--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

‘มาร์ค’ชิ่งเจรจาสร้างปรองดอง‘สุขุมพันธุ์-ไกรศักดิ์’ไม่ใช่ตัวแทน

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้

“อภิสิทธิ์” ชิ่งหนีดื้อๆยืนยัน “สุขุมพันธุ์-ไกรศักดิ์-บุรณัชย์” ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ในการเจรจาสร้างความปรองดองกับพรรคเพื่อไทย แต่ยอมรับมีการไปคุยกันจริงและได้รับรายงานหลังการพูดคุยบ้าง ย้ำคำเดิมจะปรองดองต้องร่วมมือปกป้องสถาบัน “สุเทพ” โบ้ยไม่เคยส่งใครไปคุยกับใครและไม่เคยรับรู้ว่าใครไปทำอะไร โฆษกประชาธิปัตย์ระบุไปรับฟังความเห็นมาหลายเวทีไม่ถือเป็นการเจรจาและไม่ใช่ความลับ “ทักษิณ” ให้เลิกรักษาฟอร์มเพิ่มความจริงใจเพื่อประโยชน์ชาติ วอนผู้สนับสนุนและคนรักประชาธิปไตยสนับสนุนแนวทางสร้างความสงบสุขให้บ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยส่งคนของรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ไปเจรจาทางลับกับพรรคเพื่อไทย แต่ยอมรับว่ามีคนของพรรคไปพูดคุยและมีการแจ้งให้ทราบหลังการเจรจา

“มาร์ค” อ้างไม่รู้ต้องคุยกับใคร

“เป็นการไปพูดคุยกันกว้างๆ เรื่องการเจรจาเป็นทางการไม่มีและไม่รู้ว่าหากจะเจรจาเป็นทางการจะต้องคุยกับใครในพรรคเพื่อไทย ผมขอย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยจริงใจจะเข้าสู่ขบวนการปรองดองก็ต้องให้ความร่วมมือในการปกป้องสถาบัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรับฟังความคิดเห็นของนักสันติวิธีในหลายเวที ซึ่งเป็นการคุยอย่างเปิดเผยไม่ใช่เรื่องลับอะไร ส่วนที่มีการอ้างชื่อย่อที่เป็นตัวแทนของชนชั้นสูงมาเจรจาด้วยนั้นยืนยันได้ว่าไม่มี การพูดคุยทุกครั้งอยู่ที่เงื่อนไขความสมัครใจ

“เทพไท” จี้เพื่อไทยคุยกันให้รู้เรื่อง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แตกแยกเป็น 4 ฝ่ายอย่างที่มีการกล่าวอ้าง เรื่องการจะสร้างความปรองดองขอให้พรรคเพื่อไทยไปแก้ปัญหาแตกแยกในพรรคให้ได้ก่อน เพราะตอนนี้พรรคเพื่อไทยแตกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่สู้แล้วรวย กับกลุ่ม ส.ส. ที่ไม่ต้องการให้พรรคถูกคนเสื้อแดงครอบงำ

“สุเทพ” บอกไม่เคยรับรู้ใครไปทำอะไร

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เคยรับทราบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปเจรจากับใคร ที่ไหน อย่างไร และไม่เคยทราบเลยว่ามีคนของพรรคคนอื่นๆไปคุยกับคนของพรรคเพื่อไทย

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยขอให้ยุติการกล่าวหาเรื่องล้มเจ้ากับก่อการร้ายก่อนการเจรจานั้น นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน อะไรที่เป็นคดีความไปแล้วไม่สามารถที่จะไปยกเลิกได้ต้องดำเนินไปตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากเอาเรื่องเหล่านี้มาปะปนจะทำให้เจรจากันลำบาก

ชัดเจนมีการตั้งวงคุยกันมาหลายครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน และ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมเจรจากับตัวแทนพรรคเพื่อไทยที่ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย มาหลายครั้งตามที่ปรากฏเป็นข่าว

“ทักษิณ” วอนผู้สนับสนุนหนุนปรองดอง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์หลังจากไม่ได้สื่อสารผ่านช่องทางดังกล่าวมานาน โดยระบุว่า ขอให้ผู้ที่เป็นแนวร่วมในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงและเพื่อความยุติธรรมของบ้านเมือง ร่วมสนับสนุนให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริงในบ้านเมือง เพื่อให้เกิดการหยุดเผาบ้านเพื่อจับหนูตัวเดียวทั้งๆที่หนูก็ไม่ได้อยู่ในบ้านด้วย

เสนอ 5 ข้อสู่ความปรองดอง

อดีตนายกรัฐมนตรียังได้เสนอแนวทาง 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.ประณามการก่อความไม่สงบและการสร้างสถานการณ์ใดๆเพื่อความสันติและความมั่นคงของชาติ 2.ประณามการแอบอ้างสถาบันเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและประโยชน์แห่งตน ตลอดจนประณามผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันในทุกรูปแบบ ทั้งนี้ เพราะสถาบันทรงอยู่เหนือการเมือง

เลิกพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น

3.ขอวิงวอนให้ทุกสี ทุกพรรค ทุกฝ่าย เลิกรักษ์หน้ารักษ์ตาโดยพูดเอาความดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น หยุดพูดเพิ่มความขัดแย้ง ขอให้มองสู่อนาคตของชาติและลูกหลานร่วมกัน 4.ขอให้มีการเยียวยาแก่ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมจากความขัดแย้งครั้งนี้ทุกฝ่ายไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งคนตาย บาดเจ็บ หรือบาดเจ็บสาหัสอย่างเหมาะสม 5.ขออย่าได้ห่วงเรื่องของตนเอง ถึงแม้ว่าจะหนักหนากว่าใครแต่ก็ยังนับไม่ได้กับความบอบช้ำของบ้านเมืองและของประชาชนโดยรวม

เลิกรักษาฟอร์มจะปรองดองได้จริง

“ผมขอเป็นฝ่ายช่วยและสนับสนุนให้เกิดความปรองดองขึ้นจริง ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ออกมาขานรับการปรองดอง สิ่งสำคัญอยู่ที่ใจที่เป็นกุศล มีเมตตา หยุดรักษาฟอร์ม ต้องทำจริง” พ.ต.ท.ทักษิณระบุ

ที่กองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธานว่า ที่ประชุมหารือข้อห่วงใยเรื่องที่ยังมีบางกลุ่มให้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนกับประชาชนว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งทหาร ตำรวจ ทำร้ายประชาชนในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา จึงขอยืนยันว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไม่ได้มุ่งทำร้ายประชาชน

ศอฉ. ยังไม่คิดเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เหลือ

“คดีความต่างๆได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว การเสนอให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาเพื่อสร้างความปรองดองนั้น ศอฉ. และรัฐบาลไม่มีอำนาจไปสั่งการให้ปล่อยหรือจับกุมใคร” พ.อ.สรรเสริญกล่าวและว่า จะยังไม่มีการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ยังประกาศใช้อยู่ เพราะต้องการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการระงับยับยั้งเหตุรุนแรง เพราะที่ผ่านมาแม้จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังมีการก่อเหตุเป็นระยะ ทั้งยิงเอ็ม 79 และวางระเบิด ส่วนความเห็นว่าให้ยกเลิกไปก่อนหากมีเหตุร้ายค่อยประกาศใช้ใหม่นั้น ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าหากทำอย่างนั้นจะยิ่งกระทบต่อภาพพจน์และความเชื่อมั่นต่อประเทศมากขึ้น

ห่วงคนเสื้อแดงวางดอกไม้หน้าเรือนจำ

โฆษก ศอฉ. ย้ำว่า การเคลื่อนไหวต่างๆหากอยู่ในกรอบของกฎหมายสามารถทำได้ แต่บางเรื่องแม้จะอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ควรพิจารณาความเหมาะสมด้วย เช่น การนัดหมายนำดอกไม้ไปวางที่หน้าเรือนจำของคนเสื้อแดง เพราะหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดอำนาจศาล และยังส่งผลต่อผู้ประกอบธุรกิจการค้าด้วย เพราะขณะนี้สถานการณ์เริ่มนิ่ง การทำธุรกิจการค้ากำลังฟื้นตัว จึงไม่ควรทำอะไรให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกอีก

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น