เว็บไซท์วิกิลี้คส์ ซึ่งนำเอกสารลับทางการทูตของสหรัฐมาเผยแพร่ ระบุว่า นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ที่สุดในโลกของกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ เช่น ตาลีบัน และลัชการ์ อี ไทบา แต่รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ในการยับยั้งการไหลออกของเงินทุนเหล่านี้ ทั้งนี้จากเอกสารลับเมื่อเดือนธันวาคม 2552 ลงนามโดยนางคลินตันระบุว่า ยังมีสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง เพราะซาอุดิอาระเบียยังเป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญ ของพวกอัล ไกดา , ตาลีบันและลัชการ์ อี ไทบ้า ซึ่งเอกสารลับฉบับนี้ส่งถึงบันถึงบรรดานักการทูตสหรัฐ เรียกร้องให้ใช้ความพยายามเป็นสองเท่า ในการขัดขวางไม่ให้เงินทุนจากซาอุดิอาระเบียถึงมือผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน และอัฟกานิสถาน
เอกสารลับระบุอีกว่า ผู้บริจาคในซาอุดิอาระเบียเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญที่สุดของกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมนิกายสุหนี่ทั่วโลก ทั้งยังมีอีก 3 ประเทศอาหรับที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งเงินทุนของกลุ่มก่อการร้ายเช่นกัน ได้แก่ กาตาร์ , คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันเป็นการเน้นให้เห็นปัจจัยที่ถูกละเลยในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่ปากีสถาน และอัฟกานิสถานซึ่งก็คือ ความรุนแรงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนทางการเงินของพวกผู้บริจาคที่ร่ำรวย และมีหัวอนุรักษ์นิยมในทะเลอาระเบียน ที่รัฐบาลขัดขวางแทบไม่ได้เลย
เอกสารลับยังระบุว่า กลุ่มลัชการ์ อี ไทบา ที่โจมตีนครมุมไบ ของอินเดีย เมื่อปี2551 อาศัยบริษัทในซาอุดิอาระเบียบังหน้า เพื่อระดมทุนเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2548 และอาศัยการยักย้ายถ่ายเทเงินที่อ้างว่านำไปสร้างโรงเรียน ไปเป็นเงินทุนในปฏิบัติการก่อการร้าย และมักเกิดขึ้นในช่วงการประกอบพิธีฮัจญ์ เพราะทางการซาอุดิอาระเบียไม่สามารถปฏิเสธการเข้าประเทศในช่วงดังกล่าวได้ ทำให้กลุ่มลัชการ์ อี ไทบา ได้รับเงินทุนสนับสนุนตกปีละ 5.25 ล้านดอลล่าร์ หรือกว่า 150 ล้านบาท
สหรัฐตำหนิซาอุดิอาระเบียมานานแล้ว ที่ไม่ยอมห้ามการเคลื่อนไหวขององค์กรการกุศล 3 แห่งที่สหรัฐ ขึ้นบัญชีดำเป็นองค์กรก่อการร้าย และทั้ง 3 แห่ง ก็ยังส่งเงินไปสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีความคืบหน้าอยู่บ้าง ในกรณีของอัล ไกดา ที่ความสามารถในการระดมทุนเสื่อมถอยลงไป นับตั้งแต่รัฐบาลกวาดล้างหนัก และทำให้อัล ไกดา อ่อนแอลง
ส่วนประเทศอื่นที่สร้างความปวดหัวให้สหรัฐ คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ซึ่งกลุ่มตาลีบันและหุ้นส่วนก่อการร้าย ต่างระดมเงินทุนผ่านทางธุรกิจใน UAE เพราะ UAE เป็นที่อยู่อาศัยของชาวปากีสถาน ที่เป็นปาชตุน หรือ ปาทาน จำนวน 1 ล้านคน และชาวอัฟกันอีก 150,000 คน ส่วนพวกที่ให้ทุน เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ลักพาตัวนักธุรกิจปาชตุนและญาติ ๆ ในดูไบ ทำให้นักธุรกิจใน UAE ต้องหันไปพึ่งวิธีการซื้อตั๋วเครื่องบินในวันเดินทาง เพื่อป้องกันการถูกลักพาตัว
ด้านคูเวต ถูกระบุว่า เป็นทั้งแหล่งเงินทุนและจุดผ่านที่สำคัญของอัล ไกดา และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ขณะที่รัฐบาลดำเนินการเพียงแค่ป้องกันการโจมตีบนแผ่นดินของตนเอง แต่แทบจะไม่ดำเนินการใด ๆ ในการจัดการกับแหล่งเงินทุนและกลุ่มก่อการร้ายที่วางแผนโจมตีนอกประเทศ
ที่มา.เนชั่น
----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น