--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กกต.ชี้รมว.พิษหุ้นสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตามรธน.

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีมีการเรียกร้องให้ 2 รัฐมนตรีลาออกจากรัฐมนตรีก่อนลงสมัคร ส.ส. ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. เนื่องจากถือครองหุ้นที่เป็นบริษัทที่เป็นสัมปทานจากรัฐ ซึ่งเป็นกิจการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อีกทั้งในมาตรา 267 ยังระบุไว้ว่าให้นำบทบัญญัติมาตรา 265 มาใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีด้วย ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแบบนี้ เท่ากับเป็นการทำให้ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงด้วย

"คนที่รู้กฎหมายอ่านต้องเข้าใจได้ ผมเห็นว่าทั้ง 2 คนควรที่จะลาออกจากความเป็นรัฐมนตรีเลยดีกว่า ไม่ใช่เรียกร้องหาสปิริตให้ลาออกหากจะลงเลือกตั้ง แต่ควรแสดงสปิริตโดยตัวเองเพราะกฎหมายก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดเพราะความขัดกันแห่งผลประโยชน์ ที่ตนเอง หรือภรรยา เข้าไปถือหุ้น ไม่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีก ถึงไม่ลาออกตอนนี้ เมื่อ กกต.ยื่นและศาลมีคำวินิจฉัยมาก็ต้องออกอยู่ดี ดังนั้น จะเป็นการดีถ้าทั้ง 2 ลาออกตอนนี้ กกต.จะได้ไม่ต้องนำเรื่องนี้มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยในเรื่องของให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี เพราะมีหุ้นต้องห้าม" นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวว่า หากรัฐมนตรีที่อาจเข้าข่ายยังไม่ลาออก กกต.อาจจะต้องดำเนินการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอีกครั้ง เพราะมาตรา 269 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน ซึ่งการร้องครั้งนั้นผู้ร้องเข้ามาไม่ได้ร้องเรื่องนี้กกต.จึงไม่ได้ร้องให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดด้วยศาลจึงไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว

*****************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น