--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สู้ความจริง

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะเดินทางไปสหรัฐวันที่ 16 ธันวาคม ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสมาชิกประกอบด้วย วุฒิสมาชิก 9 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาสหรัฐ 9 คน จากทุกพรรคการเมือง รวมทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศและผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ เพื่อให้การและพยานหลักฐานรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ที่มีผู้เสียชีวิต 91 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน

นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการยังต้องการติดตามปัญหาและเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อสารมวลชน หลังการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายธานี ทองภักดี รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวมาที่กระทรวงแล้ว ซึ่งองค์กรซีเอสซีอีเป็นองค์กรอิสระ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าสหรัฐได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐจะพิจารณา

สำหรับเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นก็ต้องขึ้นกับอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบโดยตรงว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ก็อาจเป็นโอกาสดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งให้กับสมาชิกระดับสูงของสหรัฐ ที่มีทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แทนที่จะมีแต่คำชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งสหรัฐคงไม่เชื่อฝ่ายใดง่ายๆ

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าสหรัฐเองก็มีข้อมูลจากหน่วยงานด้านการข่าวและสถานเอก
อัครราชทูตในไทย ซึ่งอาจมีข้อมูลมากกว่าที่ปรากฏเป็นข่าวมากมาย

ดังนั้น ถ้ามองในแง่ดีการไปชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นผลดีกับประเทศไทยที่ยืนยันว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยซ่อนรูปที่ยังอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการอย่างที่ถูกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ

ที่สำคัญความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรม ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องยอมรับความจริง แก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างมีสติ และหนักแน่นเที่ยงตรง อย่างมีเหตุมีผล ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ให้ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด


ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น