--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลีลาแม่น้ำร้อยสาย-เจ้าแม่ กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลังพิงเพื่อไทย-เทใจมูลนิธิ "ไทยพึ่งไทย"

คนการเมืองจากมหาสาขา "ไทยรักไทย" แยกเป็นแม่น้ำร้อยสาย

สายหนึ่งอยู่ในมูลนิธิ 111 อิงอยู่กับกลุ่มอำนาจสาย "ชินวัตร"

สายหนึ่งอยู่ในสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ตามแนวทาง "จาตุรนต์ ฉายแสง"

สายหนึ่งแยกตัวไปทำธุรกิจส่วนตัว หันหลังให้การเมืองแบบ "น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี-น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช"

สายหนึ่งถูกตั้งให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หนุนส่งกับทีม "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"

ที่เหลือแยกเป็นแม่น้ำสาขาไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคภูมิใจไทย ในน่านน้ำรัฐบาล

อีกสายหนึ่งมีนัยสำคัญในพื้นที่เมืองหลวง ส่วนหนึ่งยังอยู่ในสาขาพรรคเพื่อไทย ส่วนหนึ่งแยกไปตั้งสำนักมูลนิธิไทยพึ่งไทย จัดกิจกรรมการเมืองต่อเนื่องกับ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์"

อนาคตทางการเมืองของแต่ละสาขา จะชัดเจนอีกไม่เกิน 16 เดือนข้างหน้า

เฉพาะสาขา "คุณหญิงสุดารัตน์" จากนี้ไปจะไหลไปในทิศทางใด อ่านทางจากปาก "เจ้าแม่ กทม."

- นับถอยหลังหากสิ้นสุดเวลาถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แล้วจะมาลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่

ประเด็นแรกก่อนว่าจะไปอยู่ตรงไหนเนี่ยอีกปีกว่า จะกลับเข้ามาการเมืองหรือเปล่า ก็เปิดใจเลยว่าอีกปีกว่า ก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับเข้ามาทำการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์ คือการกลับเข้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว เพราะในวันนี้สภาพบ้านเมืองที่เป็นอยู่ สภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ มันค่อนข้างที่จะยากลำบาก

สำหรับการเดินหน้าของประเทศ มันค่อนข้างที่จะยากลำบากสำหรับคนไทย ทั้งที่เรามีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เรามีเอกชนหรือภาคประชาชนที่เข้มแข็ง เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงให้ความเมตตากับประชาชนทั้งประเทศอย่างดีมาโดยตลอด

แต่เหมือนกับสภาพการเมืองเรากลับเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกอย่างมันค่อนข้างชะงัก ฉะนั้น ถ้าจะกลับหรือไม่กลับเข้าไปสู่การเมืองเนี่ย อีกปีกว่า คงจะดูว่าถ้า สภาพการเมืองยังเป็นลักษณะการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานอยู่ การไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน การไม่สนับสนุนให้ประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยเต็มตัว พี่อาจจะเลือกทำงานบุญอย่างที่ทำทุกวันนี้ ทำมูลนิธิอาจจะได้ประโยชน์กว่า

ก่อนจะถามว่าไปอยู่ที่ไหน พรรคไหน พี่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะกลับไปการเมืองหรือเปล่า พี่อยู่อย่างนี้อาจมีความสุข มากกว่า แต่ไม่ทิ้งการช่วยเหลือประชาชน...ต้องดูปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้...

- มองว่าปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าในทิศทางที่เหมาะสมหรือไม่

คือมองจากคนนอก คิดว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรเยอะ คนมีความรู้ความสามารถเยอะ และในสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ เขาโดนกระทำทุกทางนะ ถ้าพูดถึงก็ถูกยุบมา 2 ครั้งแล้ว พรรคนี้ และทุกวันนี้ก็โดนกระทำทุกทางในทุกด้าน ดังนั้นเขาสามารถที่จะเดินได้หรือยืนได้ในขณะนี้ ก็นับว่าเขาเก่งแล้ว ก็ต้องช่วยกันให้กำลังใจไปเหมือนกับเขาโดนมรสุม วันนี้เขาสามารถฝ่ามรสุมได้ก็ถือว่าเก่ง...

- ในพรรคมีความขัดแย้งกันเหมือนกับที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่

ก็ไม่อยากให้มี และเราไม่สามารถจะไปพูดว่ามีจริงหรือไม่จริง เพราะวันนี้อาจจะเป็นเหยื่อของการถูกโจมตีหรือปลุกปั่นก็ได้ เหมือนวันที่พี่ไปโคราชก็มีนักข่าวโทร.มาเยอะแยะว่าพรุ่งนี้พี่จะแถลงเปิดพรรค ทั้งที่ในข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่อย่างนั้น บางทีอาจจะเป็นข่าวลือว่าแตกแยก แต่ถ้ามีจริงก็ไม่ควรจะแตกแยก เพราะถูกกระทำมาเยอะ

- กระแสความนิยมของพรรคในพื้นที่กรุงเทพฯลดลง คุณหญิงมีข้อเสนอหรือไม่

ก็ต้องก้มหน้าทำงานให้หนัก พิสูจน์ ตัวเอง...หลัง ๆ มีน้อง ๆ มาปรึกษาเรื่องกระแส เราก็บอกว่าต้องก้มหน้าทำงานอย่างเดียว...

- การที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วมงานกับมูลนิธิไทยพึ่งไทย เป็นการสะท้อนบทบาทคุณหญิงในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ลงภาค กทม.หรือไม่

(หัวเราะ) ไม่หรอกค่ะ พรรคเขามีระบบแล้ว และเขาก็ทำได้ดี กรุงเทพฯก็มีท่าน อนุดิษฐ์ ท่านวิชาญเป็นประธานภาคอยู่แล้ว ตอนนี้พี่เป็นพวกยาหมดอายุแล้ว ถูกตัดสิทธิ์นะ ก็ได้แต่ทำงานการกุศล และพี่ ๆ น้อง ๆ ก็ไม่ปฏิเสธ มีอะไร ก็แวะเวียนมาปรึกษาหารือ อย่างตอนนี้ ชาวบ้านเดือดร้อนอยากออกไปช่วย ก็ไปช่วยด้วยกัน

เรื่องงานบุญอย่าเอางานการเมืองเข้ามาเลย...อย่างมีนักข่าวบางช่องไม่ได้อ้างคำให้สัมภาษณ์พี่ แต่บอกว่าพี่อึดอัดกับพรรคก็ขอบอกว่าไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะวันนี้ ไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวอะไรในพรรคได้อยู่แล้ว...งานการเมืองเนี่ย พวกเรา 111 ไปทำคงลำบาก ถ้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ผิด แต่อยู่ฝั่งนี้ถ้าทำให้พรรคเขาถูกยุบก็จะยุ่ง อีกนะ (หัวเราะ)

- ยังมีข่าวด้วยว่า ส.ส. กทม.กลุ่มหนึ่งไม่แฮปปี้กับตระกูลชินวัตร

ก็ต้องถาม ส.ส. เพราะพี่ก็ไม่เคยได้ยินเขาบ่นอย่างงั้น...(หัวเราะ) เพราะพวกนี้เขาพวกทำงาน

- การที่กลุ่ม ร.ต.อ.เฉลิมดึง "กลุ่ม กรุงเทพฯ 50" เข้าพรรค ถูกมองเป็นการชิงการนำกันในพื้นที่กรุงเทพฯหรือเปล่า

พี่ก็ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เพราะพรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคที่เคยเป็นพวก ๆ กันมาจากไทยรักไทย พี่ไม่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยนะ ถ้าบอกว่าเคยอยู่เดี๋ยวจะถูกยุบอีก (หัวเราะ) เวลาอ่านข่าวทุกครั้งพี่ก็ไม่สบายใจ เพราะอยากให้พรรคเพื่อไทยมีความสมัครสมานสามัคคีกัน เดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลเพราะมีเรื่องทุจริตเยอะแยะ ถ้าเรียกภาษาฟุตบอลก็คือมีลูกเข้าเท้าทุกวัน ถ้าพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ของตนเอง ทำงานด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวก็จะสามารถเตะ ลูกเข้าประตูทุกวัน

พี่เองไม่ได้ไมนด์หรอกว่า ถ้าคุณเฉลิมหรือใครจะมาดูแลกรุงเทพฯแทนพี่ เพราะวันนี้พี่ก็ไม่ได้สามารถจะไปทำงานการเมืองได้แล้ว ใครที่เขาไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ก็ให้เขาทำให้มันดีเถอะ มันดีทั้งนั้นแหละ... พี่ก็ระวังตัวนะ เดี๋ยวจะหาว่าเอาพี่ไปอยู่ในความขัดแย้ง พี่ก็ต้องระวังตัว และก็เดี๋ยวบางคนก็จะมาระแวงว่าพี่ไป ขวางทางสู่ดวงดาวของเขา ดังนั้นพี่ก็พยายามจะไม่ยุ่งอะไรที่จะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ทำก็ทำในนามตัวเอง การเมืองก็ขอพักไว้ก่อน

- บทบาทของมูลนิธิและการทำกิจกรรมการเมืองของกลุ่ม ส.ส.กทม.เพื่อไทยในปัจจุบัน จะเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นพรรคการเมือง เหมือนกับบทบาทกลุ่ม พลังไทยในอดีตที่ปรับเป็นพรรคไทยรักไทยหรือไม่

อันนั้น (กลุ่มพลังไทย) เป็นกลุ่มการเมืองชัดเจนไง อันนี้เป็นมูลนิธิไม่ใช่การเมืองนะ ส่วน ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย มาช่วย ก็มาช่วยเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว มันน่าจะเกื้อกัน มูลนิธิมีคนบริจาคมีข้าวของก็เอาไปช่วยผู้ประสบภัย

- การที่มูลนิธิมาทำงานโดยมี ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยบางส่วนมาร่วมด้วย เท่ากับเป็นการแบ่งการทำงานของพรรคเพื่อไทยกับ ส.ส. กทม.ออกมาอย่างชัดเจนหรือไม่

ไม่แบ่งหรอกค่ะ เพราะ ส.ส.ก็เป็น ส.ส.ที่ทำหน้าที่อยู่ในสภา อยู่ในพรรคอยู่ เพียงแต่ว่ามูลนิธิจะออกไปช่วย ก็ต้องขอความช่วยเหลือจาก ส.ส. ส.ก. ส.ข.ในพื้นที่ที่เขารู้พื้นที่ รู้ปัญหาประชาชน พอไปต่างจังหวัดเราก็ไปประสานกับ ส.ส. ต่างจังหวัดแล้วแต่พื้นที่

- ทำไมมูลนิธิไม่ไปรวมกับพรรคเพื่อไทย แทนที่จะแบ่งแยกออกเป็น 2 สาย

อ๋อ...ไม่เป็นการแบ่งแยกหรอกค่ะ ถ้าคิดในทางที่เป็นปัญหาก็เป็นปัญหา แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะช่วยกันก็ไม่ควร แบ่งพรรคแบ่งพวก ใครจะช่วยคนลำบากช่วยตรงไหนได้ก็ช่วย ส่วน ส.ส. ส.ก. ส.ข.ที่มาร่วมก็มาในนามพรรคอยู่แล้ว แต่มูลนิธิจะบอกว่าทำในนามพรรคไม่ได้ เพราะมูลนิธิเป็นองค์กรที่ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ และขณะนี้ก็อาจจะต้องระวังตัวมากกว่า เพราะทำอะไรก็จะผิดเหมือนกัน แต่ถ้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็จะทำอะไรไม่ค่อยผิดเท่าไร (หัวเราะ)

- ขณะนี้มีสายตาจับจ้องว่าพรรคมีหลายกลุ่ม เมื่อกลุ่ม กทม.แยกอย่างนี้ก็ยิ่งเป็นข้อสังเกตใหญ่ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

ไม่ได้แยกอะไรเลยค่ะ...ส่วนตัวพวกพี่ที่เป็นมูลนิธิ และเป็น 111 พี่ไม่สามารถที่จะทำงานในนามพรรคใดพรรคหนึ่งได้ แม้แต่ที่มีข่าวว่าจะตั้งพรรคใหม่ เอาพวกพี่ไปตั้งพรรคใหม่เมื่อไร พรรคนั้นก็ถูกยุบเมื่อนั้น นะคะ ฉะนั้นพี่ไม่สามารถทำได้ ฉะนั้นการ เมืองวันนี้ขอพักไว้ก่อน เอาเรื่องงานบุญก่อน

- กรณีคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ไปลงพื้นที่น้ำท่วมที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ลพบุรี ตรงนี้ทางคุณหญิงสุดารัตน์แบ่งกับคุณสมชายอย่างไร

ทางคุณสมชายไปในนามพรรค คือจริง ๆ แล้วอย่าไปพูดว่าแบ่งทำ เพราะพูดแล้วจะเป็นบาปไปเปล่า ๆ เรื่องการช่วยคน เพราะใครเขาจะช่วยได้ก็ต้องช่วยกันนะ อย่างลองพี่บอกว่าออกหน่วยของพรรค เพื่อไทย แต่พี่เอามูลนิธิไป ก็จะถูกโจมตี อีกแบบหนึ่งว่า อ๋อ เดี๋ยวนี้เอามูลนิธิมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งขัดต่อกฎหมาย... ดังนั้นพี่คงไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้...และมูลนิธิเป็นพรรคการเมืองไม่ได้

ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ

***********************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น