--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลึกแต่ไม่ลับ บิ๊กจิ๋วและพวก สนทนากับ"เจียง เจ๋อหมิน" 1ชั่วโมงครึ่ง ได้เคล็ดลับ2 เรื่องใหญ่!!!

เมื่อไม่นานมานี้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน  
ไฮไลท์ของ ทริปนี้คือการได้พบปะสนทนากับ อดีตประธานาธิบดี "เจียง เจ๋อหมิน "     
และที่สำคัญได้สนทนากันยาวนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง   ไม่มีใครทราบว่า  หัวข้อสนทนา ในวันนั้น คือเรื่องอะไร ?  แต่
วันนี้ มีคำเฉลย !!!
    
 ปกติแล้ว   เจียง เจ๋อหมิน   ไม่ค่อยออกพบปะกับผู้ใดบ่อยครั้งนัก  หลังจากส่งมอบอำนาจ  แต่การพบกับคณะของ"บิ๊กจิ๋ว" ย่อมมีทีเด็ด อย่างแน่นอน
    
คณะของพลเอกชวลิตที่พบผู้นำรุ่น 3 ของจีนประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายภูมิธรรม เวชยชัย  นายสุชน ชาลีเครือ  นายทหารติดตามพลเอกชวลิต และล่ามอีก 1 คน
     
ปัจจุบัน ท่าน เจียง เจ๋อหมิน  อายุ 84 ปี เป็นบุคคลหลักของ "ผู้นำรุ่นที่สาม" ของประเทศจีน    ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในช่วง พ.ศ. 2532 -2545  และประธานาธิบดี  ในช่วงปี พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2546
      
 เจียง เจ๋อหมิน  เป็นผู้คิดทฤษฎีสามตัวแทนซึ่งนำมาใช้ในรัฐธรรมนูญของประเทศ และของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย
      
 พื้นฐานการศึกษา ของผู้นำจีน ผู้นี้  จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยเจียวตง เคยฝึกงานในโรงงานสร้างรถยนต์สลาตินที่มอสโกทำให้พูดภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่ว    และยังมีชำนาญหลายภาษาไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย โรมาเนีย  และ ญี่ปุ่น
     
 นายภูมิธรรม เวชยชัย  หนึ่งในผู้ร่วมคณะ เล่าว่า    " ปกติ พลเอกชวลิตก็ไปจีนเป็นประจำทุกปี เพราะท่านเป็นคนมีเพื่อนเยอะ   ส่วนใหญ่เป็นผู้นำทางทหาร ทุกครั้งที่ไปก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี  แต่ครั้งนี้ พลเอกชวลิตไปในฐานะพลเรือน  และแขกของทางการ "


"ปกติท่านเจียง เจ๋อหมิน หลังจากมอบภารกิจ  ท่านก็ไม่ค่อยได้ออกงาน แต่ก็ยังพักอยู่ที่จงหนานไห่ ซึ่งเป็นทำเนียบผู้นำ   การไปพบท่านเจียง เจ๋อหมินในอายุวัย 84 ปี  ถือว่าผิดคาด เพราะคิดว่า จะเจอผู้นำสูงวัย   แต่เห็นท่าทางเดินของท่านสง่า    แข็งแรงมาก  กำหนดการเดิมพบได้ครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อคุยจริงๆ ด้วยความที่คุยกันถูกคอก็ใช้เวลาไป ชั่วโมงครึ่ง คุยไม่เลิก " 
   
 " แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองในประเทศไทย เพราะท่านเป็นผู้มีมารยาททางการเมือง " อดีตรมช.กระทรวงคมนาคม ยืนยัน
   
 ทว่า ในช่วงแนะนำตัว พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ แนะนำตัว"อ๋อย"จาตุรนต์ ฉายแสง ต่อท่านเจียง เจ๋อหมิน ว่า  เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่  และน่าจับตาว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีไทยในอนาคต 
  สำหรับประเด็นสำคัญ ที่คณะจากไทย ได้เรียนรู้จากท่านเจียง เจ๋อหมิน 2 เรื่องใหญ่
 
เรื่องแรก สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญมาก    ท่านก็เล่าฟังว่าที่แข็งแรงอยู่เพราะออกกำลังกายทุกวัน ว่ายน้ำวันละ 1 ชั่วโมง จนถึงปัจจุบัน ต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน  
 " คนเราจะมีสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องไปซื้อขาย ทำเองได้ ท่านเอง เคยอยู่ในขบวนของเหมา เจ๋อตุง ตอนปฏิวัติด้วย   ไปเจอตัวจริงจะทึ่งมาก ตัวท่านใหญ่ สูงมาก ผมถ่ายรูปจับมือท่าน ท่านตัวใหญ่กว่าผมอีก คนก็ยังมานึกว่าจะเจอผู้สูงอายุ  แต่กลับพบอดีตผู้นำที่ผึ่งผายมาก "   ภูมิธรรม เวชยชัย  กล่าว

   เรื่องที่สอง เรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต     ท่านเจียง เจ๋อหมิน เล่าให้คณะจากประเทศไทย ฟังว่า  เพิ่งอ่านหนังสือ  สตาร์บัคส์   หนา 500 กว่าหน้า เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ 3-4 วันจบเล่ม
 
 " สิ่งนี้  สะท้อนว่า ท่านสนใจ ใฝ่รู้ตลอดเวลา     ท่านเล่าต่อมาถึงว่าท่านมีความสนใจความรู้ทางด้านภาษามาก ทำให้เราตกใจ ท่าน เจียง เจ๋อหมิน อายุ 84  ปีแล้ว  ยังอ่านสตาร์บัคส์  ท่านบอกว่า  เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ 9 ขวบ แล้วยังรู้ภาษาญี่ปุ่น แต่ฟังจากน้ำเสียงดูจะไม่ค่อยชอบภาษาญี่ปุ่น ไม่ค่อยอยากพูดภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไร   แต่สุดท้าย ท่านบอกว่าเป็นวิธีคิดที่ผิด เพราะ ความจริงภาษาก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือ เพื่อให้มนุษย์สื่อสารต่อกันเท่านั้น    ภาษาไม่ใช่กำแพง กีดกันมนุษย์ชาติ "
 
  ท่านเจียง เจ๋อหมิน เล่าว่า   " เคยเรียนภาษาโรมาเนีย มีความสามารถถึงขั้นเคยทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาโรมาเนียมาแล้ว   และที่สำคัญตอนอายุประมาณ  76 ปี   เรียนภาษาสเปนสองปี  สามารถพูดสเปนในที่ประชุมสหประชาชาติได้ และก็ยังเรียนรู้อีกหลายภาษา เป็นคนที่เรียนรู้  และสนใจภาษา   เพราะท่านเชื่อว่า  เพราะภาษาเครื่องมือทางวัฒนธรรม ภาษาสะท้อน ความรู้สึกนึกคิดของผู้คน และเป็นสื่อประสาความสัมพันธ์กับผู้คน "
  
 ก่อนอำลาอดีตประธานาธิบดีจีน ได้มีการถ่ายรูปร่วมกัน แต่คนที่ดูจะมีความสุขมากกว่าใครเพื่อนก็คือ "จาตุรนต์ ฉายแสง"
  
 เพราะได้สนทนากับท่านเจียง เจ๋อหมินเป็นภาษาจีน  เรียกว่า ไม่เสียแรงที่ได้เรียนภาษาจีนมาหลายปี  .


ที่มา.มติชนออนไลน์
--------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น