--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คอรัปชั่น VS เซ็กซ์ !!??

การคอรัปชั่นถือเป็นสนิมเหล็ก ที่บ่อนทำลายความเจริญของชาติบ้านเมือง องค์กร และทุก ๆ ที่ที่มีสิ่งนี้อยู่ เนื่องจากการทุจริตคอรัปชั่นเริ่มต้นมาจาก "ความขี้โกง" "ความเห็นแก่ตัว" "ความเอาเปรียบ" อีกทั้งยังลามไปถึง "ความโลภ" "ความเห็นแก่ได้" และ "ไร้จิตสำนึกสาธารณะ" อีกด้วย
   
ในอดีตที่ผ่านมา แม้จะมีการทุจริตคอรัปชั่นอยู่มาก แต่ก็ยังเป็นการพยายามหลบซ่อน และมีอยู่เพียงบางหน่วยงานเท่านั้น เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ยังคงมีจริยธรรม ศีลธรรม และรังเกียจสนิมคอรัปชั่นกันอยู่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การทุจริตคอรัปชั่นกลับกลายเป็นเหมือนเรื่องที่ธรรมดามากขึ้นทุกที
   
สิ่งนี้เท่ากับสะท้อนจิตใจของผู้คนในสังคมที่ตกต่ำ จนถึงกับมีผลโพลสำรวจที่ออกมาว่า คนจำนวนมากที่เห็นว่าขอแค่เก่ง ถ้าอย่างนั้นโกงก็ไม่เป็นไร เท่ากับเป็นการยอมรับ หรือการจำยอมต่อการทุจริต เพียงเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ตกแก่ตนบ้างก็พอ บ้างก็อ้างว่าที่ไหนบ้างไม่มีการทุจริต  การไม่ยอมรับ การไม่กินตามน้ำ การขัดขืน ก็จะกลายเป็นแกะดำ และอยู่ได้ยากในสังคมอันสกปรกเหล่านั้น
   
ด้วยเหตุนี้ การคอรัปชั่นจึงแพร่ลามราวกับเชื้อโรค แทรกซึมอยู่ในทุกองค์กร ตั้งแต่การเมือง ข้าราชการ หน่วยงานเอกชน องค์กรการกุศล องค์กรศาสนา แม้กระทั่งมีความพยายามที่จะแทรกซอนเข้าไปในองค์กรตุลาการอย่างที่เคยปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ได้เห็น
   
เนื่องจากทุจริตคอรัปชั่น เป็นการตอบสนองต่อกิเลสด้านมืดของตน จึงถูกคิดค้นและสรรสร้างสารพัดรูปแบบวิธีขึ้นมา และรูปแบบที่อาจจะไม่ใหม่ แต่ถูกใช้แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ก็คือการติดสินบน หรือการคอรัปชั่นด้วย "เซ็กซ์" หรือว่าเรื่องทางเพศนั่นเอง
   
การคอรัปชั่นด้วย "เซ็กซ์" ถือเป็นหนึ่งในความเลวร้ายของสังคม รวมถึงเป็นความผิดในหลายประเทศ เพราะหลายครั้งที่ปรากฏว่ามีการใช้เรื่องเพศ หรือการร่วมหลับนอน หรือส่งคนมาร่วมหลับนอน แล้วทำให้ผู้ที่มีอำนาจรัฐ หรือผู้ที่มีอำนาจในการให้ประโยชน์โดยทางมิชอบต่าง ๆ ใช้อำนาจในมือที่มีอยู่ ในการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ส่งมอบมาปรนเปรอ ซึ่งอาจจะมีเงินด้วยหรือไม่ก็ตาม
   
อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านทุจริต ได้ให้คำนิยามของคอรัปชั่นว่า "ผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง" ขณะที่หน่วยงานด้านตุลาการของญี่ปุ่น เยอรมนี ได้กำหนดนิยามว่า คอรัปชั่น คือการให้ผลประโยชน์ในสิ่งที่ทำให้คนพึงพอใจ ซึ่งนิยามเช่นนี้ ได้ทำให้ญี่ปุ่นทำการลงโทษในกรณีติดสินบนด้วย "เซ็กซ์" อยู่เสมอ
   
ส่วนในสหรัฐฯ แม้ว่าจะยอมรับเรื่องการใช้ "เซ็กซ์" เพื่อคอรัปชั่น แต่กรณีที่ถูกตัดสินออกมา กลับมีน้อยมาก และมักจะเป็นในกรณีที่ข่าวฉาวออกมา จนทำให้เกิดความอับอายหรือเสียหายต่อองค์กร จนต้องลาออกจากตำแหน่งมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่า ในกรณีนี้ เท่ากับมองข้ามความร้ายแรง และยังไม่ถึงขั้นลงโทษต่อกรณีที่ใช้เซ็กซ์เพื่อการคอรัปชั่นอย่างจริงจัง
   
แต่สำหรับประเทศจีน เรื่อง "เซ็กซ์" นอกสมรสนั้น ถือเป็นเครื่องชูรสในการใช้ชีวิตของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูง โดยมักจะมีแนวความคิดที่ว่า ถ้าหากเรื่องคาวฉาวโฉ่เหล่านี้ไม่เป็นข่าว และไม่ถูกเปิดโปงจนเป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา เห็นได้จากภาพข่าวที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนว่า จากสิ่งที่ไม่เป็นข่าว ในประเทศที่กว้างใหญ่ขนาดนี้นั้นจะมีมากเพียงไหน
   
ที่สำคัญคือ ข่าวเรื่องการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง (หรือต่ำ) ของจีน ไปมีเซ็กซ์นอกสมรส นั้นยังแบ่งเป็นการไปหาเศษหาเลยธรรมดา กับการที่ถูกส่งมาเป็นเสมือนเครื่องบรรณาการ เพื่อให้หยิบยื่นผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากหน้าที่การงานที่ตนเองได้รับผิดชอบอยู่ พูดง่าย ๆ ก็คือการใช้เซ็กซ์เพื่อเป้าหมายในการหาประโยชน์อันมิชอบนั่นเอง
   
จากกรณีที่ปรากฏในจีน ส่วนใหญ่ที่เห็นจะแยกกรณีการลงโทษออกไป เช่น การถูกปลด มักจะมาจากเหตุผลที่ทำให้ตำแหน่ง หรือว่าพรรคเกิดความด่างพร้อย จากนั้นก็มักจะถูกลากไส้ ลงโทษในกรณีทุจริตอื่น ๆ ตามมา หรือหนักหน่อยที่มีหลักฐานการทุจริตร้ายแรง ก็ถึงขั้นประหารชีวิตเลยก็เคยมีปรากฏมาแล้ว
   
ฉะนั้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ความผิดในการทุจริตคอรัปชั่น ไม่ใช่ว่าได้อะไรจากการคอรัปชั่น เพราะนั่นเท่ากับเป็นการอาศัยอำนาจของตนในการรับผลประโยชน์อันมิพึงได้ เมื่อใช้อำนาจไปในทางมิชอบ ย่อมเป็นการเบียดเบียนทรัพยากร หรือสิทธิของผู้อื่น
   
ในประเทศไทยซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ก็ควรจะยิ่งตระหนัก และให้ความสำคัญกับศีลธรรม และความถูกต้อง มิใช่เอาแต่ตามน้ำ คิดว่ามันมีอยู่เต็มไปหมดในสังคม จะเพิ่มเราอีกคนจะเป็นไรไป หรือต้องเลยตามเลยเพราะเกรงกลัวต่ออำนาจอิทธิพลในองค์กรที่ตนเองได้ทำงานอยู่
   
บ้างก็เลยเถิดไปถึงว่า ไหน ๆ ก็มีคนทำกันมากมาย เราจะติดสินบน รับสินบน หรือทุจริตอีกสักคนจะเป็นไร โดยหารู้ไม่ว่าเหตุผลทั้งหมดมันเริ่มต้นมาจากความโลภ และกิเลสของตนเอง และจะแพร่ลามไปถึงสังคมของเด็ก นักเรียน เรียกว่าโกงกันตั้งแต่ในโรงเรียนจนถึงการบริหารประเทศเลยทีเดียว
   
แม้ว่าสังคมทุกวันนี้ จะถูกตราหน้าว่าเป็นสังคมที่ "คนดีอยู่ยาก" และมีตัวอย่างหลายกรณี ที่คนดี คนที่ยืนหยัดต่อต้านคอรัปชั่น ความทุจริต การโกงกิน กลับถูกเล่นงาน กลั่นแกล้ง จากองค์กร หน่วยงาน หรือแม้แต่ภาครัฐ แต่นั่นกลับยิ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงความเข้มแข็งในจิตใจ ที่ไม่ยอมแพ้ให้ความกิเลสฝ่ายต่ำในใจตน
   
ในประเทศไทย แม้ว่าน่าจะมีการนำเรื่องเซ็กซ์มาประกอบการทุจริตอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวมากนัก แต่ก็อย่างที่บอกว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้เงิน หรือใช้เซ็กซ์ แต่อยู่ที่จิตใจใฝ่ต่ำที่ยอมแพ้ให้กับกิเลส เท่ากับขายจิตสำนึกและจิตวิญญาณของความเป็นคนให้กับความโลภและตัณหาไปแล้ว
   
วันนี้ของปิดท้ายด้วยวจนะของบรมครูจอมปราชญ์แห่งจีนอย่างขงจื่อที่ว่า "สัตบุรุษแม้ปรารถนาในทรัพย์ แต่ก็ต้องได้มาอย่างถูกทำนองคลองธรรม"

ที่มา.สยามรัฐ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น