พาณิชย์เตรียมเปิดประมูลมันสำปะหลังจำนวน 2.8 แสนตัน คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศร่างทีโออาร์ ส่วนภาคเอกชนมีสิทธิ์เข้าตรวจสต๊อกและคุณภาพมันสำปะหลังได้เต็มที่
นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังครั้งนี้ ได้เชิญนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมรับฟังแนวทางการใช้พืชเศรษฐกิจเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการประกาศร่างหลักเกณฑ์การเปิดประมูลสำปะหลัง (ทีโออาร์) เพื่อให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้ายื่นซองเพื่อเสนอาคาในการประมูลมันสำปะะหลังที่เหลืออยู่ในสต๊อกรัฐบาลโดยเฉพาะมันเส้นจำนวน 2 แสนตัน โดยจะประกาศประมูลเป็นการทั่วไป
ทั้งนี้ คาดว่าทางกรมการค้าต่างประเทศจะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ได้ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และให้เวลาภาคเอนที่สนใจสามารถตรวจสอบสต๊อกมันสำปะหลังของรัฐบาลได้ในโกดังต่างๆภายใน 10 วัน ก่อนที่จะเสนอยื่นซองประมูลในอีก 2 สัปดาห์ข้าวหน้า โดยการประมูล 2 แสนตันนั้น เป็นการประมูลเพื่อการส่งออกเท่านั้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้นำมันเส้นค้างสต๊อกของปี 51/52 ที่มีจำนวน 1.2 แสนตัน ที่เกิดจากกรณีมีปัญหาจากการฟ้องร้องว่าการรับจำนำที่ผ่านมา เกิดปัญหาทรุจริตช่วงการรับจำนำในช่วงนั้น แต่หลังจากที่ศาลพิจารณาตัดสินแล้ว หลังสิ้นสุดคดีความมีปริมาณมันสำปะหลังเหลือ 8 หมื่นตัน ซึ่งที่ประชุมจึงได้อนุมัติให้มันเส้นจำนวนมดังกล่าว นำออกมาประมูลในคราวเดียวกันด้วย โดยจะเป็นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อนำมันเส้นไปใช้เกี่ยวกับอาหารสัตว์ ซึ่งรวมการประมูลครั้งนี้ทั้งเพื่อการส่งออกแะใช้ในประเทศ รวมทั้งสิ้น 2.8 แสนตัน และเชื่อว่าราคาประมูลก็น่าจะได้ราคาที่เท่าเป้าไว้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงานจัดตั้งคณะทำงานเพื่อไปวิเคราะห์และศึกษารายละเอียดการรับจำนำมันสำปะหลัง รวมทั้งประเมิน กำหนดแผนการรับจำนำมันสำปะหลังในฤดูกาลหน้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกิดความชัดเจน โดยคาดว่าปริมาณการรับจำนำในฤดูกาลหน้าไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยผลผลิตมันสำปะหลังคาดอยู่ที่ 28 ล้านตัน โดยเป็นการส่งออก 18 ล้านตัน และใช้ในประเทศ 10 ล้านตัน ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถเปิดรับจำนำได้ในปริมาณ 10 ล้านตัน แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขราคารับจำนำมันสำปะหลังได้ เพราะต้องให้คณะทำงานไปพิจารณารายละเอียดให้้เสร็จโดยเร็ว
ที่มา.ทีนิวส์
///////////////////////////////////////////////////////
นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังครั้งนี้ ได้เชิญนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมรับฟังแนวทางการใช้พืชเศรษฐกิจเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการประกาศร่างหลักเกณฑ์การเปิดประมูลสำปะหลัง (ทีโออาร์) เพื่อให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้ายื่นซองเพื่อเสนอาคาในการประมูลมันสำปะะหลังที่เหลืออยู่ในสต๊อกรัฐบาลโดยเฉพาะมันเส้นจำนวน 2 แสนตัน โดยจะประกาศประมูลเป็นการทั่วไป
ทั้งนี้ คาดว่าทางกรมการค้าต่างประเทศจะสามารถประกาศร่างทีโออาร์ได้ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ และให้เวลาภาคเอนที่สนใจสามารถตรวจสอบสต๊อกมันสำปะหลังของรัฐบาลได้ในโกดังต่างๆภายใน 10 วัน ก่อนที่จะเสนอยื่นซองประมูลในอีก 2 สัปดาห์ข้าวหน้า โดยการประมูล 2 แสนตันนั้น เป็นการประมูลเพื่อการส่งออกเท่านั้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้นำมันเส้นค้างสต๊อกของปี 51/52 ที่มีจำนวน 1.2 แสนตัน ที่เกิดจากกรณีมีปัญหาจากการฟ้องร้องว่าการรับจำนำที่ผ่านมา เกิดปัญหาทรุจริตช่วงการรับจำนำในช่วงนั้น แต่หลังจากที่ศาลพิจารณาตัดสินแล้ว หลังสิ้นสุดคดีความมีปริมาณมันสำปะหลังเหลือ 8 หมื่นตัน ซึ่งที่ประชุมจึงได้อนุมัติให้มันเส้นจำนวนมดังกล่าว นำออกมาประมูลในคราวเดียวกันด้วย โดยจะเป็นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อนำมันเส้นไปใช้เกี่ยวกับอาหารสัตว์ ซึ่งรวมการประมูลครั้งนี้ทั้งเพื่อการส่งออกแะใช้ในประเทศ รวมทั้งสิ้น 2.8 แสนตัน และเชื่อว่าราคาประมูลก็น่าจะได้ราคาที่เท่าเป้าไว้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงานจัดตั้งคณะทำงานเพื่อไปวิเคราะห์และศึกษารายละเอียดการรับจำนำมันสำปะหลัง รวมทั้งประเมิน กำหนดแผนการรับจำนำมันสำปะหลังในฤดูกาลหน้า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกิดความชัดเจน โดยคาดว่าปริมาณการรับจำนำในฤดูกาลหน้าไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยผลผลิตมันสำปะหลังคาดอยู่ที่ 28 ล้านตัน โดยเป็นการส่งออก 18 ล้านตัน และใช้ในประเทศ 10 ล้านตัน ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถเปิดรับจำนำได้ในปริมาณ 10 ล้านตัน แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขราคารับจำนำมันสำปะหลังได้ เพราะต้องให้คณะทำงานไปพิจารณารายละเอียดให้้เสร็จโดยเร็ว
ที่มา.ทีนิวส์
///////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น