--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

สัมพันธ์ ไทย-ซาอุดิฯ

ดูๆเรื่องการสละตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จะกลายเป็นเรื่องวีรกรรมยิ่งใหญ่สำหรับวงการตำรวจไทยไปเสียแล้ว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ชมไม่ขาดปาก

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ยกย่องเป็นตัวอย่างที่ดี

พี่น้องไทยมุสลิมที่ได้วีซ่าไปแสวงบุญก็รู้สึกซาบซึ้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครางด้วยความโล่งใจว่าสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียจะกลับคืนสู่สภาพปรกติได้

ผู้เขียนมองปรากฏการณ์ในเมืองไทยประเด็นนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ศรีธนญชัยชัดแจ้ง

เหตุอะไรจึงกล่าวเช่นนั้น

คำตอบคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 2 สัปดาห์แห่งการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นพยับแดด เป็นมายาภาพ ที่ฉายให้เห็นความล้มเหลว ความไร้การบริหารของงานตำรวจนั่นเอง

เทียบเคียงให้เห็นก็คือ เรื่องของจ่าเพียร แห่งจังหวัดยะลานั่นเอง

จ่าเพียรหรือ พ.ต.อ.สมเพียร หรือสุดท้ายคือ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้โด่งดังและได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของตำรวจมาก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนทำงานดี กล้าหาญ แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงเท่าที่ควร

ก็สุเทพกับอภิสิทธิ์นั่นแหละ จะเป็นใครไปเสียอีก

จนกระทั่งเขาตาย สายเสียแล้วจึงค่อยมายกย่องให้ความสำคัญกัน

พูดอย่างนี้พอจะเห็นภาพหรือยัง?

เรื่องของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นั้นสาระอยู่ที่ว่าเขาเป็นจำเลยในคดีอาญา ต้องหาว่าร่วมกันฆ่านักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง และ ก.ตร. ทำบอดตาใสแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งหลักคือ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

จุดมุ่งหมายก็คือ เพื่อกำราบปราบปรามคนเสื้อแดง

การแต่งตั้งแบบนี้ทางซาอุดีอาระเบียเขาไม่พอใจ เขามองว่ารัฐบาลไทยทำปากว่าตาขยิบ สัมพันธภาพระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบียที่ลดลงมาเหลือขั้นอุปทูตจึงเย็นชาต่อไปอีก

ครั้นมาปีนี้ คุณสมคิดก็โชคดีได้รับการสนับสนุนให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่ยี่หระหรือไม่อินังขังขอบกับความรู้สึกของซาอุฯเลย

เขาก็แสดงท่าทีให้รู้ด้วยการโยกการออกวีซ่า

พี่น้องมุสลิมของเราก็ออกมาโวยวาย เพราะกลัวจะไปแสวงบุญไม่ได้ อีกทั้งยังนึกไม่ออกว่าซาอุฯจะมีมาตรการใดออกมามากกว่านั้น ซึ่งจะเป็นผลให้ความสัมพันธ์เสื่อมลงไปอีก

ทั้งหมดนี้รัฐบาลไทยไม่เคยสำนึก

นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่เคยออกมารับความจริง (ตามวิสัยของคนทำอะไรไม่ผิด) ก.ตร. เองก็ไม่เคยสำเหนียก

ดีที่ พล.ต.ท.สมคิดเขาคิดเองเป็น

เขาก็เลยประกาศสละตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ทาง ก.ตร. ได้โอกาสก็มาปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้ใหม่จากผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปเป็นจเร ซึ่งจะแปลว่าเสมอตัว หรือสูงขึ้น หรือว่าจะตกต่ำลงก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็ทำให้อุปทูตซาอุฯพอใจระดับหนึ่ง

แล้วก็เลยเปิดให้มีการทำวีซาต่อตามปรกติ

ทำวีซ่าต่อตามปรกติ หมายความว่าเป็นเรื่องที่เขาให้โควตาแก่มุสลิมไทยและออกวีซ่าให้อยู่แล้ว หรือมีแผนงานจะออกให้อยู่แล้ว ก่อนที่จะมาผิดเส้นกันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ถามว่าแล้วนี่จะเคลมเป็นผลงานของใครที่ไหน?

เป็นผลงานของนายอภิสิทธิ์ หรือ-ไม่ใช่

เป็นผลงานของนายสุเทพ หรือ-ไม่ใช่

เป็นผลงานของ ก.ตร. หรือ ก็ไม่ใช่อีก

ทั้ง 3 นามที่กล่าวมานี้ ล้วนแต่เป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นมาทั้งสิ้น และยังไม่เคยสำนึก สำเหนียก ในความที่ตนจะต้องรับผิดชอบกันเลย

พล.ต.ท.สมคิดต่างหากที่คลายปัญหานี้ ด้วยการประกาศสละตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเขาก็รับความดีส่วนนี้ไปอย่างไม่มีใครคัดง้างได้

แต่ความเป็นจำเลยและความเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาแท้จริงยังคงอยู่

แล้วสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯที่ใครบางคนโม้แบบศรีธนญชัยว่าจะดีขึ้นนั้น มันจะดีขึ้นตรงไหน

ดีขึ้นตรงมุสลิมไทยได้วีซ่าไปแสวงบุญน่ะหรือ อย่างนี้เขาเรียกว่าเท่าทุนครับท่านสารวัตร

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
โดย. อัคนี คคนัมพร
*******************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น