แม้จะผ่านยกแรกไปแล้วกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ.... ฉบับของ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากทั้งพรรคประชาธิปัตย์และมวลชนหลายกลุ่มจนมีการรวมตัวชุมนุมเพื่อต่อต้าน
สถานการณ์การเมืองที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงจะเกิดการเผชิญหน้าในขณะนี้ ทำให้การก้าวย่างของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว ยุทธศาสตร์ที่แกนนำเพื่อไทยวางไว้ จึงจำเป็นต้องรับมือแบบ "คู่ขนาน" ทั้งศึกในและศึกนอก หลังจากประกาศเดินหน้าพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ จนถึงวาระ 3 ซึ่งจะกลายเป็นจุดเสี่ยงให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลลุกฮือมารวมกันต่อต้านครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง ไม่นับมือที่สามที่คอยเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เพิ่มความรุนแรงขึ้นจนบานปลายไปสู่การเผชิญหน้า
ทั้งนี้ ไพ่ใบสำคัญที่รัฐบาลหยิบมาใช้ก็คือ การตั้ง "เวทีปฏิรูปการเมือง" เพื่อหวังถอดสลักระเบิดเวลาจากกลุ่มต่อต้านต่างๆ โดยทาบทามบุคคลสำคัญทางการเมืองให้เข้าร่วมและกระชับพื้นที่ประชาธิปัตย์
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เร่งผลักดันผ่านสากล โดยทาบทาม นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งได้รับยืนยันจากนายกฯว่าทั้งคู่ตอบรับเทียบเชิญร่วมสร้างความปรองดองในประเทศไทยแล้ว
ขณะเดียวกัน ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยทั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค เห็นตรงกันว่าเวทีปฏิรูปการเมือง จะเป็นทางออกและลดกระแสร้อนแรงตลอดจนความขัดแย้งทางการเมืองที่รอวันปะทุได้ หลังจากทุกฝ่ายตอบรับแล้ว
หากทุกอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายยินยอม ไม่แน่ว่าอาจเห็นชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมด้วยก็เป็นได้
ส่วนเกมในสภา พรรคเพื่อไทยยังยืนยุทธศาสตร์ "รัฐบาลไม่เกี่ยว" โดยเฉพาะนายกฯยิ่งลักษณ์ ถูกกันออกจากเกมนี้ให้อยู่ในจุด "เซฟโซน" ปล่อยให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเป็นเรื่องของสภา เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังออกมาชูประเด็นข้อกล่าวหาว่ามีวาระซ่อนเร้นเพื่อช่วยพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเข้าข่ายการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ conflict of interests
ประเด็นนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อเปิดดูรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ 35 คน มี นิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี และ "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร เมื่อ19 ก.ย.2549 เข้าไปนั่งในโควต้ารัฐบาล แถมยังวางตัว "บิ๊กบัง" เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯเองด้วย เพื่อให้เกิดภาพความปรองดอง
และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ตามยุทธศาสตร์ 2 ขาของพรรคเพื่อไทยในการซื้อใจมวลชนคนเสื้อแดงให้เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กในการปกป้องรัฐบาลต่อไป ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เผื่อช่องทางสำหรับให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านแบบเท่ๆ พร้อมบีบพื้นที่ทางการเมืองของฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไปในตัว!
มท.1แจงดึง"แบลร์-โคฟี่"หวังเรียกเชื่อมั่น
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดวานนี้ (10 ส.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแนวคิดการเชิญ นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น เข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทย ว่า ถือเป็นประโยชน์และเป็นวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างของนายกรัฐมนตรี เพราะจะสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการคุยภายในประเทศอย่างเดียวไม่ให้ประเทศอื่นมีส่วนร่วมด้วยเลยคงไม่มีใครเชื่อมั่น พวกที่พูดว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ถือเป็นพวกผีที่กลัวความจริง กลัวโลกที่กำลังก้าวหน้าไป จึงพยายามฉุดรั้งไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
นายจารุพงศ์ แสดงความเชื่อมั่นว่า เวทีนี้จะมีความเป็นรูปธรรม เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดเวทีสานเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวทีขึ้นมา เพื่อหาทางทำให้ประเทศสงบสุข โดยเวทีดังกล่าวได้นำแนวทางที่สถาบันพระปกเกล้า คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับของ พล.อ.สนธิ ได้ทำการศึกษามาก่อนหน้านี้ มาเป็นหัวข้อในการพูดคุย
ทั้งนี้ การศึกษาของทั้ง 3 สถาบันมีความเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยจะสงบได้ต้องมีการพูดคุยเจรจากัน และควรถามประชาชน จึงได้จัดเวที 108 เวทีขึ้นมา โดยรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 116,000 คน และได้บทสรุปออกมาว่าอยากเห็นบ้านเมืองปรองดองกัน อยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ให้หันหน้าเข้ามาคุยกัน นายกฯจึงมองว่าเมื่อประชาชนได้คุยกันแล้ว ก็ควรเชิญพรรคการเมืองมาคุยกันด้วย และเชิญบุคคลสำคัญในต่างประเทศเข้ามาร่วม นี่คือความพยายามของรัฐบาลที่จะทำให้บ้านเมืองนี้สงบอย่างเป็นรูปธรรม
ปชป.ถล่มแค่ปาหี่-เผย "โคฟี่" เคยมาไทยแล้ว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรค กล่าวเรื่องเดียวกันว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความชอบธรรม โดยนำต่างชาติมาเล่นปาหี่ให้เกิดความเกี่ยวโยงไปสู่สภาปฏิรูปการเมือง ทั้งๆ ที่รัฐบาลควรมีความจริงใจโดยไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้นำต่างชาติเหล่านี้มาร่วม เพราะบางคนก็เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ทั้งยังได้เคยพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยไว้ ฉะนั้นถึงจะมาอีกครั้งก็คงพูดเหมือนเดิม
มีรายงานว่า รัฐบาลได้เชิญ นายแบลร์ นายอันนัน และ นายมาร์ตติ อาห์ติซารี อดีตประธานาธิบดีประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในเรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพ เข้าร่วมเวที Uniting for the future: Learning from each other's experiences ในวันที่ 2 ก.ย.นี้
ชี้"พิชัย"ร่วมวงปฏิรูปเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนกรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบรับเข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทย และยังเคยวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ว่าชอบสร้างเงื่อนไขนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิชัยในการเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างเงื่อนไขใดๆ รัฐบาลต่างหากที่สร้างเงื่อนไข มีพฤติกรรมอำพราง หมกเม็ดดันกฎหมายนิรโทษกรรม อย่างไรก็ตาม การที่นายพิชัยออกมาพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ และมั่นใจว่านายพิชัยยังเป็นเลือดแท้ของพรรคเหมือนกับสมาชิกพรรคทุกคนที่อาจมีความเห็นแตกต่างกันได้
นายองอาจ ยังกล่าวตำหนินายกรัฐมนตรีที่ไม่ให้ความสำคัญกับสภา เพราะไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเลย ทั้งๆ ที่เคยกล่าวไว้เองว่าความปรองดองจะเริ่มต้นที่รัฐสภา
กปท.หวั่นถกนิรโทษวาระ2มีสอดไส้
ที่สวนลุมพินี นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กล่าวว่า ที่ประชุมแกนนำ กปท.ได้แสดงความกังวลต่อการแปรญัตติวาระ 2 ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เพราะอาจมีการสอดไส้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกได้ประโยชน์ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลเปิดโอกาสให้มีตัวแทนประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯด้วย
ส่วนการเชิญนายโทนี แบลร์ และนายโคฟี อันนัน มาร่วมเวทีปฏิรูปประเทศนั้น นายไทกร กล่าวว่า เป็นการดึงต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย อีกทั้งบุคคลทั้งสองก็ไม่ได้รับรู้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไรและมากแค่ไหนด้วย
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สถานการณ์การเมืองที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงจะเกิดการเผชิญหน้าในขณะนี้ ทำให้การก้าวย่างของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว ยุทธศาสตร์ที่แกนนำเพื่อไทยวางไว้ จึงจำเป็นต้องรับมือแบบ "คู่ขนาน" ทั้งศึกในและศึกนอก หลังจากประกาศเดินหน้าพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ จนถึงวาระ 3 ซึ่งจะกลายเป็นจุดเสี่ยงให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลลุกฮือมารวมกันต่อต้านครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง ไม่นับมือที่สามที่คอยเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เพิ่มความรุนแรงขึ้นจนบานปลายไปสู่การเผชิญหน้า
ทั้งนี้ ไพ่ใบสำคัญที่รัฐบาลหยิบมาใช้ก็คือ การตั้ง "เวทีปฏิรูปการเมือง" เพื่อหวังถอดสลักระเบิดเวลาจากกลุ่มต่อต้านต่างๆ โดยทาบทามบุคคลสำคัญทางการเมืองให้เข้าร่วมและกระชับพื้นที่ประชาธิปัตย์
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เร่งผลักดันผ่านสากล โดยทาบทาม นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งได้รับยืนยันจากนายกฯว่าทั้งคู่ตอบรับเทียบเชิญร่วมสร้างความปรองดองในประเทศไทยแล้ว
ขณะเดียวกัน ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยทั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค เห็นตรงกันว่าเวทีปฏิรูปการเมือง จะเป็นทางออกและลดกระแสร้อนแรงตลอดจนความขัดแย้งทางการเมืองที่รอวันปะทุได้ หลังจากทุกฝ่ายตอบรับแล้ว
หากทุกอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายยินยอม ไม่แน่ว่าอาจเห็นชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมด้วยก็เป็นได้
ส่วนเกมในสภา พรรคเพื่อไทยยังยืนยุทธศาสตร์ "รัฐบาลไม่เกี่ยว" โดยเฉพาะนายกฯยิ่งลักษณ์ ถูกกันออกจากเกมนี้ให้อยู่ในจุด "เซฟโซน" ปล่อยให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเป็นเรื่องของสภา เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังออกมาชูประเด็นข้อกล่าวหาว่ามีวาระซ่อนเร้นเพื่อช่วยพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเข้าข่ายการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ conflict of interests
ประเด็นนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อเปิดดูรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ 35 คน มี นิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ อธิบดีกรมบังคับคดี และ "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร เมื่อ19 ก.ย.2549 เข้าไปนั่งในโควต้ารัฐบาล แถมยังวางตัว "บิ๊กบัง" เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯเองด้วย เพื่อให้เกิดภาพความปรองดอง
และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ตามยุทธศาสตร์ 2 ขาของพรรคเพื่อไทยในการซื้อใจมวลชนคนเสื้อแดงให้เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กในการปกป้องรัฐบาลต่อไป ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เผื่อช่องทางสำหรับให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านแบบเท่ๆ พร้อมบีบพื้นที่ทางการเมืองของฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไปในตัว!
มท.1แจงดึง"แบลร์-โคฟี่"หวังเรียกเชื่อมั่น
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดวานนี้ (10 ส.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแนวคิดการเชิญ นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น เข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทย ว่า ถือเป็นประโยชน์และเป็นวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างของนายกรัฐมนตรี เพราะจะสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการคุยภายในประเทศอย่างเดียวไม่ให้ประเทศอื่นมีส่วนร่วมด้วยเลยคงไม่มีใครเชื่อมั่น พวกที่พูดว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ถือเป็นพวกผีที่กลัวความจริง กลัวโลกที่กำลังก้าวหน้าไป จึงพยายามฉุดรั้งไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
นายจารุพงศ์ แสดงความเชื่อมั่นว่า เวทีนี้จะมีความเป็นรูปธรรม เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดเวทีสานเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวทีขึ้นมา เพื่อหาทางทำให้ประเทศสงบสุข โดยเวทีดังกล่าวได้นำแนวทางที่สถาบันพระปกเกล้า คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับของ พล.อ.สนธิ ได้ทำการศึกษามาก่อนหน้านี้ มาเป็นหัวข้อในการพูดคุย
ทั้งนี้ การศึกษาของทั้ง 3 สถาบันมีความเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยจะสงบได้ต้องมีการพูดคุยเจรจากัน และควรถามประชาชน จึงได้จัดเวที 108 เวทีขึ้นมา โดยรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 116,000 คน และได้บทสรุปออกมาว่าอยากเห็นบ้านเมืองปรองดองกัน อยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ให้หันหน้าเข้ามาคุยกัน นายกฯจึงมองว่าเมื่อประชาชนได้คุยกันแล้ว ก็ควรเชิญพรรคการเมืองมาคุยกันด้วย และเชิญบุคคลสำคัญในต่างประเทศเข้ามาร่วม นี่คือความพยายามของรัฐบาลที่จะทำให้บ้านเมืองนี้สงบอย่างเป็นรูปธรรม
ปชป.ถล่มแค่ปาหี่-เผย "โคฟี่" เคยมาไทยแล้ว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรค กล่าวเรื่องเดียวกันว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความชอบธรรม โดยนำต่างชาติมาเล่นปาหี่ให้เกิดความเกี่ยวโยงไปสู่สภาปฏิรูปการเมือง ทั้งๆ ที่รัฐบาลควรมีความจริงใจโดยไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้นำต่างชาติเหล่านี้มาร่วม เพราะบางคนก็เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ทั้งยังได้เคยพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยไว้ ฉะนั้นถึงจะมาอีกครั้งก็คงพูดเหมือนเดิม
มีรายงานว่า รัฐบาลได้เชิญ นายแบลร์ นายอันนัน และ นายมาร์ตติ อาห์ติซารี อดีตประธานาธิบดีประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในเรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพ เข้าร่วมเวที Uniting for the future: Learning from each other's experiences ในวันที่ 2 ก.ย.นี้
ชี้"พิชัย"ร่วมวงปฏิรูปเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนกรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบรับเข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทย และยังเคยวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ว่าชอบสร้างเงื่อนไขนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิชัยในการเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นฝ่ายสร้างเงื่อนไขใดๆ รัฐบาลต่างหากที่สร้างเงื่อนไข มีพฤติกรรมอำพราง หมกเม็ดดันกฎหมายนิรโทษกรรม อย่างไรก็ตาม การที่นายพิชัยออกมาพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ และมั่นใจว่านายพิชัยยังเป็นเลือดแท้ของพรรคเหมือนกับสมาชิกพรรคทุกคนที่อาจมีความเห็นแตกต่างกันได้
นายองอาจ ยังกล่าวตำหนินายกรัฐมนตรีที่ไม่ให้ความสำคัญกับสภา เพราะไม่เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเลย ทั้งๆ ที่เคยกล่าวไว้เองว่าความปรองดองจะเริ่มต้นที่รัฐสภา
กปท.หวั่นถกนิรโทษวาระ2มีสอดไส้
ที่สวนลุมพินี นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กล่าวว่า ที่ประชุมแกนนำ กปท.ได้แสดงความกังวลต่อการแปรญัตติวาระ 2 ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เพราะอาจมีการสอดไส้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกได้ประโยชน์ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลเปิดโอกาสให้มีตัวแทนประชาชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯด้วย
ส่วนการเชิญนายโทนี แบลร์ และนายโคฟี อันนัน มาร่วมเวทีปฏิรูปประเทศนั้น นายไทกร กล่าวว่า เป็นการดึงต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย อีกทั้งบุคคลทั้งสองก็ไม่ได้รับรู้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไรและมากแค่ไหนด้วย
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น