--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

RPGหาย72ลูก มาร์คบี้ทหารหาหนอนบ่อนไส้

งามหน้า เขตทหารลพบุรีโจรชุม คลังแสงปล่อยอาร์พีจีหาย 72 ลูก หวั่นกองกำลังติดอาวุธใช้บอมบ์แกนนำรัฐบาล "มาร์ค" ยอมรับได้รับรายงานแล้ว บี้ทหารรับผิดชอบ เชื่อคนในเอี่ยว ระบุเป็นสิ่งยืนยันมีกลุ่มคนไม่ลดละในการใช้ความรุนแรง ส่วนคนเสื้อแดง "ตุ๊ดตู่" นำทีมเคลื่อนไหวหน้าคุกไม่คึกคัก ศอฉ.พร้อมรับมือรำลึกวัน "น.ช.ทักษิณ" พ้นเก้าอี้นายกฯ ตำรวจยังคงใช้แผน "พิทักษ์เมือง" คุมเข้มบ้านวีไอพี รถไฟฟ้า คาดแดงไม่เถือกแค่พันคน

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงการณ์ประชุม ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นประธานว่า มีการหารือถึงการเตรียมรับสถานการณ์ช่วงวันที่ 17-19 ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายข่าวได้เตรียมข้อมูลโดยสรุปว่าการวางดอกไม้ในพื้นที่เรือนจำใน กทม.และต่างจังหวัดทั้งสิ้น 8 จังหวัด ในวันที่ 17 ก.ย.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ใน กทม.มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน ส่วนจังหวัดต่างๆ มียอดแตกต่างกันไป ประมาณ 30-100 คน เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า ภาพรวมการติดตามสถานการณ์ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ศอฉ.จะเปิด บก.ติดตามสถานการณ์ มี พล.อ.อนุพงษ์เป็นผู้ดูแล โดยจะติดตามสถานการณ์อยู่ภายนอก หากเกิดเหตุการณ์อะไรท่านจะเข้ามาทันที เพราะว่า ผอ.ศอฉ.ได้ชี้แจงย้ำว่า ผบ.ทบ.ในฐานะ ผช.ผอ.ศอฉ.เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งการตั้ง บก.ไม่ถึงกับว่ามีความวิตกกังวล แต่ว่ามีข้อมูลข่าวสารในการทำกิจกรรมทางการเมือง ที่แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีความประสงค์ดี แต่ก็มีข้อมูลข่าวสารส่วนหนึ่งว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามฉกฉวยสถานการณ์ เพราะฉะนั้นเตรียมไว้ก่อน เกินดีกว่าขาด

พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ในพื้นที่ กทม.และเชียงใหม่มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อพร้อมปฏิบัติภารกิจหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่คาดว่าคงไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อถามถึงกระแสข่าวอาวุธที่คลังแสง จ.ลพบุรี ถูกคนร้ายขโมยไปนั้น โฆษก ศอฉ.ตอบว่า พยายามตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบข้อมูลว่าอาวุธดังกล่าวหายไป

"การดูแลอาวุธในคลังแสงถือเป็นหลักปฏิบัติอยู่แล้ว โดยให้ทุกหน่วยดูแลตามหลักเกณฑ์ในการเก็บรักษาอาวุธอยู่แล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าอาวุธที่มีข่าวว่าหายไปนั้นยังตรวจสอบไม่พบ ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง" พ.อ.สรรเสริญกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่จังหวัดลพบุรี ได้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าอาวุธและเครื่องกระสุนที่คลังแสงหายไป โดยอาวุธส่วนใหญ่ที่หายเป็นหัวกระสุนอาร์พีจี ทันทีที่มีกระแสข่าวดังกล่าวออกมา ต้นสังกัดได้สั่งให้ทหารแต่ละหน่วยในจังหวัดลพบุรีตรวจสอบอาวุธของหน่วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าได้มีการสั่งการให้ปิดข่าวในเรื่องนี้ พร้อมกันนี้มีการระบุด้วยว่าหัวระเบิดอาร์พีจีหายไป 72 ลูก

ขณะที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า มีกลุ่มที่เตรียมจะก่อเหตุรุนแรงและลอบสังหารบุคคลสำคัญในรูปแบบของการยิงระยะไกลมาจากอาคารสูง อาคารร้าง ทางด่วน และถึงขั้นใช้ระบบการปฏิบัติการคาร์บอมบ์

สำหรับอาร์พีจีที่หายไป มีการคาดการณ์ว่าอาจหายจากคลังแสงกรมสรรพาวุธ ทหารบก หรือศูนย์การบินทหารบก รวมทั้งเป็นไปได้ที่จะหายไปจากคลังเก็บอาวุธของศูนย์การทหารปืนใหญ่ ศูนย์ซ่อมสร้างอาวุธ กระทรวงกลาโหม และค่ายทหารที่ขึ้นตรงกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ

"มาร์ค"ได้รับรายงานแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าหายจริง แต่จำนวนที่ฟังมาไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งได้มีการตรวจสอบกันอยู่ เรื่องนี้ให้ทางกองทัพเป็นผู้ชี้แจง

ถามว่าช่วงเวลาที่อาวุธหายไปคาบเกี่ยวกับการชุมนุม นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ ทางกองทัพกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัญหาอะไรกับคลังแสงของกองทัพ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เป็นเรื่องที่จะตรวจสอบและรายงานมา "จำไม่ได้ว่ารับรายเมื่อไหร่ แต่ผมพอทราบข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว"

"ของอย่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคนที่เป็นคนในไม่เกี่ยวข้อง กองทัพต้องตรวจสอบ และดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือน"

กรณีที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่ามีชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนามที่ได้รับการฝึกการใช้อาวุธเข้ามาเตรียมที่จะก่อเหตุนั้น นายกฯ กล่าวว่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบเขาติดตามข่าวคราวทำนองนี้ ซึ่งไม่ได้พูดเฉพาะเรื่องสัญชาติที่ว่า และพบว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่หลายส่วนกำลังจับตาดูอยู่ แต่ขอไม่ลงรายละเอียด

"ขอย้ำอีกครั้งว่าความเคลื่อนไหวและข่าวคราวอย่างนี้ น่าจะเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ายังมีกลุ่มคนที่ไม่ลดละเรื่องของการไม่ใช้ความรุนแรง และจึงเป็นสิ่งที่เราต้องสื่อสารไปยังคนที่เคลื่อนไหวโดยไม่เชื่อในส่วนของความรุนแรง ว่าจะทำอย่างไรที่จะป้องกันคนเหล่านี้ไม่ให้ฉวยโอกาส"

เมื่อถามต่อว่า มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยสีหน้าอย่างจริงจังและน้ำเสียงที่มั่นใจว่า ได้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ที่ประชุม ศอฉ. ไม่ได้พูดคุยเรื่องเตรียมแผน มาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องหลัก เพราะประชุมจบไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าตำรวจมีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งแนวทางรัฐบาลมีอยู่แล้ว ทั้งนี้คิดว่าการชุมนุมคงไม่มีอะไร

วันเดียวกัน มีการแจกจ่ายประกาศ ศอฉ.เรื่องห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมฉบับที่ 2 ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเพิ่มเติมข้อห้ามอีก 1 ข้อ เป็นข้อที่ (5) คือ ห้ามการใช้เครื่องขยายเสียงหรือใช้เวทีตั้งเครื่องขยายเสียง หรือใช้ยานพาหนะติดตั้งเครื่องขยายเสียง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ ประกาศฉบับแรกที่มีการประกาศไปตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.นี้ มีเนื้อหาห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนเป็นต้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้ (1) กีดขวางการจราจรจนไม่อาจใช้สัญจรได้ตามปกติ (2) กีดขวางทางเข้า-ออกอาคารหรือสถานที่อันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงาน การประกอบกิจการ หรือการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนโดยทั่วไป (3) มีการประทุษร้ายหรือใช้กำลังอันทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหาย หรือเกรงกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน (4) ขัดขืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งการเกี่ยวกับการชุมนุมเพื่อให้เป็นไปโดยสงบและไม่เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน

ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้มีคำสั่งให้ ผบช.ในพื้นที่ที่มีข่าวนัดชุมนุมของกลุ่ม นปช. ทั้งที่ กทม., เชียงใหม่, เชียงราย, อุดรธานี, ราชบุรี, นนทบุรี โดยให้ ผบก.จังหวัดที่มีการชุมนุมขึ้นตรงอำนาจสั่งการของ ผวจ.จังหวัด ตามนโยบายของรัฐบาลจะมีการเปิด ศปก.ตร.เพื่อประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมทุกพื้นที่ผ่านทางวิดีโอทางไกล เพื่อความชัดเจนในคำสั่งการ โดยจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3,000 นาย เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงของการชุมนุม และป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

ใช้แผนพิทักษ์เมือง
นอกจากนี้ ได้จัดการคุ้มครองบุคคลสำคัญ สถานที่ราชการ สถานที่พักของบุคคลที่อยู่ในข่ายสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนวุ่นวายในบ้านเมือง โดยในการชุมนุมในทุกพื้นที่ได้กำชับให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจัดหาสถานที่ชุมนุมที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนคนอื่น

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. แถลงว่า พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ที่รับมอบหมายให้เจรจากับผู้ชุมนุมได้ดำเนินการแจ้งข้อกฎหมายให้แกนนำรับทราบแล้ว โดยทางผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะปฏิบัติตาม ส่วน บก.น.5, บก.น.6 ที่รับผิดชอบบริเวณบริเวณแยกราชประสงค์และพื้นที่ต่อเนื่องได้ออกแผนปฏิบัติแล้ว รวมทั้ง บก.น.อื่นๆ ที่มีพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ เช่น บ้านพักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล และบุคคลสำคัญ มีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยไว้แล้ว ยืนยันว่าสถานการณ์ยังปกติ

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า ส่วนรายงานข่าวกิจกรรมของผู้ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ช่วงเช้ามีกิจกรรมสัมมนาภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มมวลชนบางส่วนประมาณ 50-60 คนมาจัดกิจกรรมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 07.00 น. บก.น.1 เป็นผู้ดูแล ส่วนการทำบุญยังยืนยันว่าเป็นที่วัดปทุมวนารามฯ บางส่วนอาจไปวัดหัวลำโพง ด้านการจราจรย่านราชประสงค์ขอให้ผู้ชุมนุมเคารพกฎจราจร เนื่องจากยังมีการเปิดใช้ถนนตามปกติ การเดินข้ามไปมาขอให้ทำตามสัญญาณไฟจราจรและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

โฆษก บช.น.บอกว่า ยังคงใช้แผนพิทักษ์เมือง แบ่งเป็น 3 พื้นที่ เฝ้าระวังพิเศษอย่างยิ่งบ้านวีไอพีทั้งหมด สถานีรถไฟฟ้าและใต้ดิน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสารวัตรทหารและเทศกิจร่วมกันดูแล ส่วนพื้นที่ทั่วไปก็มีกำลังดูแลกำชับตรวจตราอาวุธ เบื้องต้นประเมินจำนวนผู้ชุมนุมว่าวันที่ 19 ก.ย.ใน กทม.เป็นกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ คาดว่ามีจำนวน 500-1,000 คน เชื่อว่าตำรวจที่วางกำลังไว้สามารถดูแลได้ ส่วนการจัดกิจกรรมได้มีการเจรจาแล้วว่าไม่ให้เกินเวลา 20.00 น.

พ.ต.ท.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก บช.น. กล่าวว่า การเฝ้าระวังในเรื่องต่างๆ เราจะไม่ได้ประมาท โดย ผบ.ตร.ได้มีการเน้นย้ำให้มีการป้องกันเหตุร้าย โดยมีการขยายตั้งจุดตรวจต่างๆ รวมกว่า 100 ด่านทั่ว กทม. เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยจะใช้กำลังทั้งหมดประมาณ 3,000 นาย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จัดกิจกรรม 1,800 นาย ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันตั้งด่านตรวจและจุดสกัด ซึ่งคิดว่าเป็นการชุมนุมในลักษณะเชิงสัญลักษณ์ไม่น่าจะรุนแรงอะไร และขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่ได้มีการขอกำลังสนับสนุนจากทหาร

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ศอฉ.มีคำสั่งให้ กทม.ยกเลิกการจัดงานแบงค็อกคาร์ฟรีเดย์ 2010 วันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนด้วยการปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ทาง ศอฉ.จึงเกรงว่าการจัดกิจกรรมของ กทม.จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรืออาจถูกสังคมมองว่าเป็นการนำมวลชนมาสนับสนุนการชุมนุม คาดว่าจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 ก.ย.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ประชาชนทำใจให้สบาย อย่าวิตกกังวลจนเกินไป เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะสามารถรักษาสถานการณ์ได้ และเชื่อว่าได้แจ้งคำเตือนคำแนะนำ ส่งคนไปเจรจาพูดจากับฝ่ายที่จะมาชุมนุม ฝ่ายผู้ชุมนุมฝ่ายที่จะมาชุมนุมเขาก็ต้องเข้าใจดีว่าอะไรที่ทำแล้วจะผิดกฎหมาย ถ้าเขาร่วมมือก็จะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพี่น้องประชาชน ถ้าเห็นเบาะแสความผิดปกติใดๆ ในช่วงระยะนี้ ก็ขอช่วยกรุณา ทำหน้าที่เป็นหูเห็นตาบอก เจ้าหน้าที่จะได้แก้ไขเหตุการณ์เสียตั้งแต่ต้นมือ

ถามว่า ทางการข่าวมีการประเมินว่าจะมีการใช้ความรุนแรงหรือการใช้อาวุธมาก่อเหตุหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่จะยืนยันอย่างนั้น มาตรการดูแลก็ไม่มีการเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษ ดูแลกันไปตามปกติที่ดูแลอยู่ทุกวัน ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลก็ไม่มีการสั่งเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลแต่อย่างใด

"เทือก"ยันดูแลได้
ส่วนกรณีข่าวชายชุดดำเป็นกองกำลังที่ส่งมาจากประเทศเวียดนาม โดยผ่านการฝึกมาอย่างดี และไม่ต้องนำอาวุธมาเพราะในประเทศไทยมีการเตรียมไว้ให้นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ก็เอาสื่อฉบับนั้นมาเปิดให้เต็มที่ไปเลย จะได้ตามได้ด้วย ตนไม่ได้เป็นคนเอาข่าวนี้มาพูด เพราะฉะนั้นคงจะพูดรายละเอียดไม่ได้ และขอร้องสื่อมวลชนอย่าทำให้เรื่องนี้ไปกันใหญ่ ทำให้เบาๆ และช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่

"ขอยืนยันกับประชาชนว่า ผมและคณะทำงานฝ่ายความมั่นคงจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรับมือสถานการณ์ และตั้งใจเต็มที่ที่จะดูแลให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยให้ได้ ในช่วง 2-3 วันนี้คนกรุงเทพฯ ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะนำดอกไม้ไปวางหน้าเรือนจำนั้น ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถดูแลให้อยู่ในความสงบได้"

ซักว่าคนเสื้อแดงในต่างประเทศอีก 6 ประเทศก็จะเคลื่อนไหวทำกิจกรรมพร้อมไปกับในประเทศไทย เป็นห่วงว่าจะทำให้เป็นปัญหาภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่กังวลเลย

"ผมว่าฝ่ายคุณทักษิณเองเสียอีกน่ากังวลกว่า เพราะยังต้องพยายามปิดบังภาพต่างๆ เช่น ภาพที่ไปพบกับนายทอม ที่เป็นคนที่มีพฤติการณ์ไม่ถูกใจคนไทยที่ประเทศฝรั่งเศส อย่างนั้นน่ากังวลใจกว่า เพราะนายทอมเป็นคนที่มีการแสดงที่ไม่ดีต่อประเทศไทยและสถาบันที่เคารพเทิดทูนของประเทศไทย พวกผมไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นภาพเก่าหรือภาพปัจจุบันกำลังจำตามตรวจสอบดูก่อนว่าเป็นอย่างไร"

เมื่อถามว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเล่นงานคนคนเดียวจนบ้านเมืองปั่นป่วนกันไปหมด อย่างนี้จะหาทางออกที่ดีได้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงคนไทยทั้งประเทศไม่มีใครไปเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเล่นงานคนไทยมากกว่า ฟาดเอาทั้งประเทศเลย เดือดร้อนกันทั้งหมด เพราะทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเขาเองทั้งสิ้น

ด้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เผยว่า ในวันที่ 19 กันยายนนี้พรรคเพื่อไทยก็จัดกิจกรรม 4 ปีการปฏิวัติรัฐประหาร 4 เดือนราชประสงค์ เพื่อปล่อยนักโทษการเมือง เช่นเดียวกับที่กลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่ม นปช.จัดทั่วประเทศ เพื่อรำลึกในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของวันนั้น และนำบทเรียนต่างๆ ออกมา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับคนทั่วไป

และส่วนใหญ่ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงและ นปช.จะไม่ไปทำอะไรไม่ดี นอกจากการโจมตีความคิดในเรื่องที่ไม่สมควร เรื่องคน เรื่องหน่วย เรื่องอะไรต่างๆ ไม่เกี่ยว แต่ความคิดที่ไม่ถูกต้องก็ต้องมาช่วยกันแก้ไขเท่านั้นเอง

ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประโคมข่าวกลุ่มชายชุดดำอยู่ใกล้บ้านนายกฯ นั้น ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ควรจะพูดความจริงออกมาหากต้องการบอกกับสังคม หรือต้องการเตือน โดยข้อมูลจะต้องมีความชัดเจน ถ้าหากไม่เหมาะสมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรจะนำเรื่องนี้มาพูด เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และไม่มีความแน่นอน เพราะการพูดในสถานการณ์ขณะนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากเสียภาพลักษณ์ของประเทศไทยส่วนรวม

"คนไทยไม่ได้มีนิสัยใช้ความรุนแรงหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศ แต่คนไทยมีนิสัยในการใฝ่สันติและเรื่องของสันติวิธีหรือวิธีอหิงสา และเป็นแนวทางที่นักการเมืองใช้มาตั้งแต่อดีต ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพราะเกิดจากปัญหาบางจุดบางประเด็น ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข เช่นที่พูดกันอยู่ตลอดคือ 2 มาตรฐาน หรือความไม่ยุติธรรม ซึ่งมันไม่เหมือนกัน ก็ทำให้เขาเจ็บปวด และข้อมูลข่าวสารต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้" พล.อ.ชวลิตกล่าว

แดงไม่เถือก
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. นำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปวางดอกกุหลาบด้านหน้าเรือนจำ พร้อมกับบอกว่า ในสัปดาห์หน้าจะมาอีก จะดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนกว่าจะมีการปล่อยตัวแกนนำ นปช.ทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อแสดงให้แกนนำที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเห็นว่าคนเสื้อแดงข้างนอกยังไม่ลืมคนที่อยู่ข้างใน

เขาบอกว่า การจัดกิจกรรมของคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นการกดดันศาล สำหรับการจัดกิจกรรมในวันที่ 19 ก.ย.ที่จังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบจะเป็นการปราศรัยถึงแนวคิดการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน ดังนั้นจึงขอร้องรัฐบาลว่าอย่าได้ไปจ้างมือที่สามมาสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย เพราะเมื่อคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมเสร็จก็จะเดินทางกลับเหมือนกับการจัดกิจกรรมในวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการชุมนุมหน้าเรือนจำปรากฏว่าได้มีรถทหารขับผ่านบริเวณดังกล่าว ทำให้คนเสื้อแดงส่งเสียงโห่ไล่ แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งหลังนายจตุพรวางดอกไม้เสร็จแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงจึงทยอยเดินทางกลับ

นอกจากนี้ยังพบว่าคนเสื้อแดงในหลายจังหวัดเคลื่อนไหวหน้าเรือนจำเช่นกัน อาทิ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ เชียงราย สกลนคร มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น โดยทุกจุดเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละจุดมีผู้ร่วมเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ถ้าดูความเคลื่อนไหวในวันนี้คิดว่าเรียบร้อย เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้มีการวางแผนให้การเคลื่อนไหวเป็นตามแผน อีกทั้งการเคลื่อนไหวมีคนเข้าร่วมน้อย มีเฉพาะแฟนพันธุ์แท้และฮาร์ดคอร์ หรือเป็นเพราะแกนนำคนเสื้อแดงแถวสองมีบทบาทน้อย หลังจากแกนนำรุ่นแรกถูกจับกุม ทำให้ระดมคนเสื้อแดงได้ไม่มากพอ มีเพียงแกนนำรุ่นแรกบางคน เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.โฆษณาชวนเชื่อสร้างความตื่นตระหนกแบบ ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน หากยังมีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ คิดว่าบรรยากาศวันที่ 19 ก.ย.ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

เที่ยงวันเดียวกัน บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสีลมคอมเพล็กซ์ กลุ่มคนเสื้อหลากสีนำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ หรือหมอตุลย์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสีและกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน มารวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่จะปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 17-19 ก.ย.นี้

โดยระหว่างการจัดกิจกรรมมีการแจกดอกไม้สีชมพูพร้อมธงชาติไทย และร้องเพลงปลุกใจอยู่ตลอด ท่ามกลางความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

นพ.ตุลย์กล่าวว่า ที่มาทำกิจกรรมวันนี้เพื่อให้กำลังใจกับพี่น้องทหาร และขอเรียกร้องไม่ให้ฝ่ายใดๆ มาก่อเหตุความรุนแรงในประเทศไทย ถ้ามีการระดมคนเสื้อแดงกันอย่างต่อเนื่อง เช่น มาชุมนุมต่อที่สีลมหรือราชประสงค์ จะทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ตรงส่วนนี้ทางกลุ่มเสื้อหลากสีจะมีการประเมินสถานการณ์ ซึ่งอาจจะมีการชุมนุมเพื่อต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดงได้

ที่นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เผยว่า จังหวัดอีสานล่างที่จะต้องเฝ้าติดตามดูสถานการณ์เป็นพิเศษมีอยู่ 2 จังหวัด คืออุบลราชธานีและยโสธร เนื่องจากการข่าวพบว่าทั้ง 2 จังหวัดจะมีการเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ในห้วงนี้ไปจนถึงวันที่ 19 ก.ย.

ที่มา.ไทยโพสต์
**************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น