โดย:นักวิชาการ ลูกพ่อขุน
จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้ผมได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ที่หลายคนมองข้ามไป วันนี้เลยเอามาเล่าสู่กันฟังเผื่อจะสะกิดใจใครให้รู้สำนึกเสียทีว่าประเทศนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
เริ่มจากคุณหนูอภิสิทธิ์ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลงพื้นที่เลยเพราะกลัวถูกลอบฆ่าจากใครก็ไม่รู้ที่ยังไม่เคยมีหลักฐานใดๆ ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อสร้างภาพพร้อมการ์ดนับร้อย เดินทางลงพื้นที่บอกว่าจะมาช่วยประชาชนที่ประสบอุทกภัย แต่ภาพที่เห็นคือคุณหนู่ท่านก็นั่งอยู่บนเรือยาง สวมชูชีพไม่เปียกน้ำสักนิด คอยโปรยยิ้มให้กับชาวบ้านที่ต้องว่ายน้ำเอาปากคาบดอกไม้มาถวายถึงกาบเรือ น่าชื่นใจจริงๆ พอเรื่องนี้ถูกถามโดยนักข่าวก็ได้รับคำตอบว่าไม่อยากทำเหมือนใคร(ทักษิณ)ผมไม่จำเป็นต้องลง
หลังจากนั้นไม่นานกระแสนายกลูกคุณหนูก็แรงจัดจนคนเริ่มหมั่นไส้ จนกุนซือประชาธิปัตย์ทนไม่ได้ต้องสะกิดหนูอภิสิทธิ์ให้ลงจากสวรรค์มาโปรดชาวโลก เปลี่ยนลุ๊คสวมบู๊ทยาวเก้ๆกังๆลงเหยียบน้ำที่ท่วมระดับไม่ถึงแข้ง แต่ทว่าหน้าตากลับบอกบุญไม่รับกับกลิ่นเน่าของน้ำแต่ต้องทำใจยิ้มสู้ เพื่อฐานเสียง ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวเมืองล้วนๆไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ประสบอุทกภัยร้ายแรงเลย
โดยปรกติไม่ว่ายุคใด เมื่อมีอุทกภัยสิ่งที่เราจะเห็นกันเป็นประจำคือผู้นำประเทศจะสั่งกองกำลังทหาร ออกมาช่วยเหลือประชาชนอย่างขันแข็ง ด้วยทหารมีเครื่องไม้เครื่องมือครบ แต่สำหรับคราวนี้เราแทบไม่เห็นบทบาทของทหารอย่างที่ควรจะเป็นเลย กลับเป็นสื่ออย่าง ช่อง 3 ที่กลายเป็นแม่ข่ายใหญ่ที่ดูและช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ(อันนี้ต้องขอชื่นชมจากใจจริง)
ความจริงในหน่วยทหารมีทั้งรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ยานยนต์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก(หรือที่เราเรียกว่าโฮเวอร์คราฟ) เรือปฏิบัติการขนาดเล็ก(เจ็ทสกีหรือเรือยาง)เป็นต้น ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นหน่วยงานทหารมีเป็นร้อยๆ ซึ่งยานยนต์พวกนี้สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ได้แม้จะเป็นพื้นที่เสียงแค่ไหนก้ตาม แต่เราก็ไม่เห็นมาวิ่งสักลำกลับจอดสงบนิ่งอยู่ในกรมกอง แม้แต่ในเขตจังหวัดทหารแท้ๆก็ไม่พบออกมาเลย เมื่อนักข่าวสายทหารถามประเด็นนี้กับทหารชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้รับคำตอบว่าทหารไม่มีงบฯจึงไม่สามารถจัดเครื่องมือดังกล่าวไปช่วยชาวบ้านได้
ฟังดูก็น่าแปลกใจมิใช่น้อย ทั้งที่กลาโหมได้งบแบบกินเรียบจากการถวายของรัฐบาลหนูอภิสิทธิ์แล้ว เหตุใดกลับบอกว่าไม่มีงบประมาณอีก แล้วเงินที่ได้ทหารเอาไปใช้อะไรกันหมด ทั้งที่ความจริงก็ปรากฎกับสังคมว่าทหารสามารถนำยานยนต์ทหารพวกนี้ไปซ้อมรบกับต่างชาติ หรือแม้แต่ส่งไปช่วยประเทศแถบแอฟริกาปราบโจรสลัดแบบฟรี
ที่แย่สุดๆคือ สามารถเอากำลังทหารออกมาล้อมกรอบประชาชนและไล่ฆ่าที่ราชประสงค์ได้เป็นเดือนๆ มาตอนนี้ตอนที่กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตอนที่ประชาชนตาดำๆต้องทนทุกข์กับอุบัติภัยร้ายต้องการทหารมากที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ กลับบอกว่างบประมาณไม่มี การจะนำยานยนต์ทหารมาช่วยชาวบ้านตาดำๆที่กำลังรอความช่วยเหลือจึงเป็นไปไม่ได้อย่างนี้มันเหมาะควรหรือ
ยังดีที่สังคมไทยยังไม่แล้งน้ำใจไปซะหมด เราจึงเห็นภาพเจ็ทสกีของพลเรือน ลากเรือขนของเข้าไปช่วยชาวบ้านกันในหน้าข่าว แต่มันน่าเสียใจตรงที่กลายเป็นภาคเอกชนที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือพี่น้องที่มีทุกข์
แทนที่จะเป็นภาครัฐ เป็นเรื่องดีที่แย่ที่ต้องเห็นประชาชนช่วยกันเอง ที่บอกอย่างนี้เพราะหากรัฐบาลเข้มแข็งคงสามารถจัดการปัญหาได้ดีกว่านี้ ไม่ต้องรอให้คนในประเทศออกมาช่วยกันเอง
ในระบอบประชาธิปไตยเราเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อเข้าไปดูแลบริหารประเทศ เมื่อประชาชนเดือดร้อนจึงเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ต้องเข้าช่วยเหลืออย่างสุดความสารถ หากวันนี้เรามีรัฐบาลแต่พึ่งไม่ได้กลับต้องมาช่วยกันเองเมื่อเกิดทุข์ แล้วรัฐบาลก็คอยปรบมือให้ ลองคิดดูดีๆซิว่าเราจะมีรัฐบาลแบบนี้ไปทำไมกัน
******************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น