--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เหรียญด้านที่สอง

ระวังเพื่อนบ้านแซงทางโค้ง

เชื่อว่าหลายท่านคงช็อกไม่หายกับการที่บอลไทยเสมอกับลาว 2-2 !!!ที่สำคัญโดนนำทั้งสองครั้ง กว่าเราจะตีเสมอได้เรียกว่าแทบกระอัก ผมว่าช่วงนั้นคนลาวทั้งประเทศล้วนแฮปปี้ ไม่ต่างอะไรกับกรณีที่ไทยเสมอบราซิลทั้งที่เมื่อก่อนเราสามารถเอาชนะ เขาได้อย่างไม่ยากเย็น แถมชนะแบบเป็นกอบเป็นกำ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ที่เป็นการบ้านของรัฐบาลว่า เราจะพัฒนา ประเทศไปในทิศทางไหน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของฟุตบอล หรือกีฬาเท่านั้น

ที่ผ่านมาเราย่ำอยู่กับที่ แถมหลายครั้งยังเป๋ถอยหลังลงคลองมาตลอดในช่วงหลายปี แต่ก็มีหลายครั้งพอทำท่าจะดี ก็ถูกขัดแข้งขัดขาจากคน เสียผลประโยชน์บ้าง นักการเมืองฝ่าย ตรงข้ามบ้าง หรือแม้กระทั่ง รั้วของชาติ ที่ออกมาครางเสียงกระเส่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า “เราทำเพื่อประเทศชาติ”

นับวันบ้านเราจะยิ่งตามไม่ทันเพื่อนบ้าน หลายประเทศให้ความสำคัญ กับการพัฒนาบุคลากรทุกด้าน พร้อมๆ ไปกับพัฒนาการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาด้านต่างๆ ให้ครอบคลุม แต่บ้านเรากลับไร้ซึ่งการพัฒนาในทุกด้าน ไม่หยุดนิ่งก็ถอยหลัง เน้นอย่างเดียวพัฒนาตัวกูและพวกพ้อง ให้อยู่รอดใครไม่ใช่พวก ใครไม่เอื้อประโยชน์ ไม่มีเส้น หรือไม่ให้มีเอี่ยวด้วย อย่าหวัง ว่าโปรเจกต์จะผ่าน แม้จะรู้แก่ใจว่าถ้าผ่านแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่

หลายครั้งและหลายเรื่องที่เพื่อนบ้านต้องมาดูงานบ้านเรา และหลายครั้ง และหลายเรื่องอีกเช่นกันที่เราต้องไปดู งานในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ระหว่างเรากับเพื่อนบ้านจะต่างกันก็ตรงที่ เมื่อเขามาดูงานบ้านเราแล้วเขานำกลับไปประยุกต์ใช้จริงอย่างได้ผล แต่บ้านเราเสียงบดูงานมากมาย แต่ไม่นำมาปฏิบัติ หรือพอเอามาทำก็เล่นลอกเขาทั้งดุ้น ไม่มองถึงสังคม วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน

แล้วตอนนี้หลายเรื่องที่ประเทศเขามาดูงานจากเราเริ่มสัมฤทธิผล ในหลายเรื่องเขาเริ่มที่จะแซงเรา เรื่องฟุตบอลนี่สะท้อนภาพได้ชัดเจนมาก ในขณะที่เรากลับยังหยิ่ง เพราะนึกว่าตัวเองแน่ งบดูงานปีละหลายล้านไม่เคยปรากฏว่าเกิดประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ แต่เป็นเหมือนงบเที่ยวให้ ส.ส.-ส.ว. และข้าราชการระดับสูง

การศึกษาถดถอยลงไปเรื่อยๆ พร้อมไปกับจริยธรรม คุณธรรม ทั้งที่เราอ้างตัวเองเสมอว่า “เราเป็นสังคมชาวพุทธ” เราชอบสร้างฝันว่าจะเป็นฮับ นู่นบ้าง ฮับนี่บ้าง แต่ไม่เคยดูศักยภาพ ตัวเอง พูดง่ายๆ เราเก่งเรื่องขายฝัน และซื้อฝัน แต่เรากลับเมินความเป็นจริงที่เป็น ณ ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังย่ำแย่ แต่เรากลับ เทงบให้ทหารมากมาย เศรษฐกิจกำลังยุ่ย แต่เรากลับมีเมกะโปรเจกต์ออกมาอื้อซ่า ขณะเดียวกันก็ซ่อม สร้างอะไรไปเรื่อย ทั้งที่บางอย่างยังมีสภาพใช้ได้อยู่ วันดีคืนดีปิดแยกนู้นแยกนี้ ซ่อมกันเป็นเดือน..อยากจะตะโกนดังๆ จริงๆ ว่า “นี่มันภาษีตู”

สิ่งที่ต้องทำกลับไม่ทำ สิ่งที่ยังไม่ สมควรทำกลับทำซะงั้น!!! ทั้งที่เรามีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษา ที่เป็นหัวใจของการพัฒนาชาติ และการ เกษตร ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการเดินหน้า ของประเทศ แต่ที่ผ่านมา ครูกลับเป็นสาขาวิชาที่คนเลือกเรียนเป็นลำดับท้ายๆ เป็นงานที่คนจนตรอกไม่รู้ทำอะไรแล้วต้องทำเพื่อดำรงชีพ ในขณะที่เกษตรกร บ้านเรา ก็เปรียบเสมือนชนชั้นล่างในสังคม ไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร ราคาขายผลผลิตถูกกว่าต้นทุน คนยอม ขายนาขายไร่หันเหกลับมาเป็นลูกจ้าง ในขณะเดียวกัน นายทุนก็กว้านซื้อแล้วจ้างเกษตรกรทำต่อ

ไม่แปลกที่เด็กเราไม่พัฒนา เพราะครูด้อยคุณภาพ ไม่แปลกที่เกษตรกรบ้านเรา เป็นคนแก่คนเฒ่าเสียส่วนใหญ่ และไม่แปลกเลยที่บอลไทยเกือบแพ้ลาว...ก็ในเมื่อรัฐบาลยังไร้ซึ่งเสถียรภาพ สังคมยังมีมาตรฐานเดียวคือ คนมีอำนาจ มีเส้นเป็นใหญ่ รัฐบาลถูกชักใยโดยมือ ที่มองเห็นแต่แกล้งมองไม่เห็น มีนายกฯ หน่อมแน้มที่พูดเก่งแต่ทำไม่เป็น และมีกลุ่มเสียผลประโยชน์คอยขัดไปทุกเรื่อง ที่สำคัญยังไม่ยอมให้การเมืองจบ ในสภาฯอีกไม่นาน!!!! เราอาจต้องไปดูงานที่ลาวหรือเวียดนามเพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศ ถ้าเรายังไม่เปลี่ยน ตัวเอง คอยดูครับพี่น้อง..

ที่มา.สยามธุรกิจ
***********************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น