--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์เกมคดีเงินบริจาค258ล.

คดีร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีใช้จ่ายเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ จบลงไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย

ส่งผลให้คดีพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ คลีเอชั่น จำกัด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 9 ธ.ค.นี้

เป็นที่จับตามองจากสังคมมากยิ่งขึ้น ว่าจะลงเอยในแบบเดียวกับคดี 29 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย 4 ต่อ 2 เสียงให้ยกคำร้อง

เนื่องจากข้อผิดพลาดทางเทคนิค 2 ข้อ คือ นายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่มีความเห็นว่ามีการกระทำความผิดและควรให้ยุบพรรค และเรื่องของการขาดอายุความ

นักวิชาการด้านกฎหมายที่ติดตามคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอัยการผู้ทำคดีได้วิเคราะห์ไว้น่าสนใจ ดังนี้

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไม่รู้ว่าการตัดสินคดีการรับเงินบริจาคของพรรคประ ชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท จะออกมารูปไหน เพราะการปฏิบัติหรือการอธิบายคดีสามารถออกอะไรก็ได้ไม่รู้จะคาดเดาอย่างไร

ที่ผ่านมาเกิดการตั้งคำถามว่าใช้หลักการอะไร ดูเหมือนว่าค้น หาหลักการได้ยากมาก การต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยประ เด็นว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่มีความเห็นในคดี จึงเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ก็ได้ ไม่สามารถคาดเดาในทางวิชาการได้

อยู่ในภาวะที่เราไม่สามารถใช้มาตรฐานหรือเหตุผลทางวิชาการเข้าไปจับ มันอาจจะออกมาในรูปอื่นๆ ก็เป็นไปได้

ในหลักกฎหมายถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะสู้ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่มีความเห็นในคดีนี้ เช่นเดียวกับคดีเงินกองทุนฯ 29 ล้านบาท

ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นศาลไต่สวน ถ้าประเด็นไหนไม่ชัดเจน ศาลฯ น่าจะเรียกข้อมูลข้อเท็จจริงมาดูให้มากขึ้น บางเรื่องถ้าไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการพิจารณาคดี เช่น เรื่องระยะเวลาในการสั่งฟ้องก็มีสิทธิพิจารณาประเด็นหลักของคดีได้

โดยหลักการแล้วศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ศาลยุติธรรม เรื่องระยะเวลาไม่จำเป็นต้องถือเคร่งครัด เพียงแต่กำชับให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตาม

พอได้อ่านคำพิพากษาแล้ว ผมพบว่าเมื่อพิจารณาร่วมกับหลายคดี บางคดีมีการตีความอย่างเคร่งครัด แต่บางคดีตีความอย่างกว้างขวาง

เลยไม่รู้ ไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งสิ้น

วัยวุฒิ หล่อตระกูล

รองอัยการสูงสุด คณะทำงานอัยการ

ชุดพิจารณาสำนวนคดี 258 ล้านบาท

คดีดังกล่าวนายทะเบียนพรรคการ เมืองยื่นเรื่องมาที่อัยการสูงสุดเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์

ซึ่งคณะทำงานของอัยการได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่ให้อำนาจพิจารณาและตั้งคณะทำงานเพื่อสรุปความเห็นยื่นภายใน 30 วัน

ยืนยันว่าได้ทำงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดทุกอย่าง แต่ถ้าหากจะมีใครเอาคดีเงิน 29 ล้านบาทที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องไปแล้วมาเทียบเคียง

คิดว่าข้อเท็จจริงคนละเรื่องกัน ต่างกรรมต่างวาระกัน การต่อสู้คนละแนวทางกัน ตัวบทกฎหมายก็ใช้ต่อสู้กันคนละมาตรา คือในคดี 29 ล้านเขาสู้ในมาตรา 93 แต่คดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทสู้ในมาตรา 95-96

การทำงานของคณะทำงานอัยการเรามั่นใจว่าทำตามขั้นตอนกฎหมายที่วางไว้ แต่ถ้าใครเอาคดี 29 ล้านมาเทียบเคียงก็เป็นสิทธิ์ของเขา

แต่ทั้งหมดทั้งมวลกระบวนการตัดสินและคำวินิจฉัยอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทิศทางของคดีนี้จะออกมาในรูปแบบไหน

ส่วนที่มีนักวิชาการเป็นห่วงในประเด็นที่เป็นจุดอ่อน ของ คดี 29 ล้านที่ยังไม่มีความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าจะยุบพรรคหรือไม่ แต่ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน และนำมาสู่การยกฟ้องในคดีดังกล่าว อาจเป็นช่องโหว่ในคดี 258 ล้านด้วยหรือไม่นั้น

ผมมองว่าคดี 258 ล้านน่าจะมีมติของนายทะเบียนฯ และ กกต.ออกมาแล้วว่าจะยุบพรรคประชาธิปัตย์

แต่ถ้าหากประเด็นนี้มีความผิดพลาดอีก นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการ เมือง ต้องเป็นผู้อธิบายกับสังคมให้ทราบเองว่าความผิดพลาดนั้นมาจากอะไร

ในวันที่ 9 ธ.ค. ทางศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพร้อมคู่ความในคดีดังกล่าว โดยเราได้เตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หากศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือตัดสินคดีเลยก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ

เราต้องรอดูกันในวันนั้น

คมสัน โพธิ์คง

อาจารย์คณะนิติศาสตร์

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีใช้จ่ายเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ หลายส่วนยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่พอสมควร

การยกคำร้องคดีนี้ไม่ใช่เพราะยื่นคำร้องเกินกำหนด 15 วันเท่านั้น

กกต.ไปวินิจฉัยโดยที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่วินิจฉัยเรื่องนี้ตามเงื่อนไข มาตรา 93

ส่วนคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับมาตรา 94 และมาตรา 95 ของพ.ร.บ. ประกอบพรรคการเมือง 2550 ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน ฉะนั้นเรื่องระยะเวลา เรื่องอายุความจึงต่างกัน

เพราะมาตรา 93 เป็นเรื่องการทำบัญชี ซึ่งกฎหมายให้อำนาจนายทะเบียนฯ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด

แต่กรณีมาตรา 95 โยงกับมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การยื่นเพื่อขอยุบพรรคกรณีนี้ ซึ่งเป็นไปตามวรรค 2 วรรค 3 ของมาตรา 68 ประกอบกับมาตรา 95 ต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่น

และอายุความในการฟ้องคดีจึงไม่ใช่ 15 วันนับแต่นายทะเบียนฯ ทราบ แต่คือภายใน 30 วัน นับแต่วันที่อัยการสูงสุดได้รับเรื่อง อายุความจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับกรณีนี้

เรื่องที่เป็นปัญหา คือ การข้ามขั้นตอน เพราะตามกฎหมายระบุว่า เมื่อมีคนร้องหรือปรากฏต่อนายทะเบียนฯ ว่ามีเหตุให้มีการยุบพรรค ตามมาตรา 94 ให้นายทะเบียนฯ สอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยพลัน

เมื่อนายทะเบียนฯ เห็นว่ามีเหตุให้ควรยุบพรรค ก็ให้นายทะเบียนฯ โดยความเห็นชอบของ กกต.เสนอต่ออัยการสูงสุด เพื่อมีคำร้องขอให้ยุบพรรค

แสดงว่าอำนาจในการยื่นเป็นอำนาจของนายทะเบียนฯ และหมายความว่านายทะเบียนฯ ต้องเห็นควรให้ยุบพรรคก่อน

คดีเงินบริจาค 258 ล้าน มีการส่งเรื่องเข้ากกต. 2 ครั้ง ครั้งแรก กกต.เห็นว่านายทะเบียนฯ ยังไม่ทำความเห็น ก็มีมติให้นายทะเบียนฯ กลับไปทำความเห็นก่อน นายทะเบียนฯ ก็กลับไปทำความเห็นแล้วบอกว่าไม่ยุบ เรื่องอยู่ที่นายทะเบียนฯ

แต่พอมีเสื้อแดงมากดดัน กกต.ก็เอาเรื่องนี้มาพิจารณา ซึ่งนายทะเบียนฯ ยังไม่เสนอความเห็นอีก ก็สันนิษฐานว่านายทะเบียนฯ ยังยืนยันว่าไม่ยุบ

เมื่อ กกต.ไปวินิจฉัยว่าให้ยุบ เท่ากับทำข้ามขั้นตอนและเป็นคนสั่งให้พิจารณายุบพรรคเสียเองเข้าไปใช้อำนาจของนายทะเบียนฯ เสียเอง

คดี 258 ล้าน จึงน่าจะมีปัญหาเช่นเดียวกับกรณี 29 ล้านในเรื่องการกระทำข้ามขั้นตอน และการเข้าไปใช้อำนาจนายทะเบียนฯ โดยมิชอบ

ถ้าประชาธิปัตย์จะนำประเด็นนี้มาต่อสู้ เป็นไปได้ที่เขาจะชนะ

คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้สืบพยาน ยังไม่ได้ไต่สวน ถ้ากระบวน การเบื้องต้นไม่ถูกต้องเสียแล้วถือว่าคดีจบไปเลย ไม่ต้องไปพูดถึงกระบวนการขั้นต่อไปอีก

ส่วนที่มีกระแสข่าว กกต.จะนำคดี 29 ล้าน กลับไปยื่นต่อศาลใหม่อีกครั้ง ต้องระวังว่าจะโดนเล่นงานกลับเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่า กกต.ทำงานข้ามขั้นตอน

กกต.จึงต้องระวังผลที่จะได้รับจากการทำหน้าที่ของตัวเอง และโดยหลักการก็เป็นไปไม่ได้ เพราะกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่าคนจะไม่ถูกฟ้องคดี เดียวกัน ในข้อเท็จจริงอันเดียวกัน

ข้อสำคัญคือถ้าจะฟ้องใหม่ อย่างไรต้องถือว่า กกต.ยื่นเรื่องเกิน 15 วันอยู่ดี

ข่าวสดรายวัน.คอลัมน์ รายงานพิเศษ
----------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น