นับตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค. เป็นต้นมา
บวกเข้ากับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่ได้บรรเทาเบาลงอย่างที่รัฐบาลชุดนี้พยายามโหมโฆษณา
ทำให้ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงขึ้นในแง่ความเป็นดินแดนที่มีความเสี่ยงอันตรายชั้นนำของโลก
กลางเดือนที่ผ่านมา บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงภัยก่อการร้ายทั่วโลก สำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เผยผลการศึกษาดัชนีวัดความเสี่ยงภัยก่อการร้ายใน 196 ประเทศทั่วโลก
อ้างอิงข้อมูลความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์ อาทิ ภัยจากการโจมตีประเภทต่างๆ บวกความสูญเสียที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 ถึงเดือนมิ.ย.2553
พบว่าไทยอยู่อันดับ 7 สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่อันดับ 9
ไม่รู้เกี่ยวกันหรือไม่กับกรณีนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยกเลิกแผนเดินทางพักผ่อนในประเทศไทยช่วงคริสต์มาส
เหตุการณ์การสลายม็อบเดือนเม.ย.-พ.ค.
ยังส่งผลให้องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน หรืออาร์ เอสเอฟ จัดให้ไทยอยู่อันดับที่ 153 จากทั้งหมด 178 ประเทศ ในการจัดอันดับเสรีภาพสื่อประจำปี 2553
ในรายงานระบุสาเหตุเสรีภาพสื่อในไทยร่วงลงไปถึง 23 อันดับ จากปีก่อนในอันดับที่ 130 มาอยู่อันดับ 153 ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
เป็นผลจากการขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.
ซึ่งมีนักข่าวต่างประเทศ 2 รายถูกยิงเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บอีกราว 15 คนทั้งสื่อเทศสื่อไทย
ในรายของสื่อไทย นายไชยวัฒน์ พุ่มพวง ช่างภาพเดอะ เนชั่น
ถูกยิงด้วยปืนทาโวร์ บาดเจ็บกลายเป็นคนขาพิการ
อันเป็นที่มาของการจัดตั้ง'กองทุนเพื่อเพื่อน' ช่วยเหลือช่างภาพสื่อมวลชนไทยที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุดเรื่องของสื่อกับการทำข่าวเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง
ยังมีอยู่ว่า นักข่าวและช่างภาพอิสระชาวอเมริกันชื่อ นายโรเจอร์ อาร์โนลด์ ได้รับรางวัลเกียรติยศ 'โรรี่ เพ็ก นิวส์ อวอร์ด'ประจำปี ของกองทุนโรรี่ เพ็ก ซึ่งมีสำนักงานอยู่กรุงลอนดอน
จากผลงานการเสี่ยงชีวิตบันทึกภาพเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2553
พร้อมยกระดับให้กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย
เป็นพื้นที่อันตรายที่สุดในโลก
ข่าวสดรายวัน-เหล็กใน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น