การเลือกตั้งซ่อมส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ชนะคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย แสนกว่าคะแนน
เป็นชัยชนะชนิดถล่มทลาย และไม่ง่ายนักสำหรับนักการเมือง
เม็ดคะแนนที่ออกมาสะท้อนความนิยม ของพรรคประชาธิปัตย์
หรือความขัดแย้งแบ่งสี แบ่งภาค ที่รุนแรงขึ้น
หรือสะท้อนเอกภาพในพรรคประชาธิปัตย์
สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
เรื่องนี้สะท้อนได้ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือภาคใต้ที่ยังเห็นได้ชัดว่าปิดประตูตายสำหรับคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย
เรื่องที่ 2 คือ เป็นภาพที่เกี่ยวเนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมทั้งที่กทม. และส.ก. ส.ข. ที่เห็นได้ชัดว่ากระแสของพรรคที่ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังลดความนิยมลงไป โดยมีสาเหตุเดียวกันคือ การไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงใช้ช่วงเดือนเม.ย. 2552 และพ.ค. 2553
ทำให้คนกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไป ยกเว้นคนที่รักและฝังใจพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคือผู้ที่ได้ประโยชน์จากพ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนรากหญ้า กลุ่มเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงกลุ่มที่ผูกพันกับส.ส.เพื่อไทย จะไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน ฐานเสียงนี้จะยังคงอยู่
แต่มีอยู่อีกกลุ่มคนหนึ่งคือ สามารถเลือกกลับไปกลับมาได้ ที่จะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้อยู่ในกทม. หรืออยู่ในเมือง เป็นคนชั้นกลาง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็อยู่ในเมือง หรือภาคใต้ก็อยู่ในเมือง กลุ่มเหล่านี้แต่เดิมอาจจะชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชอบพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งเม.ย. 2552 และพ.ค. 2553 ทำให้คนกลุ่มนี้เริ่มเกิดความไม่พอใจ และหันมาเลือกพรรคที่ตรงข้ามกับพรรคที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ แม้จะไม่ชอบพรรคนั้นก็ตาม
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำนั้น จึงทำให้คะแนนเสียง 2 ฝั่งมารวมกันคือ กลุ่มคนไม่ชอบทักษิณมาบวกกับกลุ่มที่ต้องการแสดงพลัง ทำให้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้น คะแนนเสียงของนายสุเทพเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่คะแนนเสียงทั้งหมดอาจจะไม่ได้ชอบนายสุเทพก็ได้
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ที่คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยที่แม้จะได้มากอยู่แต่ก็จะน้อยกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา เพราะเกิดปรากฏการณ์ความไม่พอใจของกลุ่มคนชั้นกลาง หรือคนที่อยู่ในเมืองที่ไม่พอใจเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ครั้งหนึ่งคนเหล่านี้อาจเคยชอบหรือพอใจพ.ต.ท.ทักษิณ หรือระบบต่างๆ แต่ครั้งนี้จะมีการแสดงออกให้เห็นว่าไม่เอาแล้ว การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็จะดูได้จากการเลือกตั้งย่อย 3 ครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ยังจะทำให้การแบ่งขั้วลดลง เพราะเมื่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยที่น้อยลงอาจจะมีการแยกขั้วอย่างที่จะเห็นว่ามีส.ส.เพื่อไทยบางคนที่มาเข้าร่วมกับรัฐบาล แตกต่างจากในอดีตที่คนเหล่านี้จะกอดกันแน่นเมื่อมีคะแนนเสียงเข้มแข็ง การเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะมีการย้ายข้ามฟากจากพรรคเพื่อไทย มาพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
ส่วนเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครลงทั้งๆ ที่รู้ว่าจะแพ้ เพราะ 1.เป็นโอกาสแสดงพลังให้ภาคใต้เห็น เป็นการประชาสัมพันธ์ 2.ถ้าได้คะแนนเสียง แม้จะแพ้แต่ห่างกันไม่เยอะก็ถือว่าเขาชนะแล้ว เป็นเครื่องเตือนให้คนทั่วไปรู้ว่านี้ขนาดภาคใต้ และ 3.เป็นการวัดคะแนนเสียงเพื่อเป็นตัวประเมินครั้งต่อไป
ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยต้องพิจารณาหนักว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ยังไม่กล้าจะเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่มา เพราะกลัวว่าถ้าเลือกแล้วจะมีการแบ่งแยกมากขึ้น การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยเอกภาพจะลดน้อยลง
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ผลการเลือกตั้งส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 แทนตำแหน่งที่ว่างครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งขั้วที่ชัดเจนระหว่างคนที่เอาประชาธิปัตย์ และคนไม่เอาประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และก็ถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ธรรมดา แต่เป็นเลขาธิการพรรคมาลงสมัครส.ส.
ซึ่งผลการเลือกตั้งก็สะท้อนว่านายสุเทพได้รับความนิยมและมีบารมีในพื้นที่เป็นอย่างมาก ผมเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมในพื้นที่นี้มาอย่างยาวนาน
นายสุเทพไม่ใช่คนแรก จึงไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด เช่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ชอบ ไม่เอา แต่เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้กลับมาอีกครั้ง
ซึ่งประเทศไทยยังต้องเผชิญปัญหาแบบนี้ต่อไป เนื่องจากไม่มีระบบเชื่อมโยงที่จะนำไปสู่การตรวจสอบนักการเมือง
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
การที่ประชาชนเลือกนายสุเทพเข้ามาเป็นส.ส.ในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้โอกาส และไว้ใจให้พรรคประชาธิปัตย์ในการทำงานบริหารประเทศ แม้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วก็ตาม แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความนึกคิดของประชาชน ที่ยังคงมีความนิยมในพรรคประชาธิปัตย์
ขณะเดียวกัน แม้ว่าที่ผ่านมาสถานการณ์บ้านเมืองของเราจะยังไม่เป็นปกติ เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์การชุมนุมมา แต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดกลับไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวาย ไม่มีความรุนแรง รวมถึงไม่มีกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้านการเลือกตั้งเหมือนที่เคยเกิดในพื้นที่อื่นๆ ในอดีต ถือเป็นการเลือกตั้งโดยประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการออกมาใช้สิทธิ์
มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อทิศทางในการบริหารงานของ ประเทศ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหาร เพื่อนำประเทศไปสู่การบริหารงานที่ถูกต้อง พัฒนาทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองให้ดี ยิ่งขึ้น
นอกจากพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับคะแนนเสียงเป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคใต้แล้ว ผมยังมองว่าในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่กทม. หรือจังหวัดอื่นๆ
ส่วนกรณีที่มีบัตรโนโหวตเป็นจำนวนถึง 1.2 หมื่นใบนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่มากนัก และคงไม่เกี่ยวกับกรณีที่ประชาชนเบื่อการเมือง เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะมีเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ปลอดประสพ สุรัสวดี
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
การเลือกตั้งซ่อมส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 แม้ว่านายสุเทพจะชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอย แต่ถือเป็นการเลือกตั้งที่พรรคพึงพอใจเพราะนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ผู้สมัครของพรรคได้คะแนนเกิน 2 หมื่นคะแนน ซึ่งถือว่าเยอะมากแล้ว
อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสที่จะได้ส.ส.ในส่วนของระบบบัญชีรายชื่อเพิ่มมากขึ้น แต่เสียดายที่คะแนนในส่วนโนโหวตนั้นมีมากเกินไปถึง 1 หมื่นกว่าคะแนน แสดงให้เห็นว่าชาวสุราษฎร์ฯ เบื่อการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
แต่หากมองในส่วนที่เป็นประโยชน์กับทางพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็สะท้อนว่าแม้ภายในพรรคประชาธิปัตย์จะทะเลาะกันเอง แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งก็ช่วยเหลือกัน
เพราะผมมองว่าคะแนนของนายสุเทพน่าจะได้ประมาณ 9 หมื่นคะแนน ส่วนที่เหลือเป็นคะแนนในส่วนของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
ที่มา:ข่าวสดรายวัน
************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น