--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

คดี 91 ศพ

ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน

กรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกมาให้ข่าวความคืบหน้าการสอบสวนเหตุการณ์คนตาย 91 ศพ จากการปราบม็อบคนเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า

ดีเอสไอจะออกหนังสือถึงกองทัพ

ขอเข้าสอบปากคำนายทหารที่มีส่วนร่วมวางแผนปฏิบัติการกระชับพื้นที่ในเหตุการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดงทั้งที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และสี่แยกราชประสงค์

เพื่อให้ได้ข้อมูลว่ามีการจัดวางกำลังและใช้กำลังพลเท่าไหร่ในการปฏิบัติการ มีการนำอาวุธออกไปใช้งานอย่างไร และจำนวนอาวุธที่ใช้ในปฏิบัติการใช้จริงไปเท่าไหร่

ฟังแล้วให้ความรู้สึกในแบบที่สำนวนหนังสือกำลังภายในกล่าวไว้ว่า

หัวร่อมิออก ร่ำไห้มิได้

ถึงแม้การสอบปากคำทหารและการตรวจสอบอาวุธ จะเป็นขั้นตอนสำคัญในการคลี่คลายคดี 91 ศพ ซึ่งทางดีเอสไอจำเป็นต้องทำ

แต่การปล่อยเวลาล่วงเลยไปนาน 4 เดือนกว่าจะเริ่มกระบวนการตรงนี้ได้

ทำให้ใครหลายคนสงสัยว่าจริงๆ แล้วดีเอสไอมีเจตนาอย่างไรแน่

ต้องการจะทำเพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริง หรือทำไปแบบส่งเดชเพื่อเอาตัวรอดจากข้อครหา 2 มาตรฐาน

ยังไม่รวมถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการให้ข่าวของนายธาริต

เป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้เจ้าหน้าที่และ หน่วยงานของรัฐทำลายหลักฐาน ทำความสะอาดปืน เปลี่ยนแปลงแก้ไขหนังสือคำสั่งต่างๆ

ไม่ว่าคำสั่งจัดวางกำลังพลหรือการเบิกจ่ายอาวุธหรือไม่

เพราะท่าทีของนายธาริต ก็แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจฝ่ายทหารอยู่ไม่น้อย

อย่างตอนนักข่าวสอบถามนายธาริต กลัวหรือไม่ว่าถ้าไปสอบสวนทหารมากๆ ต่อไปเวลาเกิดเหตุความไม่สงบ ทหารจะไม่ยอมนำกำลังออกมาช่วยแก้ปัญหาอีก

นายธาริต เลยรีบตอบกลับอย่างฉาดฉานว่า

การดำเนินการของดีเอสไอนั้นไม่ได้เป็นการทึกทักว่าทหารผิด แต่ที่ต้องสอบถามทหารเพราะเป็นพยานที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์มากที่สุด

พินอบพิเทากันซะขนาดนี้

ทีกับคนเสื้อแดงที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครมาเชิญไปเป็นพยาน

มีแต่ถูกข่มขู่ ไล่ล่า ฆ่าปิดปาก

ส่วนหนึ่งยังโดนตั้งข้อหาส่งฟ้องเป็นจำเลยคดีก่อการร้ายอีกต่างหาก

******************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น