ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน
กรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกมาให้ข่าวความคืบหน้าการสอบสวนเหตุการณ์คนตาย 91 ศพ จากการปราบม็อบคนเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า
ดีเอสไอจะออกหนังสือถึงกองทัพ
ขอเข้าสอบปากคำนายทหารที่มีส่วนร่วมวางแผนปฏิบัติการกระชับพื้นที่ในเหตุการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดงทั้งที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และสี่แยกราชประสงค์
เพื่อให้ได้ข้อมูลว่ามีการจัดวางกำลังและใช้กำลังพลเท่าไหร่ในการปฏิบัติการ มีการนำอาวุธออกไปใช้งานอย่างไร และจำนวนอาวุธที่ใช้ในปฏิบัติการใช้จริงไปเท่าไหร่
ฟังแล้วให้ความรู้สึกในแบบที่สำนวนหนังสือกำลังภายในกล่าวไว้ว่า
หัวร่อมิออก ร่ำไห้มิได้
ถึงแม้การสอบปากคำทหารและการตรวจสอบอาวุธ จะเป็นขั้นตอนสำคัญในการคลี่คลายคดี 91 ศพ ซึ่งทางดีเอสไอจำเป็นต้องทำ
แต่การปล่อยเวลาล่วงเลยไปนาน 4 เดือนกว่าจะเริ่มกระบวนการตรงนี้ได้
ทำให้ใครหลายคนสงสัยว่าจริงๆ แล้วดีเอสไอมีเจตนาอย่างไรแน่
ต้องการจะทำเพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริง หรือทำไปแบบส่งเดชเพื่อเอาตัวรอดจากข้อครหา 2 มาตรฐาน
ยังไม่รวมถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการให้ข่าวของนายธาริต
เป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้เจ้าหน้าที่และ หน่วยงานของรัฐทำลายหลักฐาน ทำความสะอาดปืน เปลี่ยนแปลงแก้ไขหนังสือคำสั่งต่างๆ
ไม่ว่าคำสั่งจัดวางกำลังพลหรือการเบิกจ่ายอาวุธหรือไม่
เพราะท่าทีของนายธาริต ก็แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจฝ่ายทหารอยู่ไม่น้อย
อย่างตอนนักข่าวสอบถามนายธาริต กลัวหรือไม่ว่าถ้าไปสอบสวนทหารมากๆ ต่อไปเวลาเกิดเหตุความไม่สงบ ทหารจะไม่ยอมนำกำลังออกมาช่วยแก้ปัญหาอีก
นายธาริต เลยรีบตอบกลับอย่างฉาดฉานว่า
การดำเนินการของดีเอสไอนั้นไม่ได้เป็นการทึกทักว่าทหารผิด แต่ที่ต้องสอบถามทหารเพราะเป็นพยานที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์มากที่สุด
พินอบพิเทากันซะขนาดนี้
ทีกับคนเสื้อแดงที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครมาเชิญไปเป็นพยาน
มีแต่ถูกข่มขู่ ไล่ล่า ฆ่าปิดปาก
ส่วนหนึ่งยังโดนตั้งข้อหาส่งฟ้องเป็นจำเลยคดีก่อการร้ายอีกต่างหาก
******************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น