--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำท่วมศาล!?

“คณะกรรมการได้สรุปไปด้วยว่านายวิรัชมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำไม่ถูกไม่ควร ไปพบกับนายพสิษฐ์ และที่เขาถามนำก็ไม่ควรตอบให้เกี่ยวพันโยงใยถึงขนาดนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่านายพสิษฐ์เป็นเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ตัวเองเป็นทีมกฎหมายของพรรคยิ่งไม่ควรไป เพราะผูกโยงกันอยู่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดผลกระทบต่อพรรค ทำให้คนรู้สึกคลางแคลงใจสับสนในพรรคว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ส่วนบทลงโทษจะกระทบต่อตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคของนายวิรัชหรือไม่นั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของหัวหน้าพรรคที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 79 คือการตักเตือนหรือภาคทัณฑ์”

นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ปรากฏตัวในคลิป และหารือกับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก-รัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจดำเนินการต่อ

ขณะที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่าเป็นกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของ ศาลรัฐธรรมนูญ และกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยพยายามสร้างกระแสว่าหากไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้จะเป็น 2 มาตรฐาน โดยเฉพาะนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ออกมาแสดงจุดยืนสอดรับว่ามีการพิจารณา 2 มาตรฐาน และเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกทั้งคณะ เพื่อสร้างกระแสสังคมให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ความจริงในมุมมืด?

ผลการสอบสวนของพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ได้ทำให้คนทั่วไปแปลกใจที่ระบุว่านายวิรัชไม่ผิดและมีโทษ เบาหวิว ทั้งที่คำพูดในคลิปเชื่อมโยงถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง และนายวิรัชยอมรับว่าได้พบกับนายพสิษฐ์หลายครั้งก่อนหน้านี้

เช่นเดียวกับผลการสอบสวนของศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายสนิท จรอนันต์ ที่ปรึกษาสำนัก งานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปการหารือของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์หลุดออกไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน เปิดเผยว่า จะสรุปผลการสอบให้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คณะกรรมการทำได้แค่การประมวลเรื่องราวว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง หากมีเจ้าหน้าที่ของศาลเข้าไปเกี่ยวข้องต้องดำเนินการภายในตามกระบวนการทางวินัย ส่วนทางตำรวจก็สอบสวนหาว่าใครเป็นคนทำคลิปและนำไปเผยแพร่ แม้แต่นายพสิษฐ์ยังสรุปไม่ได้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ดังนั้น ผลการสอบสวนคลิปฉาวของพรรคประชาธิปัตย์และศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ตอบข้อกังขาหรือข้อสงสัยของสังคมว่ามีการพยายามใช้อำนาจทางการเมืองแทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และตุลาการศาล รัฐธรรมนูญยังเป็นองค์กรที่มีความสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่

เพราะคลิปที่ถูกเผยแพร่ 2 ชุดคือ ชุดแรก 5 ตอน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม และชุดที่สอง 3 ตอน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่อาจทำลายศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันตุลาการให้หมดความน่าเชื่อถือจากประชาชน โดยเฉพาะคลิปชุดที่ 2 ยิ่งตอกย้ำความขัดแย้งและพฤติกรรมไม่เหมาะสมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะจริงหรือเท็จอยู่ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า “จะทำความจริงให้ปรากฏ” หรือปกปิดความจริง และปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเอง โดยเพิกเฉยต่อความเชื่อถือและศรัทธาของประชาชน

ปฏิรูปหรือยุบทิ้ง?

เสียงที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปศาลทั้งระบบจึงดังมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอให้ยุบทิ้งเพื่อไม่ให้ศาลต้องถูกครหาว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง แม้แต่ตุลาการจำนวนไม่น้อยต้องการให้ดึงศาลกลับมา เพราะไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรือศาลฎีกาแผนกคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ เพราะรัฐ ธรรมนูญบัญญัติให้ใช้อำนาจหน้าที่กับองค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ยังมีผลไปถึงเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนและการควบคุมตรวจสอบต่างๆ

โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดและเด็ดขาด มีผลผูกพันบุคคล องค์กร และหน่วยงานของรัฐทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จึงต้องยอมรับผลกระทบจากทุกฝ่าย

ตุลาการจึงต้องมีจรรยาบรรณ โดยเฉพาะความสุจริตเที่ยงธรรม ต้องไม่มีแม้แต่ความอคติ หรือความชอบ ความเกลียดชังส่วนตัว เพื่อยืนหยัดในความถูกต้อง ต้องพร้อมถูกตรวจสอบและถูกยื่นถอดถอนจากวุฒิสภา

วิกฤตศาลรัฐรรมนูญขณะนี้จึงส่งผลกระทบต่อตุลาการทั้งระบบ หลังจากก่อนหน้านี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ “ตุลาการภิวัฒน์” ที่กล่าวหา 2 ประมุขศาลว่าเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทำให้บ้านเมืองวิกฤตและกลายเป็น “ตุลาการวิบัติ” ขณะนี้

ชาวเน็ตจวกเละ

วิกฤตหรือความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญยังดูได้จากกระแสสังคมชาวเน็ตที่แห่เข้าชมคลิปฉาว 3 ตอนใหม่หลังจากถูกเผยแพร่ไม่กี่วัน ปรากฏว่ามียอดเข้าชมหลายหมื่นครั้ง แถมโพสต์จวกเละว่าถ้าบทสนทนาเป็นความจริงก็ถือเป็นความเสื่อมเสียอย่างยิ่งกับกระบวนการยุติธรรม บางคนเชื่อว่าตุลาการไม่มีอิสระ ถูกอำนาจมืดแทรกแซง และเรียกร้องให้ลาออก แต่มีบางกลุ่มโพสต์ให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและนายอภิสิทธิ์ให้ทำงานต่อไป

อย่างผู้ใช้นาม TheFlukemon ระบุว่า “ผมไม่สนใครถ่ายคลิป ใครปล่อยคลิป ผมสนใจแต่ที่เขาพูดในคลิป 3 คลิปนี้ไม่จัดฉาก ถามเองตอบเองแน่ ฟังเขาพูดก็รู้แล้ว” bestbuysiam ระบุว่า “โดนเต็มๆ บอกตรงๆ เลยว่าควรปลดได้แล้ว ถ้าไม่ปลดแสดงว่าสมรู้ร่วมคิดกัน เผด็จการมันเป็นแบบนี้นี่เอง” genotype1000 ระบุว่า “วันนี้สื่อกระแสหลักไม่ใช่สื่อที่เป็นกลางอีกต่อไป สื่อที่เห็นแก่ผลประโยชน์ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ยุคนี้สื่อซื้อได้ถ้ามีเงินและปืน” kazilong ระบุว่า “ศาลประเทศนี้เป็นอย่างนี้นี่เอง สงสารประ- เทศนี้จริงๆ” DonXedoza ระบุว่า “นี่เพียงแค่ซ้อมละครเรื่อง “น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาวเท่านั้นแหละ”

songthai ระบุว่า “มันชัดเจนแล้วว่าพวกมันเป็นพวกเดียวกันหมดอย่างที่เขาว่ากันจริงๆด้วย นี่แหละหนอมือที่มองไม่เห็นที่คอยบงการประเทศไทยที่คุณสมัครว่าไว้ อำมาตย์ครอบงำชาติหมด แล้ว” และข้อความว่า “เป็นกลางยังไง คนทั่วประเทศตาสว่างแล้ว พูดมาได้พวกมัน!!! อย่างโน้นอย่างนี้ เรียกฝ่ายโจทก์คือพรรคเพื่อไทยว่าพวกมัน เรียก ส.ส.เพื่อไทยว่าไอ้ตู่!! เหอๆ แถมยังเตรียมอีกเพียบ แต่แหกหมดแล้วครับ เจอแฉไปอีกรอบ!!! นี่แหละคนที่ คมช. ตั้งขึ้นมา” bundit1180 ระบุว่า “พระบิดาแห่งกฎหมายไทยเคยสอนไว้ว่า เอ็งกินเหล้าเมายาไม่ว่าหรอก...แต่อย่ากินสินบาทคาดสินบน ลืมหรือยังท่านระพีฯสอนไว้น่ะ”

ถามหาความรับผิดชอบ

แม้วันนี้จะมีเสียงเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกทั้งคณะ แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิ-สิทธิ์เป็นหัวหน้าไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้เช่นกัน หาก “ความจริง” ในคลิปไม่ปรากฏหรือยังคลุมเครือ แค่การตำหนินายวิรัชมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเท่านั้น ทั้งที่นายวิรัชเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรคและเป็น ส.ส. หลายสมัย จึงมีวุฒิภาวะมากพอที่จะรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ก่อนหน้านี้มีกรณีนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรค ประชาธิปัตย์ ที่เป็นทีมกฎหมายของพรรคไปรับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญนอกสถานที่ว่ามีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือความไม่เหมาะสม

กรณีคลิปฉาวคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จึงอาจมองได้ทุกแง่มุม ไม่ใช่จะระบุทันทีว่าเป็นพรรคการ เมืองฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายใด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าไม่ได้เป็น “โสเภณี” ที่ใครจะซื้อหรืออยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มใดที่จะสั่งได้

ขณะเดียวกันมีเสียงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพราะไม่ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ออกมาอย่างไรก็มีข้อกังขาและถูกโจมตีทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแน่นอน

หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์จะมีกระแสการเมืองและกระแสสังคมกดดันศาลรัฐธรรมนูญจนอาจมีคนบางกลุ่มถือโอกาสสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลาย และนำไปสู่ข้ออ้างให้กองทัพทำรัฐประหารได้

รัฐบาลเน่า-ผู้นำหมดสภาพ?

โดยเฉพาะการโจมตีถึงภาวะความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นหลายครั้งว่ามีภาวะความเป็นผู้นำที่จะบริหารบ้านเมืองหรือไม่ ไม่ใช่แค่เชื่องช้าและไม่เด็ดขาด แต่ยังเต็มไปด้วยข่าวการทุจริตคอร์รัปชันมากมาย ปัญหายาเสพติดและแก๊งมาเฟียก็เต็มบ้านเต็มเมือง แม้แต่ปัญหาสลากขายเกินราคาและเจ้ามือหวยเถื่อนที่เคยประกาศจะกวาดล้างอย่างเด็ดขาดก็แก้ไม่ได้ ทั้งยังมอมเมาประชาชนโดยให้พิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มอีกถึง 18 ล้านฉบับ จึงเหมือนการส่งเสริมมาเฟียกองสลากและเจ้ามือหวยเถื่อนที่มีเงินหมุนเวียนนอกระบบนับหมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนมีสีและนักการเมือง

อย่างที่ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดโปงการโยกย้ายนายตำรวจที่ไม่เป็นธรรม เพราะตนไปขัดแย้งกับเจ้ามือหวยเถื่อน บ่อนการพนัน และการค้าน้ำมันเถื่อน รวมถึงนักการเมืองใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีชื่อ “สระอิ สระอา” จึงถูกกลั่นแกล้ง ทั้งยังโจมตีคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ว่าเป็น “วอลเปเปอร์เน่า” ที่ทำให้คนในบ้านติดโรค ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด้านวินัยกับ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ นอกจากนี้นายศิริโชคยังเตรียมฟ้อง พล.ต.ต.วิสุทธิ์อีกด้วย

การออกมาพูดความเน่าเฟะในระบบราชการและ การเมืองจึงอาจทำให้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ตายเหมือน “จ่าเพียร” (พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา) ที่ก่อนหน้านี้ก็ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายอภิสิทธิ์แต่ถูกเพิกเฉยจนเสียชีวิตในที่สุด

ความจริงกับโจร?

บ้านเมืองขณะนี้จึงเหมือนอยู่ภายใต้แดนสนธยาที่ไม่ใช่แค่ 2 มาตรฐาน แต่หลายมาตรฐาน เพราะแม้แต่กระบวนการยุติธรรมที่ตุลาการเคยเป็นเสาหลักยังสั่นคลอน และถูกตั้งคำถามถึงความสุจริตเที่ยงธรรม

ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องตรวจสอบเพื่อค้นหา “ความจริง” มาพิสูจน์ต่อประชาชน ไม่ใช่พยายามปิดบังข้อมูลและเบี่ยงเบนประเด็นไปที่ผู้เผยแพร่คลิป ซึ่งมีแต่จะทำให้สังคมกังขาและไม่เชื่อมั่น

อย่างที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าต้องทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้นจึงจะยุติวิกฤตและเรียกความเชื่อมั่นของศาลรัฐธรรมนูญกลับคืนมาได้

ไม่ใช่แค่จับผู้เผยแพร่คลิปเท่านั้น แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเนื้อหาในคลิปนั้นจริงหรือเท็จ ไม่ใช่ใช้คำพูดหักล้างและกล่าวหาใครเป็น “โจร” หรือ “คนผิด” แต่ทั้งหมดอยู่ที่ “ความจริง” ที่จะให้ความยุติธรรมอย่างแท้จริง

“ตุลาการ” วันนี้กำลังอยู่ท่ามกลางพายุและอุทกภัยที่โหมกระหน่ำ...กำลังจะจมแหล่มิจมแหล่...

ธรรมชาตินั้นช่างโหดร้ายในยามที่เกิดภัยพิบัติ แต่เมื่อสืบสาวราวเรื่องย้อนกลับไปก็จะพบว่า “มนุษย์” นั่นเองที่โหดร้ายกับธรรมชาติ ทำลาย “สมดุล” ของธรรมชาติ จึงถูกธรรมชาติ “เอาคืน”

“กฎแห่งกรรม” โดยแท้... บุ๋ง...บุ๋ง...บุ๋ง...!!

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข
***********************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น