ความเหลื่อมล้ำในสังคม‘รวยกระจุกจนกระจาย’หรือได้แค่ประชาธิปตาย
วันที่ 24 มิ.ย.2475 ถือเป็นวันเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การปกครองของไทย จาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” มาเป็น “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข”
วันที่ 10 ธ.ค. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร โดยทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชทานเป็นกฎหมายสูงสุดเพื่อเป็นหลักในการปกครองประเทศ จึงได้ถือว่าวันดังกล่าว...เป็น “วันรัฐธรรมนูญ”
วันที่ 10 ธ.ค.2553 ผ่านมา 78 ปี...ประเทศไทย มีการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อันเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 18 เฉลี่ย 4.3 ปี เราจะมีการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาใช้ 1 ฉบับ
ยิ่งเวลานี้...วาระแรกในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใน 2 ประเด็น คือมาตรา 93-98 และ มาตรา 190 ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี ก็เพิ่งผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวาระ แรกสดๆ ร้อนๆ
แต่เชื่อหรือไม่ว่า...การแก้รัฐธรรมนูญในระยะหลังนี้ รวมถึง การเขียนรัฐธรรมนูญหลายฉบับที่ผ่านมา...ล้วนมีแต่ “พวกหน้า เดิมๆ” และ “วาระการแก้ไข” ก็ล้วนแต่เป็นไปเพื่อ “อำนาจ” ของ “นักการเมือง” เท่านั้น...ไม่ใช่ทำเพื่อ “ประชาชน” อย่างแท้จริง
หากย้อนกลับไปดู...นับตั้งแต่ “ตุลาฯ 2516 / ตุลาฯ 2519 / พ.ค.ทมิฬ 2535 / 19 ก.ย. 2549” ประเทศชาติต้องจ่ายเงินเพื่อ คำว่า “ประชาธิปไตย” ด้วยเม็ดเงินที่มหาศาล แต่ขณะเดียวกัน... เราก็ต้องเสียชีวิต “ผู้บริสุทธิ์” ทั้งพวกที่หลงผิด-ถูกชักจูง...ไป ไม่น้อย...จนมีการเหน็บแนมกันว่า หรือจะเป็น “ประชาธิปตาย” กันแน่!!!
ยิ่งถ้ามองลึกไปถึง “การศึกษา” และ “จิตสำนึก” ของผู้คนในสังคมแล้ว...จะพบว่า “มีคนกลุ่มหนึ่ง” ที่ยังไม่พัฒนาทาง ความคิดในเรื่อง “ประชาธิปไตย” แต่ “คนกลุ่มนี้” กลับเป็นผู้มีบทบาทในการนำพาประเทศชาติ และมีเรื่อง “ผลประโยชน์” และ “สินบน” เข้ามาเกี่ยวข้องตลอดเวลา ที่น่าเจ็บปวดคือ... “เขาและเธอเหล่านี้” สามารถโน้มน้าวจิตใจให้ผู้คนทั่วไปยอมรับได้อย่างหน้าตาเฉยว่า “โกง...แต่ทำงาน ก็ไม่เป็นไร” ซึ่งเป็นวิธีปลูกฝังที่ผิดอย่างสิ้นเชิง
จะเห็นว่า...ตลอดเวลา 78 ปีที่ผ่านมา แม้เราจะได้ชื่อว่า ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกัน...แต่กลายเป็นว่า “ความเหลื่อมล้ำทาง สังคม” ยังคงปรากฏให้เห็นตลอดเวลา ยังมีการแบ่งแยกระหว่าง “คนรวย-คนจน” “คนมีอำนาจ-คนไร้วาสนา” แต่ไม่เคยมีการตรวจสอบและทวงถามถึง “ที่มาของเงิน” ว่า “พวกเขาเหล่านั้น” มั่งมีศรีสุข...มาได้อย่างไร เป็น “เงินที่บริสุทธิ์ถูกต้อง...จริงหรือไม่”
ปัญหาเหล่านี้...สามารถแก้ไขได้ หาก “ผู้มีอำนาจ” คิดถึง “ประชาชน” อย่างแท้จริง...อย่าให้ถึงกับ “ต้องรอคอยวัน เวลา” ที่ “พลังมวลชนจริงๆ” ที่ไม่ได้จัดตั้ง...จะลุกขึ้นมา “เปลี่ยนแปลง” เลย...
ที่พูดนี้ต้องขอบอกตรงๆ ว่า “ผม” ไม่กล้าแนะนำ “ผู้มีอำนาจในเวลานี้” ว่าควรจะต้องทำอย่างไร...??? เพราะเชื่อว่า “คงรู้ดี” ว่า... “ถ้าคิดจะทำ-จะทำกันอย่างไร”...เวลานี้ได้แต่เฝ้ามองและหวังว่า...จะเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดีขึ้น...เพื่อให้เป็น “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” อย่างแท้จริง
ที่มา.สยามธุรกิจ
---------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น