--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มาตรฐานทางศีลธรรมกับการแทรกแซงตุลาการ

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์


ห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอันเนื่องจากกรณี"คลิปฉาว"หลายชุดที่มีการนำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์Youtupe โดยมีการกล่าวหาว่า ตุลาการบางคนนำข้อสอบคัดเลือกเข้าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไปให้พรรคพวกและเครือญาติ

แน่นอนว่า ผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวและพรรคเพื่อไทย ต้องการใช้"คลิปฉาว"เป็นเครื่องมือในการกดดันการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

ขณะเดียวกัน เนื้อหาในคลิปดังกล่าวก็ทำให้สาธารณชนคลางแคลงใจต่อพฤติกรรมของตุลาการบางคนว่า ซื่อสัตย์เที่ยงธรรมเพียงพอในการทำหน้าที่หรือไม่

แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบจริยธรรมเข้ามาไต่สวนหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้แต่ประการใด

ได้อ่านหนังสือเรื่อง "การทุจริตและสิทธิมนุษยชน:การเชื่อมโยง(Corrution and Human Right : making the Connection)"ซึ่งเป็นรายงานที่จัดทำโดยสมัชชาสากลว่าด้วยนโยบายสิทธิมนุษยชน(แปลโดย รศ.วีระ สมบูรรณ์ หัวหน้าภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะ)

หนังสือเล่มนี้มีจุดเด่นที่สามารถเชื่อมโยงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การทุจริตทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุยชนในหลายด้าน อาทิ ความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ การมีส่วนร่วมในทางการเมือง สุขภาพ การศึกษา การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมฯลฯ

อย่างไรก็ตามเพื่อให้สอคคล้องการวิพากษ์วิจารณ์ข้างต้น จึงขอสรุปหัวข้อ"มาตรฐานอันเกี่ยวกับการบริหารงานยุติธรรม"มานำเสนอให้เห็นภาพว่า ในทางสากลนั้น มองเรื่องนี้อย่างไร

ความเห็นในรายงานระบุว่า การทุจริตอาจส่งผลเสียต่อความเป็นอิสระของศาล  เช่น การทุจริตในกระบวนการแต่งตั้งจะก่อให้เกิดการแทรกแซงหลักการในหลายด้านด้วยกัน

การแทรกแซงระบบตุลาการจากฝ่ายการเมืองเกิดขึ้นเมื่อผู้มีอำนาจทางการเมืองใช้อิทธิพลของตน (ซึ่งรวมทั้งการคุกคาม ข่มขู่ หรือสินบน) เพื่อบังคับหรือโน้มน้าวผู้พิพากษา (หรือเจ้าหน้าที่ของศาล) เพื่อให้ตัดสินคดีโดยเอื้อต่อผลประโยชน์ของตนและไม่เป็นไปตามกฎหมาย

การแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองยังเกิดขึ้นเมื่อมีการควบคุมการแต่งตั้งผู้พิพากษา การกำหนดเงินเดือนและเงื่อนไขของการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ผู้มีอำนาจทางการเมืองเข้ามามีอิทธิพลต่อผู้พิพากษา อัยการ และเจ้าหน้าที่ศาลได้ นำมาซึ่งระบบตุลาการที่อ่อนปวกเปียกคล้อยตามผู้มีอำนาจ

การแทรกแซงทางการเมืองยังรวมไปถึงประเด็นการใช้กฎหมายคุ้มกันผู้พิพากษา  แม้ว่าผู้พิพากษาที่ทุจริตอาจใช้กฎหมายคุ้มกันที่ล้าสมัยเพื่อปกป้องตนเอง

แต่ถ้าปราศจากกฎหมายคุ้มกันผู้พิพากษาที่มีความเป็นอิสระอาจถูกอำนาจทางการเมืองใช้คดีความรังควานได้

กฎหมายหมิ่นประมาทอาจถูกใช้ในหลายทางเพื่อขับผู้พิพากษาที่เป็นอิสระให้พ้นจากตำแหน่ง หรือเพื่อคุ้มครองผู้พิพากษาที่ทุจริตอย่างไม่เป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงการติดสินบนในการดำเนินงานยุติธรรม ส่วนใหญ่หมายถึงภาคประชาสังคมถูกเรียกสินบนหรือให้สินบน รวมไปถึงประชาชนที่มีรายได้ต่ำซึ่งแทบจะไม่สามารถจ่ายสินบนเหล่านั้นได้

รายงานระบุด้วยว่า หลักการของความไม่ลำเอียงนั้นมีความสำคัญมาก ทั้งในการปฏิบัติจริงและโดยภาพลักษณ์ที่ปรากฏ

ในบริบทนี้พึงตระหนักว่า การทุจริตในกระบวนการแต่งตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการอาจส่งผลให้คุณภาพของการทำงานลดต่ำลง

การแต่งตั้งควรพิจารณาจากคุณสมบัติ การเป็นที่ยอมรับทางศีลธรรม และความสามารถของบุคคลผู้นั้น

แต่ถ้าได้รับอิทธิพลจากการทุจริตแล้ว ฝ่ายตุลาการก็จะมีความสามารถและความเป็นอิสระน้อยลง และสิทธิของผู้ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่

นอกจากความเที่ยงธรรมแล้ว ประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการพิจารณาคดีภายในระยะเวลาอันเหมาะสม

องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งระบุว่า การวินิจฉัยความหมายของคำว่า "ความล่าช้าอันมิสมควร" หรือ "กระบวนการอันรวดเร็ว" นั้นขึ้นอยู่กับสภาพการณ์แวดล้อมและความซับซ้อนของคดี รวมทั้งการปฏิบัติของคู่ความที่เกี่ยวข้อง

การละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีโดยปราศจากความล่าช้าอันมิสมควร อาจเกิดขึ้นในกรณีตัวอย่างเช่น เมื่อมีการติดสินบนผู้พิพากษาเพื่อทำให้กระบวนการล่าช้าออกไปเท่าที่จะทำได้

ในกรณีเช่นนี้ สิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมย่อมถูกละเมิดโดยการติดสิบนอย่างชัดเจน

เมื่อดูมาตรฐานสากลแล้ว มาย้อนดูประเทศไทยโดยเฉพาะการแต่งตั้งตุลาการ ควรพิจารณาจากคุณสมบัติ"การเป็นที่ยอมรับทางศีลธรรม"ว่า ต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่
ที่มา:มติชนออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น