--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฟันธง. ไทยเบอร์ 1 เออีซี !!??

หากฟังมุมมองของ บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี ภายหลังเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ประเทศไทยยังน่าลงทุนที่สุด เรียกว่า เป็นศูนย์กลางการธุรกิจและการ ลงทุนของอาเซียน นั่นเอง

ซีอีโอทีเอ็มบีกล่าวในงานสัมมนาเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจไทย Borderless on Stage ตอน "ธุรกิจไทยจัดทัพ...สร้างฮับ AEC" ว่า ผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสจากการเป็นเออีซีมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงสมร-ภูมิเศรษฐกิจ แม้จะไม่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ ก็จะได้รับอานิสงส์จากทุนต่างชาติที่ถาโถมเข้ามา ถ้าปรับตัว

"โดยพื้นฐาน ไทยมีความได้เปรียบกว่า ประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นฐานธุรกิจการ เกษตร อุตสาหกรรมการผลิตและบริการที่พร้อมในการตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศเพื่อนบ้านภูมิภาคนี้มากที่สุด"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี ชี้ให้เห็นถึงมุมมองใหม่สำหรับผู้ประกอบการในประเทศว่า หลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยความได้เปรียบด้านที่ตั้งของประเทศ และ โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แม้หลายๆ องค์กรจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทีเอ็มบีมองว่า แทนที่จะส่งเสริมธุรกิจให้พยายามออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพียงด้านเดียวเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน ทุกภาค ส่วนควรเร่งมือในการเตรียมความพร้อม และ สนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถ รองรับการเติบโตของการลงทุนและธุรกิจในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น

"ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่ดีมาก และมีความพร้อมที่สุดที่จะเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดึงดูดการ ลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เพราะเรามีความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการ ด้านผลิตภัณฑ์และบริการของตลาดในภูมิภาคนี้ จึงนับเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจ ครั้งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทยที่จะเติบโตไปข้างหน้า"

นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบทางภูมิ-ศาสตร์ที่เสมือนเป็นประตูสู่อาเซียน การคมนาคมไปยังประเทศอื่นในอาเซียนสะดวก และเหมาะสำหรับการติดต่อไปยังจีน อินเดียและญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากนี้ ไทยยังเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมและบริการที่สำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมประกอบ ชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร/เครื่องดื่ม บริการส่งออกสินค้า ศูนย์กลางการค้า จัดหา วัตถุดิบ การท่องเที่ยว

จากรายงานของ Global Competitiveness Report ระบบโครงสร้างพื้นฐานของไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน ซึ่งช่วยสนับสนุนด้านการขนส่ง กระจายสินค้าไปยังประชากรในกลุ่มอาเซียนที่มีมากกว่า 600 ล้านคน หรือ 10% ของประชากรโลก

นายบุญทักษ์ แนะนำว่า ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับธุรกิจใน 4 ยุทธศาสตร์ต่อการเป็นศูนย์กลางของประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่

การสร้างนวัตกรรม ปัจจุบันการใช้จ่ายในด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ ไทย อยู่ที่ 1,460 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 0.25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ นับเป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียน และอันดับที่ 41 ของโลก รองจากสิงคโปร์ (2.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) และ มาเลเซีย (0.63% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) ถือว่าไม่ขี้เหร่ แต่จะทำยังไงที่จะนำงานวิจัยมาสร้างนวัตกรรมเพื่อมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมของโลก ปัจจุบันมีบริษัทได้รับอนุมัติให้ติดฉลากลดคาร์บอน (Carbon Footprint) บนผลิตภัณฑ์รวม 190 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง พลาสติก และผลิตภัณฑ์ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับบริษัทในประเทศไทยที่มีมากถึง 3 ล้านบริษัท

การเชื่อมโยงระหว่างกัน การผลิตชิ้น ส่วนยานยนต์ในเมืองไทยสามารถส่งต่อให้กับอาเซียนได้ นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบการเป็น ศูนย์กลางของภูมิภาคและศักยภาพด้านการ บิน ทำให้สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับ ประเทศอื่นในลักษณะส่งผ่านนักท่องเที่ยว เช่น มาเลเซีย ไทย ลาว พม่า

การเพิ่มประสิทธิภาพผู้ประกอบการไทยควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แรงงานในการผลิต ควรปรับตัวโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานและการออกแบบสินค้า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย

"หากผู้ประกอบการไทยสามารถเร่งพัฒนาใน 4 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ ทีเอ็มบีเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจอาเซียนที่แข็งแกร่งมีศักยภาพสูง และผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นในครั้งนี้ และทีเอ็มบีพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อมๆ กับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน"

ที่มา.สยามธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น