝ้าระวัง สอบอาวุธหายจากคลังแสง

เปิด"บก.ศอฉ."ตั้งวอร์รูม " อนุพงษ์" ผบ.เหตุการณ์ เตรียมกำลังไว้รับมือสถานการณ์ 18-19 ก.ย. ครอบคลุมทุกจังหวัดที่ประกาศใช้ พ.ร.ก. อ้างได้ข่าวมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีจ้องฉกฉวยสถานการณ์ ออกประกาศห้ามใช้เครื่องขยายเสียง บช.น.แบ่งงานคุมพื้นที่เสี่ยง 3 ระดับ ประเมินม็อบไม่เกิน 5 พัน "แดง" 19 จว.พร้อมใจวางดอกไม้หน้าคุก "พท."ซัดตำรวจซี้"ชวน"ปูดข่าวชุดดำลวงโลก "มาร์ค" ให้กองทัพตรวจสอบ อาวุธหายจากคลังแสงทหาร

สุเทพยันไม่มีข่าว"ใช้อาวุธ-รุนแรง"

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถควบคุมสถานการณ์การเคลื่อนไหว และจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร ระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ 19 กันยายนได้ โดยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายสุเทพกล่าวว่า อยากบอกประชาชนให้ทำใจให้สบาย อย่าวิตกกังวลจนเกินไป เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะสามารถรักษาสถานการณ์และดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยได้ ภายหลังมีการส่งคนไปเจรจากับฝ่ายผู้ชุมนุม หากได้รับความร่วมมือก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้หากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถแก้ไขเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นได้ ทั้งนี้ จะใช้ตำรวจและพลเรือนเป็นหลัก แต่ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเอาไว้แล้วในกรณีเหลือบ่ากว่าแรง ทหารก็จะออกมาช่วยตำรวจ

นายสุเทพกล่าวกรณี พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ระบุถึงการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษคุ้มครองบุคคลระดับวีไอพี 64 คน ที่ตกเป็นเป้าหมายเป็นพิเศษว่า " เราจะพยายามดูแล เพราะเมื่อเราเห็นว่าฝ่ายหนึ่งพยายามสร้างเหตุการณ์ร้ายแรงในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษแก่สถานที่ที่อาจจะเป็นเป้าหมายคือสถานที่ราชการสำคัญๆ บ้านพักบุคคลสำคัญ รวมถึงบุคคลที่ต้องดูแลด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม จนขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันจากหน่วยงานด้านการข่าวว่าจะมีการใช้ความรุนแรง หรือใช้อาวุธ
หนักแต่อย่างใด "

ไม่พูดต่อความยาวปมชายชุดดำ

สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระแสข่าวกองกำลังชุดดำที่ไปซุ่มสังเกตการณ์ โดยเช่าคอนโดมิเนียมคนสนิทของแกนนำฝ่ายค้าน อยู่บริเวณบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างไรนั้น นายสุเทพปฏิเสธจะให้ความเห็น โดยกล่าวว่า "ผมว่าเรื่องนี้เอาไว้แค่นี้ก็พอแล้ว" ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการระบุถึงขั้น กองกำลังชุดดำได้รับการฝึกจากต่างประเทศ รอง นายกฯกล่าวว่า ให้สื่อมวลชนฉบับนั้นเปิดข้อมูลให้เต็มที่ จะได้ติดตาม ตนไม่ใช่คนเอาข่าวนี้มาพูด อย่าทำให้ไปกันใหญ่ ทำให้เบาๆ แต่ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

เมื่อถามย้ำว่า หน่วยงานด้านการข่าวรายงานว่ากองกำลังชุดดำเป็นนักรบรับจ้างบ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่พูดต่อความยาวมากไปกว่านี้ แต่ขอยืนยันกับประชาชนว่าฝ่ายความมั่นคงจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรับมือและควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ขอให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามปกติ อย่าได้กังวลใจ ทุกอย่างดูแลให้มีความสงบได้

ย้อนต้นตอปว.-รบ.แม้วคอร์รัปชั่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ เพราะมีการจัดกิจกรรมควบคู่กันไปในอีก 6 ประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่กังวลเลย ภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นในไทยไม่มีอะไรน่ากังวล หากมีอะไรที่คนต่างประเทศไม่เข้าใจ สถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ ก็ชี้แจงได้ " ผมว่าฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น่ากังวลกว่า เพราะต้องพยายามปิดบังภาพที่ไปพบกับนายทอม ดันดี อดีตนักร้อง ซึ่งมีพฤติกรรมไม่ถูกใจคนไทย มีการกระทำไม่ดีต่อประเทศและสถาบันที่เคารพกัน "นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกับนายทอมไปพบกันที่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า เห็นว่าเป็นที่ประเทศฝรั่งเศส ขณะนี้กำลังตามตรวจสอบภาพที่หลุดออกมาว่าเป็นภาพเก่าหรือใหม่ ขณะนี้เป็นรายงานข่าว ต้องตรวจสอบก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผ่านมา 4 ปีแล้วเหตุใดการเล่นงานคนคนเดียวยังไม่จบสิ้น นายสุเทพกล่าวว่า "ความจริงคนไทยทั้งประเทศไม่มีใครไปเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าไปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณเล่นงานคนไทยมากกว่า ฟาดเราทั้งประเทศจนเดือดร้อน เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเองทั้งสิ้น ก่อนหน้านั้นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาตักเตือน พ.ต.ท.ทักษิณว่าระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แต่วันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจมาก ใหญ่โตมาก จึงไม่ค่อยฟังใคร วันนี้เมื่อจะมีการจัดกิจกรรมครบรอบ 4 ปีปฏิวัติ คนไทยก็น่าจะนึกย้อนไปด้วยว่าเหตุที่มีการปฏิวัติ เพราะรัฐบาลขณะนั้นได้ทำการทุจริตคอร์รัปชั่นจนประชาชนเอือมระอา ปล่อยให้มีการล้วงละเมิดสถาบันที่เป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชน เข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายการทำงานขององค์กรอิสระ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คนไทยทำ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เขาทำตัวเขาเอง เมื่อเขาต้องคำพิพากษาก็ไม่มารับโทษ พวกผมยังไม่ได้ไปไล่ล่าที่ไหนเลย "

มาร์ค รับทราบข่าวอาวุธหาย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวอาวุธหายไปจากคลังแสง จ.ลพบุรี จำนวนมาก ว่าทราบข่าวนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ ส่วนที่ว่าจรวดอาร์พีจีหายไป 72 ลูกนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่ฟังข้อมูลมา พบว่าไม่ใช่จำนวนตามนั้น แต่ตรวจสอบกันอยู่ ซึ่งขอให้กองทัพเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ดีกว่า ของอย่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคนที่เป็นคนในไม่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้กระทบกระเทือนกองทัพ

ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าอาวุธที่หายจะเกี่ยวโยงกับกรณีที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ หรือคาบเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า " ยังไม่ได้สรุป เพราะได้สอบถามไปแล้ว และเขากำลังมีการตรวจสอบกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ กองทัพกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดและจะรายงานเข้ามาที่ผม " เมื่อถามต่อว่า กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดหรือไม่หลังจากเกิดเหตุนี้ขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานดูแลความสงบเรียบร้อยยิ่งทำงานหนักและเข้มงวดกวดขันมากขึ้น

ชี้มีคนไม่ลดละการใช้ความรุนแรง

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เข้าพบในช่วงเช้าที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า ไม่ได้มารายงานเรื่องการจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงเพื่อรำลึกวันครบรอบ 4 ปีของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่นำข้อมูลเรื่องตอบกระทู้ถามมาให้ ส่วนการจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดง ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดูแลอยู่
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่ามีการส่งชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนามแฝงตัวเข้ามาจ้องก่อเหตุวุ่นวายในประเทศไทยได้ยินข่าวนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังติดตามข่าวคราวในทำนองนี้อยู่ ไม่ได้มีเฉพาะคนสัญชาติที่ว่า แต่มีความเคลื่อนไหวหลายส่วนที่อยู่ระหว่างการติดตาม แต่ไม่ขอลงรายละเอียด

" ผมย้ำอีกครั้งว่าความเคลื่อนไหวของข่าวคราวอย่างนี้น่าจะเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ยังมีกลุ่มคนที่ไม่ลดละในการใช้ความรุนแรง ทำให้เราจำเป็นต้องพยายามสื่อสารไปยังคนที่เคลื่อนไหวโดยไม่เชื่อในเรื่องความรุนแรงว่าจะทำอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้เข้ามาฉวยโอกาส ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดูแลสถานการณ์ได้ " นายอภิสิทธิ์กล่าว

ชทพ.ให้ระวัง-อย่าเคร่งครัดม็อบ

นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงวันที่ 17-19 กันยายน เชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะเป็นการชุมนุมของกลุ่มเล็กๆ และเชื่อว่าแกนนำจะสามารถควบคุมได้ เพราะเป็นการชุมนุมที่ต้องการแสดงในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้อำนาจอย่างระวัง อะลุ่มอล่วย อย่ายึดกฎระเบียบกฎหมายข้อบังคับที่เคร่งครัด บางอย่างที่ปล่อยไปได้ก็ขอให้ปล่อย แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือชายชุดดำ และข่าวปองร้ายบุคคลสำคัญในประเทศ ซึ่งการปล่อยข่าวดังกล่าวไม่ว่าจะมาจากแหล่งใด อยากเรียกร้องผู้ปล่อยข่าวให้ระมัดระวังการปล่อยข่าวและเช็คให้ดีว่าจริงแค่ไหน เพราะจะกระทบต่อความรู้สึกของคนในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ถ้าจริงก็ต้องรีบดำเนินการจับกุมแบบเงียบๆ แต่ถ้าเป็นการปรามก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เพราะจะเป็นการ
ขาดทุนมาก

พท.ซัดตร.ซี้"ชวน"ปูดชุดดำลวงโลก

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ที่อ้างรายงานข่าวกลุ่มคนชุดดำเช่าคอนโดมิเนียมใกล้บ้านพักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นการเช่าจากบิ๊กฝ่ายค้าน ในความหมายคือ พท. ว่า เป็นเพียงการปั่นกระแสสร้างข่าว เรียกคะแนนสงสารให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อกลบข่าวครบ 4 ปีรัฐประหารและการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยคนที่จุดพลุเรื่องชายชุดดำเป็นผู้การ 191 อดีตนายตำรวจติดตามนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ สุดท้ายก็เป็นเรื่องลวงโลก โดยอ้างว่าชายชุดดำหนีออกนอกประเทศไปก่อน ทั้งที่ภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ศอฉ.มีอำนาจควบคุมผู้ต้องสงสัยเป็นเวลา 30 วัน แต่ไม่กลับทำ จึงเรียกร้องไปยังหน่วยงานความมั่นคงอย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้รัฐบาลและพรรคการเมือง จนขาดความเชื่อถือจากประชาชน

"จิ๋ว" ว่าข้อมูลเก่า-ทำลายภาพปท.

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังบรรยายพิเศษให้นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า กรณีพรรคประชาธิปัตย์ประโคมข่าวกลุ่มชายชุดดำอยู่ใกล้บ้านนายกรัฐมนตรี นั้นไม่ควรกระทำ เพราะทำลายภาพพจน์ประเทศไทย เพราะปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์นี้ และข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเก่าที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเชื่อมโยงข้อมูลถึงปัจจุบัน ถือว่าข้อมูลไม่เป็นปัจจุบันแล้วหากพรรคประชาธิปัตย์จะพูดหรือเตือนในลักษณะนี้ ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นปัจจุบันก็ไม่ควรพูดแบบนี้ เพราะเป็นเรื่องเก่าและผ่านมาแล้ว ที่สำคัญทำลายภาพลักษณ์ของประเทศและทำลายบรรยากาศแสวงหาแนวทางปรองดอง

" คนไทยไม่ชอบความรุนแรง ไม่ชอบคนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศ แต่กรอบแนวทางสันติวิถีหรือวิธีอหิงสา เป็นแนวทางที่นักการเมืองมักนิยมใช้มาตั้งแต่อดีต แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพราะเกิดจากปัญหาบางจุดบางประเด็นที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข เช่น ประเด็นสองมาตรฐาน ความไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 กันยายนนี้ พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม 4 ปี การปฏิวัติรัฐประหาร 4 เดือนราชประสงค์ เพื่อปล่อยนักโทษการเมือง เช่นเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่ม นปช. จัดกิจกรรมทั่วประเทศเพื่อรำลึกในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของวันนั้นและนำบทเรียนต่างๆ เป็นเครื่องเตือนใจให้คนทั่วไป เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศมั่นใจว่าคนเสื้อแดงจะไม่ทำอะไรไม่ดี หรือรุนแรงแน่นอน นอกจากกิจกรรมที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องในการบริหารประเทศชาติ " พล.อ.ชวลิตกล่าว

จัดงาน-ปลุกประณามรัฐประหาร

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง อดีตโฆษก พท. แถลงที่ พท.ว่า คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล (คตร.) พท. ที่มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ได้หารือกันแล้วมีมติที่จะจัดงานเสวนา "4 ปีรัฐ ประหารผ่านไปประเทศไทยได้อะไร" ขึ้นในโอกาสครบรอบ 4 ปีในวันที่ 19 กันยายน ที่ห้องประชุมชั้น 2 ของพรรคเพื่อไทย เพื่อวิจารณ์และประณามการรัฐประหาร เนื่องจาก คตร.เห็นสอดคล้องกันว่าการรัฐประหารเป็นเหตุเริ่มต้นของความวุ่นวายของปัญหาการเมือง จนเป็นบาดแผลลึกกับสังคมไทย ซึ่งวันนี้ทั้งฝ่ายผู้ก่อการ ผู้สนับสนุน ยังมีชีวิตอยู่กันครบถ้วน

ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากการรัฐประหาร ดังนั้น ทั้ง 3 ส่วนประกอบนี้ต้องรับรู้ว่าการรัฐประหารเมื่อ 4 ปีที่แล้วเพราะอะไร ประชาชนจึงต้องประณาม ประท้วงและมีกิจกรรมต่อต้านกันทุกปี โดยนายสมชาย จะปาฐกถาพิเศษครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร จากนั้นก็จะเริ่มการเสวนาโดยมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรค

ไทยรักไทย และนายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร. ร่วมเป็นวิทยากร

นปช.วางกุหลาบหน้าคุก-เยี่ยม"แกนนำ"

ขณะที่กลุ่ม นปช.จัดกิจกรรมวางดอกไม้หน้าเรือนจำทั่วประเทศ โดยเมื่อเวลา 08.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายสมหวัง อัคศราศรี เจ้าของบริษัทมิตซูชิต้า และนายวรวุธ วิชัยดิษฐ แนวร่วม นปช. รวมตัวกันบริเวณทางเท้าหน้าเรือนจำ และนำกุหลาบสีแดงผูกกระดาษมีข้อความ " บ้านเมืองมีกฎหมายอย่าใช้ศาลเตี้ยกับแกนนำของเรา" และ "ปล่อยแกนนำออกมาได้แล้ว" มาวางและผูกกับรั้วเรือนจำตลอดแนว พร้อมกันนี้แนวร่วม นปช.ประกาศผ่านโทรโข่งปราศรัยเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ นปช. ที่ถูกคุมขังในคดีก่อการร้าย เพราะถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ มีผู้ชุมนุมบางคนไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปวางดอกไม้ภายในเรือนจำ ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมดังกล่าว เป็นเหตุให้การจราจร ถนนงามวงศ์วานติดขัด เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมนำรถยนต์ส่วนตัวและรถบัสมาจอดทำให้เสียช่องทางจราจรไปหนึ่งช่องทาง

ส่วนพ่อค้าและแม่ค้านำสินค้าที่ระลึกในการชุมนุมของคนเสื้อแดงมาวางขายตลอดริมทางเท้าหน้าเรือนจำรวมถึงป้ายหยุดรถประจำทาง โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ภรรยา นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นตัวแทนเจรจาขอให้นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อนุญาตให้ตัวแทนกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน เข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง แต่ ผบ.เรือนจำอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้เพียง 30 คน จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมยินยอมทำความตกลงส่งตัวแทนเข้าเยี่ยม

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. เดินทางถึงหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 10.15 น. พร้อมทั้งนำดอกกุหลาบสีแดงวางหน้าเรือนจำ และเดินทางกลับ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกน "เสื้อแดง สู้ๆ" ตลอดเวลา

ตู่ดักคอจ้างมือที่3ป่วนกิจกรรม19ก.ย.

นายจตุพรกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้ากลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดกิจกรรมวางดอกไม้ด้านหน้าเรือนจำอีก เพื่อแสดงให้คนข้างในเห็นว่าคนเสื้อแดงข้างนอกยังไม่ลืมคนที่อยู่ข้างใน แต่การจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นการกดดันศาล สำหรับการจัดกิจกรรมในวันที่ 19 กันยายน ที่จังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบจะเป็นการปราศรัยถึงแนวคิดการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน จึงขอร้องรัฐบาลว่าอย่าจ้างมือที่สามมาสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย เพราะเมื่อคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมเสร็จจะเดินทางกลับเหมือนกิจกรรมในวันนี้

นายจตุพรกล่าวถึงกรณี ที่มีการปล่อยข่าวว่ามีชายชุดดำแฝงตัวอยู่บนคอนโดมิเนียมใกล้บ้านพักนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับข้อมูลจากตำรวจในพื้นที่ว่าชายชุดดำเป็นทหารที่ได้รับการประสานมาดูแลความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี หากนำเทปจากกล้องวงจรปิดคอนโดมิเนียมมาตรวจสอบจะรู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็น รปภ.นายกรัฐมนตรีมาสวมชุดดำ หลังจากนี้ไม่ต้องการให้มีการกล่าวหาหากเห็นคนชุดดำก็จะอ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงไปทั้งหมด

ผบ.คุกเล็งเพิ่มโควต้าเยี่ยมแกนนปช.

นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า เชื่อว่ากิจกรรมคนเสื้อแดงเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ หากวางดอกไม้เสร็จก็คงกลับ ไม่ขัดข้องที่จะเปิดให้เข้าเยี่ยมแกนนำ นปช.และอาจเพิ่มจำนวนผู้เข้าเยี่ยมจาก 1 ต่อ 10 เป็น 1 ต่อ 20 โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้จัดตำรวจ 5 กองร้อยมาดูแล นอกจากนี้ ได้ระดมกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษจากทุกเรือนจำมาประจำการ เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณเรือนจำ

นายโสภณกล่าวต่อว่า เรือนจำเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้ตามปกติ แต่ต้องผ่านด่านตรวจยานพาหนะอย่างเข้มงวด ส่วนคนเสื้อแดงที่ต้องการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังแกนนำ นปช. แสดงบัตรประจำตัวประชาชนและลงทะเบียนเข้าเยี่ยมได้ตามปกติ เรือนจำจัดให้เข้าเยี่ยมอัตราส่วน 1 ต่อ 10 คือผู้ต้องขัง 1 คน มีญาติเข้าเยี่ยมได้ 10 คน ใช้เวลา 15 นาที ตามระเบียบ ส่วนการวางดอกไม้ตกลงให้วางที่ประตูด้านหน้าริมถนนงามวงศ์วาน ไม่อนุญาตให้มาทำกิจกรรมที่ประตูชั้นใน ทั้งนี้ หากมีดอกไม้มากจะเก็บไปบูชา บางส่วนจะให้ผู้ต้องขังแกนนำ นปช.

ปชป.กลัวคนแฝงสร้างความรุนแรง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เเถลงว่า กรณีที่คนเสื้อเเดงเดินสายไปวางดอกไม้สีเเดงที่ด้านหน้าเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ ถ้าดูความเคลื่อนไหวในวันนี้คิดว่าเรียบร้อย เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้มีการวางแผนให้การเคลื่อนไหวเป็นตามแผน อีกทั้งการเคลื่อนไหวในวันนี้มีคนเข้าร่วมน้อย มีเฉพาะแฟนพันธุ์เเท้เเละฮาร์ดคอร์ หรือเป็นเพราะแกนนำคนเสื้อเเดงแถวสองมีบทบาทน้อย หลังจากแกนนำรุ่นเเรกถูกจับกุม ทำให้ระดมคนเสื้อเเดงได้ไม่มากพอ มีเพียงแกนนำรุ่นเเรกบางคน เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส. โฆษณาชวนเชื่อสร้างความตื่นตระหนกเเบบ "ดังเเต่ท่อ ล้อไม่หมุน " หากยังมีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ คิดว่าบรรยากาศ วันที่ 19 กันยายน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาพรรคไม่วิตกเรื่องจำนวน แต่วิตกเรื่องการเเฝงตัวเข้ามาร่วมชุมนุมโดยใช้ความรุนเเรงเหมือนวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะเเกนนำคนเสื้อเเดงไม่สามารถสั่งการเเละควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งยังโยนความผิดให้รัฐบาลด้วย ฉะนั้นหลังวันที่ 19 กันยายนไปเเล้ว ขอเรียกร้องว่าคนเสื้อเเดงไม่ควรมาชุมนุมอีก เพราะไม่มีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหว เเต่หากยังจะชุมนุมต่อไปนั้นเเสดงว่าไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ปราศจากการเคลื่อนไหวการเมือง

บช.น.แบ่งงานคุมพื้นที่18-19ก.ย.

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. เปิดเผยในช่วงกลุ่มคนเสื้อแดงวางกุหลาบหน้าเรือนจำว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) รายงานสถานการณ์ว่าขณะนี้ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 ดูแลพื้นที่หน้าเรือนจำกลาง พบว่า นายจตุพรนำมวลชนมาวางดอกไม้ได้เดินทางกลับแล้ว มวลชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเหลือไม่ถึง 100 คน บางส่วนเข้าเยี่ยมตามปกติ สำหรับเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ10) ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับตำรวจทั่วประเทศ โดย จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง มีการวางดอกไม้เช่นกัน ทุกแห่งยังเรียบร้อยดี ผู้เข้าร่วมชุมนุมก็ปฏิบัติตามกรอบ กติกา ที่ ศอฉ.กำหนดไว้ ไม่มีการรุกล้ำผิดกฎจราจร ไม่ปักหลักกีดขวางและปฏิบัติตามกฎหมายปกติ

" ในส่วนของ บช.น. ทาง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. วางกำลัง 2 กองร้อย รวมทั้งฝ่ายสืบสวน ฝ่ายจราจร และฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่ และวางกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจนกว่าสถานการณ์เรียบร้อยจึงเดินทางกลับ สำหรับการเตรียมความพร้อมในวันที่ 18-19 กันยายน มีการตรวจสอบความพร้อมของ บก.ต่างๆ ในส่วนของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 มอบหมายให้รับหน้าที่เจรจาต่อรองกับแกนนำผู้ชุมนุมรับทราบว่าทำอะไรได้บ้างหรือไม่ได้ ซึ่งก็รับทราบเป็นอย่างดี สำหรับ บก.น.5 รับผิดชอบพื้นที่ราชประสงค์ บก.น.6 รับผิดชอบพื้นที่ต่อเนื่อง และวัดปทุมวนาราม ได้ออกแผนการปฏิบัติชัดเจนเรียบร้อย ส่งแผนการปฏิบัติให้ บช.น.และ ตร. เรียบร้อยแล้ว " โฆษก บช.น.กล่าว

ตรวจ-ค้นเข้มข้นพื้นที่จัดกิจกรรม

โฆษก บชน.กล่าวว่า ในส่วนของ บก.อื่นๆ ที่มีสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ทำเนียบรัฐบาล บ้านพักบุคคลสำคัญ บ้านนายกรัฐมนตรี บ้านรองนายกรัฐมนตรี จัดกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว สำหรับกิจกรรมในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเช้าจะจัดสัมมนาภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้มวลชนบางส่วนจะไปทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัว ซึ่งทาง บก.น.1 รับผิดชอบดูแลและไม่มีปัญหา ส่วนการทำบุญการข่าวล่าสุดยังทำบุญที่วัดปทุมวนารามอยู่ แต่บางส่วนก็บอกจะไปทำบุญที่วัดหัวลำโพง ซึ่งก็กำลังดูอยู่ โดยเวลา 07.00 น. ยังมีกิจกรรม "คาร์ฟรีเดย์" ของ กทม. โดยขี่จักรยานรอบ กทม. และชมรมขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ จึงขอแยกให้ออก มีเส้นทางประมาณ 20 เส้นทาง ใช้เส้นทางลานคนเมือง ถนนราชดำเนินนอก ถนนอัษฎางค์ ถนนเจริญกรุง พระราม 4 พญาไท ผ่านห้างมาบุญครอง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนราชวิถี กลับถนนราชดำเนินกลาง และเข้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่ง บก.จร.ประสานว่าขอให้กิจกรรมเหล่านี้เสร็จสิ้นเวลา 12.00 น. จะมีตำรวจจราจรดูแลตลอดเส้นทาง

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กิจกรรมที่อาจกระทบบ้างคือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผบช.น. ให้จัด ปจ.ของ บก.น.6 และ บก.น.9 ดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุมเคารพกฎจราจรด้วย เพราะพื้นที่ราชประสงค์ประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยอยู่ การจัดกิจกรรมจัดได้บนฟุตปาธ บก.จร.จัดให้ข้ามถนนตามสัญญาณไฟ ส่วนการตรวจค้นยานพาหนะ ด่านต่างๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ตรวจเข้มอยู่ โดยประสาน กทม. ในพื้นที่จุดจัดกิจกรรม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกราชประสงค์ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่ง กทม.ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจาก กทม. บก.จร. รวมถึงร้านค้าต่างๆ โดยจัดเจ้าหน้าที่ไปดูกล้องวงจรปิดตลอดเวลา หากกิจกรรมใดฝ่าฝืนกฎหมายตำรวจจะเข้าไปเตือนก่อน แต่หากฝ่าฝืนอีกตำรวจจะจับกุม ซึ่งกิจกรรมใดที่จับกุมแล้วไม่เหมาะสมก็อาจออกหมายจับเพื่อจับกุมต่อไป

" สำหรับการปิดถนน การปิดเส้นทางจราจร การปิดเส้นทางเข้าออก การใช้เครื่องขยายเสียงรบกวนผู้อื่น ศอฉ.สั่งการว่าห้ามเด็ดขาด ให้ทำตามกติกา สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ ทั้งผูกผ้าแดง การชูป้าย แต่ข้อความก็ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบผู้อื่น ซึ่งความพร้อมต่างๆ ผบช.น.ให้ ผบก.พื้นที่เป็น ผบ.เหตุการณ์ในพื้นที่ และมี พล.ต.ต.วรศักดิ์ และ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. กำกับดูแลอยู่ โดย ศปก.น.ปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมงจนกว่าจะเสร็จสิ้น ใช้แผนพิทักษ์เมืองในการดูแล " พล.ต.ต.ปิยะกล่าว

ตร.ประเมินม็อบ19ก.ย.ไม่เกิน5พัน

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า การชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน ส่วนใหญ่จะไปทำกิจกรรมที่ จ.เชียงใหม่ ที่ กทม.เป็นกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง คาดว่ามีประมาณ 500-1,000 คน ถ้าจำนวนมากกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา ตำรวจวางกำลังดูแลเป็นระลอกอยู่แล้ว พล.ต.ต.วิชัยไปเจรจากับแกนนำแล้ว แจ้งว่าทำกิจกรรมบริเวณราชประสงค์ไม่เกินเวลา 20.00 น. ส่วนที่สนามกีฬากลางเชียงใหม่ไม่เกินเที่ยงคืน บริเวณราชประสงค์นั้นไม่มีการปิดจราจรประชาชนสามารถใช้เส้นการได้ตามปกติ โดยดูมวลชนเป็นหลักถ้าบนทางเท้ารองรับจำนวนคนไม่ไหว อาจจะล้ำมาบนพื้นผิวการจราจรได้บ้างแต่ไม่ใช่ว่ามีจำนวนน้อยแล้วปิดการจราจร

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการประเมินการเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่าวันที่ 19 กันยายน กำหนดการเริ่มตั้งแต่เวลา 16.30 น. เสร็จสิ้นสุดเวลา 19.30 น. คาดว่าผู้ชุมนุมไม่เกิน 5,000 คน ในส่วนของการใช้พื้นผิวจราจรมีการทำข้อตกลงว่าหากผู้ชุมนุมจำนวนไม่มากให้อยู่บนทางเท้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้จะมีจำนวนมากก็ให้กระจายไปอยู่บนทางเท้าอื่นๆ ก่อน แต่หากไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยมาคุยกันว่าจำนวนมากขนาดไหนถึงจะใช้พื้นผิวจราจรได้ ทั้งนี้ภาพรวมของการเคลื่อนไหวยังอยู่ในความเรียบร้อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ไม่วิตกแต่ไม่ประมาทมือที่3ป่วน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงมือที่ 3 มาก่อเหตุบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า ตำรวจมีความเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 แต่ไม่ถึงกับวิตกกังวล ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น การข่าวยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีเหตุป่วน หรือสร้างสถานการณ์ แต่ก็ไม่ประมาท ได้วางกำลังไว้ในจุดที่สำคัญหรือจุดที่น่าจะมีเหตุ นอกจากนี้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ประสานงานกับแกนนำผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาไปได้ด้วยดี ฝ่ายผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด เช่นการใช้เครื่องขยายเสียงก็ใช้เพียงขนาดเล็ก อย่างโทรโข่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มเสื้อหลากสีจะชุมนุมที่แยกราชประสงค์ด้วยจะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า ตำรวจทราบข้อมูลเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทราบจำนวนคน แต่หากเป็นการแสดงกิจกรรมหรือแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หากไม่เกินจากกรอบที่วางไว้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าการปล่อยข่าวชายชุดดำเป็นการกุข่าวเพื่อสร้างกระแส พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องของการสืบสวนของตำรวจนครบาล และฝ่ายความมั่นคง ยืนยันตรงกันว่ามีกลุ่มคนเข้ามาสร้างความไม่สงบ ล่าสุด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ติดตามจับกุม ซึ่งทางนครบาลมีหลักฐานและอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามแต่ยังไม่ถึงขั้นออกหมายจับ

จัดพื้นที่เสี่ยง3ระดับคอยเฝ้าระวัง

รายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 18-19 กันยายน ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้แบ่งพื้นที่ความเสี่ยงในการเฝ้าระวังเป็น 3 ระดับ ดังนี้ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงมาก ได้แก่ 1.ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุและเป็นกลุ่มทุน 2.แยกราชประสงค์และห้างสรรพสินค้าโดยรอบ 3.สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุในช่วงที่มีการชุมนุม และ 4. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์

พื้นที่ที่ความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ 1.บริเวณแยกประตูน้ำ หน้าโรงแรมอินทรา 2.หน้าห้างสรรพสินค้าฟอร์จูน รัชดาภิเษก 3.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 4.สถานีขนส่งหมอชิต 5.สถานีรถไฟบางซื่อ 6.หน้าห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ 7.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 8.สถานีขนส่งเอกมัย 9.สถานีรถไฟหัวลำโพง 10.หน้าห้างมาบุญครอง 11.สถานีขนส่งสายใต้ 12.ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้าและโรงหนังเมเจอร์ปิ่นเกล้า และ 13.สยามและห้างโดยรอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อย 1.ท่าพระจันทร์ 2.สนามบินดอนเมือง 3.สะพานควาย 4.โรงหนังเมเจอร์ รัชโยธิน 5.หน้าสวนจตุจักร 6.ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว 7.ห้างเดอะมอลล์บางกะปิและตะวันนา 8.บริเวณเยาวราช วังบูรพาและพาหุรัด และ 9.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

เหนือ-อีสานพรึ่บวางดอกไม้หน้าคุก

ทางด้านการวางดอกไม้หน้าเรือนจำในจังหวัดต่างๆ นั้น เมื่อเวลา 10.00 น. บริเวณทางเข้าหน้าเรือนจำจังหวัดพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พะเยา นำโดยนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงาน นปช.พะเยา พร้อมแนวร่วมประมาณ 30 คน เดินทางร่วมวางดอกไม้สีแดง พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกเพื่อสดุดีกลุ่มคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต และให้กำลังใจคนเสื้อแดงที่ถูกจำคุกโดยมี พ.ต.อ.บัญญัติ เนตรสุวรรณ ผกก.สภ.เมือง นำกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 นาย เฝ้าสังเกตการณ์และรักษาความสงบ

นายศิริวัฒน์กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ โดยวางดอกไม้สีแดงหน้าเรือนจำ เพื่อสดุดีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา และให้กำลังใจคนเสื้อแดงที่ได้รับโทษถูกจำคุกตามเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ

กลุ่ม นปช.อุบลราชธานี นำดอกไม้ร่วม 60 ดอก มาวางบริเวณป้ายชื่อเรือนจำจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อให้กำลังใจเพื่อน นปช.ที่ถูกจำคุกในเรือนจำ ขณะที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานีมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ และตรวจค้นอย่างเข้มงวด โดยใช้เครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยกับผู้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง รวมทั้งตรวจรอบๆ เรือนจำทั้ง 4 ด้าน ส่วนที่เรือนจำกลาง จ.ยโสธร จะมีมวลชนประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่อยู่นอกพื้นที่รวมตัววางดอกไม้ แล้วแยกย้ายเดินทางกลับ เช่นเดียวกันกับที่ จ.อุตรดิตถ์ กลุ่มผู้รักประชาธิปไตยและเรียกร้องความยุติธรรม จ.อุตรดิตถ์ หรือกลุ่มเสื้อแดงราว 50 คน นำโดยนายปัณณวัฒน์ นาคมูล อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อุตรดิตถ์ เขต อ.ลับแล และคณะทำงานของนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พท. รวมตัวกันที่ศาลาจัตุรมุข สนามหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ ก่อนเดินทางไปยังหน้าเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อเวลา 10.05 น. เพื่ออ่านแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จากนั้นวางดอกกุหลาบสีแดงที่รั้วและป้ายหน้าเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งผูกผ้าแดงตามรั้วเรือนจำ

เฟซบุ๊กขอเทศบาลขวางแดงเชียงใหม่

ที่ จ.เชียงใหม่กลุ่มแดงอิสระกว่า 20 คน รวมตัวนำดอกไม้แดงวางหน้าเรือนจำกลางเชียงใหม่ อ.เมือง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลากลาง จ.เชียงใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่ถูกคุมขัง 1 คน คือ นายสุจิตต์ อินทรชัย หลังบุกเผาประตูจวนผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ และบ้านปลัด จ.เชียงใหม่ เสียหาย ที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ กลุ่มเฟซบุ๊ก และชาวเชียงใหม่ที่รักและห่วงใยประเทศชาตินำโดย น.ส.หฤทัย จำปางาม และนายธนภูมิ อโศกตระกูล เข้าพบนายสุนทร ยามศิริ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ยื่นแถลงการณ์ชาวเชียงใหม่เรื่อง ขอแสดงจุดยืนต่อกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 กันยายน 2553 โดยระบุว่า มีความห่วงใยอย่างมากใน

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงเสนอให้เทศบาลนครเชียงใหม่ระมัดระวังการอนุญาตให้ใช้สนามกีฬาเทศบาลเป็นสถานที่ชุมนุม เพราะเกรงจะมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ ส่งผลเสียหายต่อเมืองเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย

น.ส.หฤทัยกล่าวว่า ไม่ค้านการจัดกิจกรรม แต่ไม่อยากให้คนภูมิภาคอื่นๆ มองเชียงใหม่ในทางที่ไม่ดีและไม่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวอีก จึงไม่อยากให้แบ่งสีแบ่งกลุ่ม อยากให้คนเชียงใหม่หันมาจับมือกันเป็นสีเดียว เพื่อให้บรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายลงโดยเร็ว

นายสุนทรกล่าวว่า ลงนามอนุญาตให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้สนามกีฬาเทศบาลเพราะมีการปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบการขอใช้สถานที่ถูกต้อง ขณะนี้มีการชำระค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่มาแล้ว 3,000 บาท ค่าไฟฟ้า 1,000 บาท หลังจากแกนนำ นปช.แดงเชียงใหม่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย จะชุมนุมอย่างสันติตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในฐานะผู้บริหารก็ต้องอนุญาตหากสนามว่าง โดยเทศบาลจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัย

"ผู้บริหารเทศบาลก็อยากเห็นบ้านเมืองเชียงใหม่ดีขึ้น เพราะเราประกาศเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้วก็ไม่อยากให้กลับมาใช้อีก อยากให้มีการพูดจากันดีๆ มากกว่า" นายสุนทรกล่าว

ที่มา.มติชนออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น